เป็นโมเมนต์ที่แฟนๆรอคอย กับการมาเจอกันอีกครั้งของคู่จิ้นสุดฮอต “บิลลี่–ภัทรชนน อ่อนสอาด” กับ “เบ้บ–ธนทัต พรรณวิริยะกุล” หลังจับคู่กันสร้างปรากฏการณ์ความปังมาแล้วในซีรีส์ “THE SIGN ลางสังหรณ์” ครั้งนี้ บิลลี่–เบ้บ โคจรมาเจอกันในซีรีส์วาย “อสงไขย Interminable” แนวพีเรียดรักเร้นลับเหนือกาลเวลา ผลิตโดย ไอดอล แฟคทอรี่ (IDOL FACTORY) ออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ เวลา 21.30 น. ทางช่อง Workpoint หมายเลข 23 และดูออนไลน์เวอร์ชัน UNCUT เวลา 22.30 น. บนแอป iQIYI และเว็บ http://iQ.com ผสมผสานวรรณศิลป์ไทยเข้ากับซีรีส์วายเหนือธรรมชาติได้อย่างวิจิตรบรรจง “บิลลี่” รับบท “คุณใหญ่” ชายผู้สูงศักดิ์ และ “เบ้บ” รับบท “แก้วตา” นางรำจากเรือนหลวง ความรักของทั้งสองต้องเผชิญอุปสรรคจากความแตกต่างทางชนชั้นและแรงริษยา นำไปสู่ชะตากรรมที่บีบคั้นให้ต้องเลือกระหว่างหัวใจกับพันธนาการแห่งยุคสมัย พร้อมเสิร์ฟเคมีเคใจซึ่งเป็นการพลิกบทบาท พลิกคาแรกเตอร์ ปรับลุคหลายแบบของทั้งคู่ กำกับโดย “ใหม่ ภวัต พนังคศิริ” เจ้าพ่อละครพีเรียดฟีเวอร์ที่มาทำซีรีส์วาย เลยชวนทั้ง บิลลี่–เบ้บ มาพูดคุย เริ่มจากความรู้สึกของการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ บิลลี่–เบ้บ ที่ทุกคนรอคอย?บิลลี่ “สำหรับซีรีส์ก็ห่างหายกันมา 2 ปี แต่พวกเราก็ยังมีไปเวิลด์ทัวร์ ไปเจอเเฟนคลับ ไปเเฟนมีตกันที่ต่างประเทศตลอด ได้กลับมาเล่นด้วยกันอีกก็ดีใจมาก” เบ้บ “ถึงเราจะเจอกัน ทำงานด้วยกันตลอดหรือเราจะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดแต่ว่าการได้กลับมาได้เล่นซีรีส์ด้วยกันอีกครั้งนึงเป็นความรู้สึกที่คิดถึงมากๆ” ด้วยความที่เป็นพีเรียด หลายภพชาติ ทำการบ้านกับคาแรกเตอร์กันยังไง?บิลลี่ “ทำการบ้านเยอะมากครับ หลังจากที่ได้รับรู้ว่าจะต้องเล่น 3 ตัวละครเราต้องเล่นให้มันแตกต่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวละครเดียวกัน แต่ คุณใหญ่ รัชกาลที่ 6 กับรัชกาลที่ 9 ก็แตกต่างกันเพราะฉะนั้นเราต้องเล่นให้มันแตกต่างกันเพราะว่าคนที่ต้องเจอกับโศกนาฏกรรมเห็นแฟนเราเสียชีวิตต้องเป็นวิญญาณประจำอยู่ที่บ้าน เค้ามีความคิดแบบไหนที่ต้องมารอเป็นอสงไขย สิ่งต่างๆของตัวละครถ้าเทียบกับสมัยก่อนที่เขาเสียชีวิต มันก็แตกต่างกัน ข้างในมันแหลกสลาย ฝั่งรัชกาลที่ 6 นั่นก็คือชีวิตปกติชีวิตมีความสุข และยังมีอาจารย์เปรมอีก คือตัวละครใหม่ที่เราจะต้องให้คนดูรู้สึกว่าคนละคนแค่เป็นบิลลี่รับบท ก็เวิร์กช็อปเยอะครับ โชคดีที่ได้พี่ใหม่-ภวัต รู้ว่าเด็กแต่ละคนต้องถ่ายทอดยังไง คือเรื่องนี้ปูแบ็กกราวน์กันลึกมาก เพราะมันเป็นตัวละครที่เราไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนั้น เราคิดภาพไม่ออกเลยว่าเอเนอร์จี้ข้างในเราเป็นยังไง ดูยูทูบบ้าง ไปดูคลิปที่เค้าเป็นสารคดี เค้าทำอะไรยังไง มีความคิดอะไรยังไง” ส่วนเบ้บต้องรับบทเป็นนางรำยากยังไง? เบ้บ “ตัวเบ้บไม่เคยรำมาก่อนก็ต้องเรียน ใช้เวลาเกือบปีที่จะอัปสกิลของตัวเอง ที่ยากไปกว่านั้นคือมันเป็นมากกว่าการรำ คือเบ้บเรียน เบ้บรำได้แต่การรำในเรื่องเป็นการรำ เป็นแก้วตารำ มันจะต้องคิดอ่านแบบแก้วตาไปรำ มันก็เป็นเหมือนการเติมอาวุธให้กับตัวเองก่อนที่จะลงสนามจริง” ทำให้เราอินกับตัวละครมากขึ้นมั้ย? เบ้บ “จริงๆ ทุกวันนี้ฟังเพลงไทยเดิมเปลี่ยนไป พอเราเห็นดีเทล ของเสียงดนตรีมากขึ้น มันมองว่ามันสวยงามมากขึ้น”การร่วมงานกับ ใหม่–ภวัต ผู้กำกับขึ้นชื่อเรื่องความละเอียดที่สุด เป็นไงบ้าง?บิลลี่ “ตื่นเต้นครับ กลัวด้วย พี่ใหม่เค้าระดับมาสเตอร์พีซ นักแสดงที่เล่นกับเค้าแต่ละคน แล้วเรายังเป็นมือใหม่อยู่เลยไง ก็แอบกดดัน เราก็ต้องเตรียมรับผิดชอบในส่วนของตัวเองให้ได้มากที่สุด พอมาเจอกันปุ๊บพี่ใหม่เปิดรับมาก คือเค้าให้เราเล่นมาเลย ถึงแม้ว่าจะผิดก็ให้เล่นไปก่อน ผมว่าดีเลยนะช่วยให้เรากล้าที่จะแชร์กับพี่ใหม่ ถ้าพี่ใหม่บอกว่าอันนี้ดี เค้าก็จะรู้แล้วว่าเราทำได้แค่ไหน อันไหนไม่ได้จริงๆพี่ใหม่เค้าก็จะมาบอก มีวิธีพูดที่ทำให้เราไม่เสียใจ” เบ้บ “เบ้บรู้สึกว่าการทำงานกับพี่ใหม่ตอนแรกมีความคิดว่าจะต้องเกร็งแน่เลย แต่พอทำงานไปเรื่อยๆไม่เลยครับ มันมีความชิลแต่สิ่งที่มันสวนทางกันนะคือความละเมียดของพี่ใหม่” บิลลี่ “คือเคยทำงานกับหลายคน ไม่เคยมีใครแบบเป๊ะขนาดนี้มาก่อน”ด้วยความที่แก้วตากับคุณพระนายเจออุปสรรคความรักเยอะ ในฐานะที่เราเป็นคนแสดงถ้าเราเจออุปสรรคแบบนี้ เราจะทำยังไง?บิลลี่ “ถ้าเป็นผมเหรอ โอ้โห น่าจะแตกสลายมาก แต่ด้วยยุคสมัยนี้และยุคสมัยนู้น ถ้าเป็นผม ผมอยากจะสานฝันในสิ่งที่เค้าอยากทำไว้อยู่แล้ว ทำฝันของเค้าให้สำเร็จเพื่อที่จะไม่ต้องค้างคากับโลกใบนี้แล้ว แล้วก็คงจะใช้ความรักนั้น เพื่อ keep going กับชีวิต โดยเค้ายังอยู่ในใจอยู่ตลอด” เบ้บ “ผมก็นึกไม่ออก กับตัวของแก้วตา ถ้าเบ้บเป็นตัวเบ้บนะ ถ้าเจอเรื่องราวอย่างนี้แล้วมีคนนึงจะต้องจากไปแต่เรายังอยู่หนึ่งอย่างเลยคือเราคนที่อยู่ ไม่อยากให้เค้าเป็นห่วง มาคอยพะวักพะวนว่าเราจะ อยู่กินยังไง อยากให้มี mindsetที่ว่า move on แล้วทำให้ตัวเอง Healthy อย่างแก้วตา พอรับทราบเรื่องในอดีตแล้วแน่นอนมันจะต้องมีความรู้สึกที่ว่า ทุกข์ เศร้า กับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น แล้วรู้สึกผิด แต่ว่าถ้าสมมติว่ามัวแต่รู้สึกผิดเราจะไม่ได้ใช้ชีวิตเลย มันคือคำว่า move on เลยล่ะ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยการทำให้มันดีขึ้น” ฉากเลิฟซีนล่ะเป็นแบบไหน โรแมนติกละมุนหรือร้อนแรงยังไง พอสปอยล์นิดนึงได้มั้ย?