นายแธ ยอง-โฮ อดีตนักการทูตระดับสูงของเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์ไปอยู่เกาหลีใต้ ออกโรงขอโทษเมื่อ 4 พ.ค. หลังเคยชี้ว่านายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือป่วยหนักจนยืนไม่ได้ หลังสื่อของทางการเกาหลีเหนือเผยแพร่ภาพนายคิม จอง-อึน พร้อมคณะผู้นำระดับสูง รวมทั้ง น.ส.คิม โย-จอง น้องสาว ไปทำพิธีตัดริบบิ้นเปิดโรงงานปุ๋ยทางเหนือกรุงเปียงยางเมื่อ 30 เม.ย. โดยนายคิม จอง-อึนเดินยิ้มร่า สูบบุหรี่ ดูสุขภาพแข็งแรงดี ท่ามกลางฝูงชนหลายร้อยคน นับเป็นการสยบข่าวลือต่างๆ หลังเขาหายตัวไปนานเกือบ 3 สัปดาห์ จนมีข่าวว่าเขาเข้ารับการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ ป่วยหนัก กลายเป็นมนุษย์ผัก เสียชีวิต หรือหลบไปเก็บตัวป้องกันติดเชื้อไวรัสโควิด-19นายแธ ยอง-โฮ เป็นอดีตรองเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำอังกฤษ ทำหน้าที่จัดการกองทุนลับให้นายคิม จอง-อึน เขาหนีไปเกาหลีใต้ในปี 2559 และเป็นหนึ่งในผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ 2 คนที่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติเกาหลีใต้เมื่อเดือนที่แล้ว โดยนายแธกล่าวว่า หนึ่งในเหตุผลที่ชาวเกาหลีใต้ลงคะแนนเลือกตนเป็น ส.ส. เพราะคาดหวังว่าจะช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์เรื่องเกาหลีเหนืออย่างถูกต้อง ตนจึงรู้สึกผิดและต้องรับผิดชอบอย่างสูง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ตนขอโทษทุกคนด้านนายจี ซอง-โฮ ผู้แปรพักตร์ระดับสูงชาวเกาหลีเหนือที่ชนะเลือกตั้งได้เป็น ส.ส.อีกคน และเคยได้รับเชิญไปร่วมงานแถลงผลงานและนโยบายประจำปี (สเตต ออฟ เดอะ ยูเนียน) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในปี 2561 ยังไม่ให้ความเห็นใดๆ หลังเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า ตนมั่นใจถึง 99% ว่า นายคิม จอง-อึน เสียชีวิตแล้วหลังการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ และว่าเกาหลีเหนือจะประกาศอย่างเป็นทางการอย่างเร็วใน 30 เม.ย.การวิเคราะห์ข่าวกรองผิดพลาดทำให้ความน่าเชื่อถือในเหล่าผู้แปรพักตร์ระดับสูงเกาหลีเหนือลดลงอย่างมาก พรรคประชาธิปไตย (ดีพี) พรรครัฐบาลเกาหลีใต้ตำหนินายแธและนายจีว่าสะเพร่าเลินเล่อ สร้างความเสียหายรุนแรงยิ่งกว่าเพียงแค่ให้ข้อมูลผิดๆต่อสาธารณชน สมาชิกดีพีคนหนึ่งถึงขั้นขอให้ตัดทั้งคู่ออกจากคณะกรรมาธิการข่าวกรองและกลาโหมทั้งนี้ เว็บไซต์ “เดลี เอ็นเค” ของกลุ่มผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ รายงานเมื่อกลางเดือน เม.ย.ว่า นายคิม จอง-อึน กำลังพักฟื้นหลังการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ จุดกระแสให้ประชาคมโลกคาดเดาต่างๆนานาเรื่องสุขภาพของเขาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นถ้าเขาเสียชีวิตและมีการผลัดผู้นำเกาหลีเหนือซึ่งคาดว่ามีอาวุธนิวเคลียร์.