ค.ศ.2014-2022 เป็นช่วง 8 ปีที่นักประวัติศาสตร์ต้องบันทึกว่าเป็นยุคที่ชาวนาและเกษตรกรไทยเหนื่อยล้าสิ้นหวัง ความยากจนและความยุ่งยากในการเข้าถึงทุนทำให้เกษตรกรต้องจำนองและขายฝากที่ดิน เกือบครึ่งหนึ่งของที่ดินของเกษตรกรไทยรายย่อยเสี่ยงที่จะหลุดมือไปเป็นของเจ้าหนี้นอกระบบหรือสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกสัญญาขายฝากที่เป็นสัญญาประกันหนี้เงินกู้ที่มีเงื่อนไขบังคับว่า เมื่อผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา ที่ดินก็จะตกเป็นของผู้ให้กู้ทันทีเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างสูงจากรัฐบาล รัฐบาลที่ดีมีคุณภาพต่างเกื้อหนุนจุนเจือเพื่อให้เกษตรกรของตนสามารถอยู่ได้ การให้ความรู้ในทุกมิติแก่เกษตรกรจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะความรู้ในด้านการผลิตและการตลาด อย่างตลาดสินค้าเกษตรนี่พัฒนาไปมาก ผู้บริโภคยุคปัจจุบันไม่ได้ซื้อเพราะตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ซื้อความปลอดภัยด้านการบริโภค ซื้อคุณงามความดี รวมทั้งซื้อภาพลักษณ์ของประเทศที่ผลิตด้วยผมประชุมทางไกลกับหน่วยงานรัฐของสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ฟังกฎที่ทางจีนกำหนดด้านการตรวจสอบและกักกันโรคที่มีกฎหมายเกี่ยวข้องถึง 4 ฉบับ+ 1 มาตรการ+ 1 พิธีสาร แล้วก็กังวลใจว่า ถ้าเกษตรกรไทยผู้ผลิตสินค้าไปตลาดจีน ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ผมว่าปีนี้มีปัญหาใหญ่แน่กฎหมายฉบับที่ 1 ว่าด้วยการกักกันสัตว์และพืชเข้าและออก +ระเบียบการบังคับใช้กฎหมายกักกันสัตว์และพืชเข้าและออก ฉบับที่ 2 ว่าด้วยความปลอดภัยด้านอาหาร+ระเบียบการบังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยด้านอาหาร ฉบับที่ 3 ว่าด้วยการตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออก+ระเบียบปฏิบัติ และฉบับที่ 4 ว่าด้วยสุขภาพและการกักกัน ส่วนมาตรการก็คือ มาตรการกำกับดูแลและดำเนินการตรวจสอบและกักกันผลไม้ที่นำเข้า สำหรับพิธีสารก็คือ พิธีสารทั่วไปของกรมศุลกากรจีนและกระทรวงเกษตรของไทย ว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบและกักกันของผลไม้นำเข้าและส่งออกของจีนและไทยผ่านประเทศที่สามการส่งออกผลไม้ไปจีนทำให้เกษตรกรไทย (ส่วนหนึ่ง) ลืมตาอ้าปากได้ มูลค่ารวมของผลไม้ไทยไปจีน ค.ศ.2019 คือ 6.45 หมื่นล้านบาท ค.ศ.2020 มูลค่า 9.3 หมื่นล้านบาท และเมื่อปีที่แล้ว ค.ศ.2021 มูลค่า 1.59 แสนล้านบาท นี่คือตัวเลขจากกรมศุลกากรจีน ส่วนที่ทำนายทายกันไว้คือ ค.ศ.2022 ตัวเลขอาจจะเกิน 2.2 แสนล้านบาท แต่จะการดันให้การส่งออกไปถึงตัวเลข 2.2 แสนล้านบาทได้ของจริง เราต้องปฏิบัติตามกฎที่กรมศุลกากรจีนวางไว้อย่างเคร่งครัดรัฐไทยควรแจ้งให้เกษตรกรไทยได้รู้กฎหมายการนำผลไม้เข้าจีนโดยทั่วกัน โดยเฉพาะมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งชาติ เช่นข้อจำกัดด้านสารพิษจากเชื้อราในอาหาร สารปนเปื้อนในอาหาร สารตกค้างสูงสุดสำหรับกำจัดศัตรูพืชในอาหาร วัสดุและผลิตภัณฑ์พลาสติกสัมผัสอาหาร แนวทางการใช้สารกำจัดศัตรูพืชอย่างสมเหตุผล ฯลฯข้าราชการจีนจำนวนไม่น้อยถูกลงโทษจากความหย่อนยานในการตรวจความปลอดภัยของอาหาร ความกลัวถูกลงโทษทำให้การจ่ายใต้โต๊ะทำได้น้อยลง รัฐบาลไทยจึงควรส่งเสริมให้เกษตรกรไทยแก้ไขปัญหาด้านการผลิตสินค้าทางการเกษตรอย่างยั่งยืน ยกระดับสินค้าเกษตรส่งออกไทยให้เป็นสินค้าพรีเมียม ไม่ใช่คิดแต่เรื่องการวิ่งเต้นเส้นสายจ่ายเงินใต้โต๊ะจีนส่งผักและผลไม้เข้ามาไทยจำนวนมากเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค หน่วยงานราชการไทยควรมีมาตรการที่เข้มงวดในระดับเดียวที่จีนเข้มงวดกับเรา ไม่ใช่ว่าผลไม้และสินค้าเกษตรไทยเข้าจีนได้ยาก แต่ผักและผลไม้ของจีนเข้าไทยได้ง่าย เรื่องตัวเลขก็ต้องมาพิจารณากันให้ดี ว่าที่ขายได้กันปีละเป็นแสนล้านบาทนั้น เงินตกอยู่ในมือเกษตรกรไทยของจริงเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ หรือไปอยู่ในกระเป๋าพ่อค้าคนกลางซึ่งเป็นชาวต่างชาติมากกว่าครึ่งหรือเปล่า.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com