ชาติพันธุ์ปะโอ–แฟ้มภาพหญิงสาวชาวปะโอสวมชุดประจำถิ่น เดินแห่โคมไฟกระดาษ ระหว่างร่วมงานเทศกาลตาซองดิน หรือเทศกาลแสงและสะกด ในเมืองตองยี เมืองเอกของรัฐฉาน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา (เอพี)สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา หรือที่เรารู้จักกันในนาม “พม่า” เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประชากรมีความหลากหลายอย่างมากทาง “ชาติพันธุ์” แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆได้มากถึง 135 กลุ่มที่เคยได้ยินกันหลักๆ ก็มีทั้งพม่า มอญ ฉาน กะเหรี่ยง คะฉิ่น ฉิ่น คะยา ยะไข่ รวม 8 ชาติพันธุ์ แต่ที่ย่อยๆไม่เคยได้ยินยังมีอีกเยอะแยะ ซึ่งไม่นานมานี้ผู้เขียนมีโอกาสอันดี ได้เดินทางไปเยือนพื้นที่ “เขตปกครองตนเอง” ของชาติพันธุ์ที่ชื่อว่า “ปะโอ”ทั้งนี้ เขตปกครองตนเองปะโอ (Pa-O Self-Administered Zone หรือ PAZ) ตั้งอยู่ในรัฐฉาน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา ห่างจากพรมแดนไทยจังหวัดเชียงรายไปทางเหนือ ประมาณ 570 กิโลเมตร (ถ้าวิ่งตามเส้นทางถนน) ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก เมือง “ตองยี” เมืองเอกของรัฐฉาน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเมียนมาปี พ.ศ.2551 กำหนดให้ปะโอมีทั้งหมด 3 เมืองคือ “สี่แส่ง โหโปง ป๋างลอง”แต่ในความเป็นจริงแล้วชาติพันธุ์ปะโออยู่อาศัยกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆมากมาย จำนวนประชากรเฉลี่ยอย่างน้อย 600,000 คน ทั้งมีองค์กรแห่งชาติปะโอ (PNO) เป็นหัวเรือหลักมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 พร้อมด้วยฝ่ายความมั่นคงของตนเอง “กองทัพชาติปะโอ” ขุมกำลังราว 400 นาย ที่เปลี่ยนชื่อเป็น “องค์การปลดปล่อยชาติปะโอ” (PNLO) ในภายหลังลงนามหยุดยิงกับสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ ในปี พ.ศ.2534ตามกฤษฎีกาของรัฐบาลเมียนมานั้น เขตปกครองตนเองปะโอ มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 โดยกำหนดให้องค์กรแห่งชาติปะโอ (PNO) เป็นผู้บริหารงาน และ มีองค์กรปกครองตนเองปะโอ (PAZ) เป็นตัวกลางคอยประสานงานกับรัฐบาลเมียนมาอย่างสม่ำเสมอจากการนั่งรถสมบุกสมบันกว่า 14 ชั่วโมง เพื่อจะเข้าไปในพื้นที่ และได้รับโอกาสให้เข้าร่วมการประชุมขององค์กรปกครองตนเองปะโอนั้น “คอน ซัน เว” ผู้ว่าราชการขององค์กรปกครองตนเองปะโอ (PAZ) รวมถึงสื่อมวลชนในเมียนมา ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการบริหารงานให้ฟังว่า องค์กรพีเอแซดที่นายคอน ซัน เว ดำรงตำแหน่งหัวหน้า ถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง และได้รับการยอมรับจากรัฐบาลเมียนมาพอตัว พบผู้บริหาร–นายคอน ซัน เว ประธานเขตปกครองตนเองปะโอ (PAZ) อธิบายถึงภาพรวมพื้นที่ปะโอ และความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ.ยกตัวอย่างเวลาที่องค์กรแห่งชาติปะโอต้องการทำอะไร รัฐบาลเมียนมาก็จะถามมาว่าพีเอแซดโอเคไหม ถ้าโอเคก็จะอนุมัติ แต่ถ้าไม่ก็คือไม่ เช่นเดียวในทางกลับกัน เวลารัฐบาลเมียนมาอยากได้อะไร ถ้าพีเอแซดโอเค องค์กรแห่งชาติปะโอก็จะตกลงตามไปด้วยเช่นเดียวกับเรื่องการค้าการลงทุนในพื้นที่ จะต้องได้รับการอนุมัติจากพีเอแซดเช่นกัน นายคอน ซัน เว เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า เรื่องการทำมาค้าขายเราศึกษาการพัฒนาจากไทย และมีความสัมพันธ์กับคนไทยมานานแล้ว และหากนักลงทุนของไทยต้องการเข้ามาเราก็ไม่ปฏิเสธทั้งสิ้น เพราะเป็นหน้าที่ขององค์กรที่จะต้องพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด“พื้นที่เรากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเกษตร เน้นที่พืชผักเป็นส่วนใหญ่ บางพื้นที่การเกษตรก็ยังไม่ถูกวิธี ขณะที่การขนส่งผักสดก็จะทำให้ราคาสูง จึงทำได้อย่างมากก็ของแห้ง ปัญหาคือเราไม่มีทุน บางพื้นที่ก็ไม่มีไฟฟ้า จะให้มาทำเป็นโรงงานแปรรูปแบบไทยคงไม่ได้...เรามีแค่ดิน”อย่างไรก็ตาม เรามีบทเรียนแล้วว่าธุรกิจบางอย่าง อนุมัติไปก็เสียที่ดินเปล่าๆ ก่อนหน้านี้เคยมีคนเข้ามาแล้ว (ชาติมหาอำนาจชาติหนึ่ง) กวาดกำไรกลับประเทศไปก็มี ล้มเหลวไปก็มี หากมีเงินเข้ามาลงทุนเองก็จะขอบคุณ ซึ่งหากทำสำเร็จแล้วก็ควรที่จะกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆด้วย เพราะคนแถวนี้เป็นพี่น้องกัน ควรจะช่วยทำให้ที่อื่นสำเร็จไปด้วยกันส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวนั้นยังคงห่างไกลความเป็นจริง เพราะถึงแม้จะมีความสนใจ ประกอบกับรัฐบาลเมียนมาเริ่มที่จะอนุมัติการเปิดบ้านพักโฮมสเตย์แล้ว แต่สำหรับปะโอมองว่าเรื่องอาหารการกินสำคัญที่สุด การท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องรองลงไปเพียงเท่านี้คงจะพอเห็นภาพแล้วว่า เขตปกครองตนเองปะโอมีอะไรดี และต้องการอะไร น่าจะเป็นโอกาสอันดีเสียด้วยซ้ำสำหรับทางการไทย ในการเสริมสร้างความร่วมมือต่อไปในอนาคต เพราะทัศนคติต่อบ้านเราถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว และพื้นที่ยังมีความ “ดิบ” อยู่มากเมื่อต้นเดือน ส.ค.นี้ กรมการค้าต่างประเทศเพิ่งมีการหารือกับทางรัฐฉานไป พร้อมเจรจาเล็งจัดงานไทยแลนด์ เฟสติวัล 2561 โปรโมตสินค้าไทยที่เมืองตองยี ไม่ไกล จากปะโอนัก ซึ่งผู้เขียนอยากแนะนำว่าหากจะขยายกิ่งก้านออกไป คงไม่ใช่เรื่อง น่าเสียหายแต่ประการใดเลย.วีรพจน์ อินทรพันธ์