บิลลี่ “ทุกคนได้เห็นทีเซอร์กันไปบ้าง คือพวกเราก็แอบตกใจเหมือนกัน ที่ซีนต่างๆออกมาแบบว่ามันมีความสวยงาม พี่ใหม่ถ่ายทอดภาพออกมาเป็นความสวยงามของความรักของคนสองคนในยุคสมัยกลายเป็นว่าซีนแต่ละซีนของ NC อะ มันก็จะมีอารมณ์ถ้าแบบรุนแรงเขาก็จะถ่ายทอดออกมาเป็นรุนแรง แต่มีความสวยงาม พวกเราเล่นแล้วไปดูก็หูย มันฉ่ำ มันสวย” เบ้บ “เบ้บเปรียบเทียบเป็นอย่างนี้ ถ้ามองเป็นภาพแบบว่าเปรียบเปรยนะ ถ้าสมมติว่าเรากินกับข้าวอาหารนู่นนี่นั่นจืดหมดเลยอะ มันก็จะจืด เป็นอาหารที่จืด แต่ถ้ามันมีรสหวาน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม เข้ามาผสมแล้วกินรวมกันเป็นคำเดียวอะ มันทำให้ทุกอย่างกลมกล่อม ใช่ มันมีหลายคำพูดที่คนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับการหยิบยก NC มาขาย แต่เบ้บมองว่า แล้วแต่มุมมองของทุกคนเลย แต่อยากขอให้ลองชิมทั้งหมดก่อน ไม่ใช่ชิมแค่ NC หรือว่าคนที่ชิมอันอื่นไปแล้ว ก็ลองชิม NC เราด้วย แล้วลองเอาทุกอย่างมาผสมรวมกัน มันจะกลมกล่อม”อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตาม?บิลลี่ “นอกจากเรื่องราว เรื่องโปรดักชัน ความเป็นพี่ใหม่ ที่การันตีความมาสเตอร์พีซมาแล้ว ทุกคนก็จะได้เห็นงานของพี่ใหม่อีกครั้งที่มันมีความสวยงาม มีมุมกล้องต่างๆได้ย้อนยุคไปในยุคสมัยนั้น และตีความความรักของแก้วตากับคุณพระนายในรูปแบบที่มันสดใสมากขึ้น” เบ้บ “เบ้บว่าสิ่งที่เป็นเสน่ห์เลยของเรื่องนี้เนี่ย มันเป็นความที่ทุกอย่าง มันถูกผ่านกระบวนการคิด กระบวนการกลั่นกรองออกมา นำเสนอออกมาเป็นภาพให้ทุกคนได้ดูอย่างเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อาหารการกิน ทุกอย่างมันถูกย่อยออกมาแล้วนำเสนอให้คนดูได้แบบละเมียดมากๆ เนี่ยแหละเบ้บว่าคือเสน่ห์จริงๆของ “อสงไขย” อีกอย่างคือความรู้สึกของตัวละคร เบ้บว่า เนี่ยแหละ คนดูถ้าได้ดูตอนแรกนะ มันจะเกิดคำถาม ละให้ดูต่อไปเรื่อยๆ จะอยากเอาใจช่วยสองคนนี้”การทำงานเรื่องนี้มันท้าทายและยากมาก เราสองคนช่วยกันยังไงบ้าง?บิลลี่ “โห ผมรู้สึกว่า เราดีขึ้นจากเดิมเยอะมากเลยครับ จากตอน “ลางสังหรณ์” ผมรู้สึกว่า สิ่งสำคัญสุดในการเล่นคู่กัน คือ ความสบายใจในการทำงาน เรื่องนี้ผมรู้สึกว่าเราแค่อยู่ข้างกันมันก็คือกำลังใจที่ดีแล้ว เช่นนี้ มันเป็นพลังงานที่ดีมากกว่าอยู่คนเดียว” เบ้บ “เรากล้าคุย เรากล้าคอมเมนต์เรากล้าฟีดแบ็กกันมากขึ้นในการทำงาน ก่อนหน้านี้จะมีความกล้าๆกลัวๆ ในการที่เราจะพูดกันว่า ทำอย่างนั้นอย่างนี้ดีกว่ามั้ย เราจะไม่พูดกัน แต่พอพักหลังเหมือนเราเชื่อใจและเราไว้ใจเค้ามากขึ้น เหมือนแม่เตือนเรา พ่อเตือนเรา เราจะเชื่อ มันต้องเป็นคนที่ไว้ใจ สนิท” บิลลี่ “ผมรู้สึกว่าแพชชันในการทำงานเรามันคืออันเดียวกัน เราจะเหนื่อยยังไงก็แล้วแต่ แต่เราจะอยากให้งานออกมาดีที่สุด ซึ่งไดเรกชันทิศทางของการทำงานในเรื่องเนี้ย ต้องยกเครดิตให้พี่ใหม่-ภวัต เค้าเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เราชัดเจนมากๆ ด้วยการ Workshop เพราะฉะนั้นถึงแม้นักแสดงทุกคนจะเจอกันน้อย แต่ว่าทุกคนน่ะ ทำผลงาน เล่นออกมาไปในไดเรกชันเดียวกัน”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม