เป็นอีกหนึ่งการเติบโตสุดเซอร์ไพรส์ ศิลปินระดับโลกสายเลือดไทย BamBam หรือ “แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” พร้อมเสิร์ฟความพิเศษเพื่อบ้านเกิด ปล่อยอัลบั้มเพลงไทยชุดแรกในชีวิตในชื่อ [HOMETOWN] ร่วมงานกับศิลปินแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง ธามไท, อิ้งค์ วรันธร และ เจฟ ซาเตอร์ รวมถึงโปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง Pharrell Williams กระแสตอบรับดีเยี่ยม พิเศษเข้าไปอีกกับการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศไทยเท่านั้น กับงาน “2025 BamBam HOMETOWN Concert in Bangkok” ในวันที่ 22 และ 23 พ.ย.68 ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม โดยผู้จัดคุณภาพ iMe Thailand สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการเพลงครั้งใหญ่ขนาดนี้ เลยอยากรู้ว่า คำว่า “HOMETOWN” บ้านเกิดมันมีความหมายกับชีวิต “แบมแบม” ยังไงบ้าง? “จริงๆ มันก็คือจุดเริ่มต้นแล้วกันครับ คือไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตามจะพยายามไม่ลืมจุดเริ่มต้นของตัวเองที่ถือว่าเป็นรากฐานของผม” ที่เราเลือกใช้คำว่า [HOME TOWN] ในอัลบั้มภาษาไทยอยากสะท้อนความเป็นตัวตนอะไร? “จริงๆผมก็อยากใส่ความเป็นบ้านเกิด ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้านเกิดหรือการมองประเทศไทยที่ผมเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ก็เลยเอาช่วงเวลาตอน 90 มาเป็นธีมหลักของอัลบั้ม ฟีลลิ่งช่วงเวลานั้นตอนเด็กๆผมไม่ได้ไปเที่ยวสถานที่ที่มันดังๆ ถ้าดูในมิวสิกวิดีโอก็จะเป็นแค่ในซอยปกติ” นอกจากคำว่า HOMETOWN ที่แปลว่าบ้านเกิดสำหรับเรามีอะไรที่เป็น HOMETOWN สำหรับจิตใจเราบ้าง? “ก็ GOT7 มั้ยครับ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของผมเหมือนกัน” การทำอัลบั้มไทยกับ K–POP ต่างกันยังไง? “ก็ต่างนะ คือจริงๆผมว่ารู้สึกสนุกขึ้น เพราะว่ามันเป็นครั้งแรก รู้สึกแปลกใหม่ ขั้นตอนการทำงานคล้ายๆกัน คือผมแต่งเพลง อาจจะมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นก็คือต้องลองเขียนเนื้อเพลงภาษาไทย แต่ว่านอกจากนั้นก็คล้ายๆกัน เรื่องแต่งเนื้อร้องเป็นภาษาไทยก็มีให้เพื่อนช่วย คือ TYTAN กับ SMEW แต่มู้ดของเพลง เมโลดี้ เสียงดนตรี หรือเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ผมเขียนไปมันก็เป็นผมอยู่แล้ว เค้ามาช่วยแค่แปลให้บางส่วนแล้วก็เขียนเนื้อเพิ่มให้บางส่วน” แล้วศิลปินที่มาร่วมฟีเจอริงแต่ละคนมีอะไรที่ “โดน” กับเรา? “อย่างธามไท ก็จริงๆโดนจากเรื่องการเต้นก็คือรู้สึกว่าเต้นดี แล้วก็น่าจะเต้นกับผมได้ ส่วนพี่เจฟนี่ก็คือเค้ามีสไตล์ที่แน่นอน แต่ผมอยากให้เค้ามาทำฮิปฮอป อยากลองอะไรใหม่ๆกับพี่เค้า แล้วก็พี่อิ้งค์นี่ผมรู้สึกว่าเสียงเค้าดูสดใสดี ถ้าได้พี่อิ้งค์มาร้องเพลงไฟเขียวที่ผมแต่งมาเนี่ยมันต้องเข้ามากแน่ๆ” ถ้าให้เลือกเพลงที่เราชอบที่สุดของทั้ง 3 ศิลปินล่ะ? “ของธามไทผมชอบเพลง Hit Me Up ที่สุด เพราะว่ามันเป็นจุดเริ่มจริงๆและก็ชอบเพลงช้าของเค้าอีกเพลงนึง ของพี่เจฟผมชอบเพลง ซ่อนไม่หา กับ Yellow Leaf ส่วนของพี่อิ้งค์ ชอบเพลงลบไม่ได้ช่วยให้ลืม ฟังบ่อยเลยนะ หลังจากที่จะเริ่มทำอัลบั้มมา ก็ต้องฟังเพื่อจะเรียนรู้พวกเค้าด้วย” รู้สึกยังไงที่คนที่ได้ร่วมงานกับแบมแบมทุกคนจะบอกว่าแบมแบมทำงานละเอียดมาก มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ? “ผมก็ไม่รู้นะว่าอะไรที่ทำให้เค้ารู้สึกแบบนั้น แต่ว่าส่วนตัวผมก็ใช้ชีวิตแบบนี้มา ผมมีวิธีการทำงานแบบนี้มานานแล้ว ซึ่งผมก็เลยแบบจริงเหรอ มันละเอียดเหรอ (ยิ้ม)” อยากให้เล่าถึงความ “ที่สุด” สำหรับการทำอัลบั้มนี้ เริ่มจาก “ยากที่สุด”? “คือการควบคุมงบ (หัวเราะ) อันนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด คือมันจะทำแค่ผลงานที่ไม่สนใจตรงนี้เลยมันก็ไม่ได้ ก็คือต้องทำแบบว่าให้สิบมันต้องทำออกมาให้ดูเป็นร้อย ไม่ได้ถึงขั้นประหยัดนะ แต่ว่าถ้าเกิดจะทำทุกอย่างที่มันอยู่ในภาพในหัวผมเนี่ยมันคงไปไกลกว่านี้ คือไม่ถึงขั้นยอมแพ้ แต่ก็จะมีการปรับเปลี่ยนนิดหนึ่ง” แล้ว “ง่ายที่สุด” ล่ะ? “ทุกอย่างก็โอเคนะ ผมว่าการทำเพลงเนี่ยง่ายที่สุด เพราะว่ามันราบรื่นมากเลย เรื่องการติดต่อศิลปินให้เข้ามาฟีเจอริงอันนั้นก็ง่ายก็ราบรื่นทุกคนดูแฮปปี้ มันก็เลยทำให้ผมยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ด้วย” “ขำที่สุด” ล่ะ? “คือการเจอธามไท สนุกที่สุด แล้วก็ขำที่สุด” เค้ามาเติมอะไรให้เราบ้าง? “เค้ามาเติมชีวิตวัยเด็กที่ผมไม่มี การที่เค้าชวนผมไปเที่ยวบ้างเวลาว่างไปทำนู่นไปทำนี่ การที่เราล้อเล่นกัน การที่พอรู้จักกับเค้าแล้วเค้าพาเราไปทำอะไรหลายๆสิ่ง มันเลยดูเหมือนได้ชดเชยชีวิตวัยเด็ก” แล้ว “ฟินที่สุด” สำหรับการทำอัลบั้มนี้? “ฟินที่สุดก็น่าจะเป็นตอนที่เห็นผลทุกอย่างตอนที่ปล่อยออกมา ผมว่าทุกฟีดแบ็กตอนนี้มันดีเกินกว่าที่ผมคิดเลย แล้วก็แฮปปี้สำหรับทุกคำชื่นชม มันก็ฟินดีแฮปปี้ที่มีคนเข้ามาชอบผลงานที่เราทำ เรียกได้ว่าเกินคาดเลยครับ” ถามถึงเพลง WONDERING การร่วมงานกับณิชา-ณัฏฐณิชา เป็นไงบ้าง? “ทุกอย่างราบรื่นมากเลย เค้าน่ารักครับ ตั้งใจทำงานแล้วเค้าให้ความร่วมมือมากๆ สมมติในกองไม่ว่าจะมีการปรับบทหรือว่าเพิ่มซีนหรืออะไรเค้าก็โอเคหมด ถ้าเกิดมันดีต่อมิวสิกวิดีโอเค้าจะทำหมดเลย” มีอะไรในความเป็นณิชาที่เรารู้สึกว่าไม่คิดว่าเค้าจะขนาดนี้? “ความติ๊งต๊อง (หัวเราะ) ผมนึกว่าเค้าจะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมากๆ แต่พอเริ่มสนิทก็รู้สึกเลือกไม่ผิด พอมันมีความติ๊งต๊องเนี่ยก็เลยเริ่มคุยกันรู้เรื่อง เพราะผมก็ติ๊งต๊องเหมือนกัน มันก็สนิทกัน ก็รุ่นเดียวกันทั้งผม ธามไท พี่ณิชา เราสามคนรุ่นๆเดียวกัน พอมาอยู่ด้วยกันมันจะยิ่งติ๊งต๊องเข้าไปใหญ่”ถามถึงความรู้สึกที่จะได้กลับมาจัดคอนเสิร์ตใหญ่ “2025 BamBam HOMETOWN Concert in Bangkok” ครั้งนี้? “ก็ตื่นเต้นนะ ผมรู้สึกว่ามันต้องสนุกเพราะว่าตอนนี้ผมเตรียมมาได้เกือบครึ่งทางแล้ว มันเป็นคอนเสิร์ตในรูปแบบใหม่ อยากเห็นภาพตอนที่มันเสร็จแล้วมากๆ” มีอะไรที่แง้มได้ว่าจะได้เห็น? “จะมีร้องเพลงไทยเยอะหน่อย มีโชว์อะไรที่ไม่เคยเห็นเยอะครับ ส่วนธีมของคนดู แฟนคลับ ธีมงานวัด ใส่ลายดอก หรืออยากให้ใส่ชิลๆ อย่างผู้ชายถ้าไม่อยากใส่ลายดอกก็ใส่กางเกงช้าง หรือว่าเสื้อยืดหรือเสื้อกล้าม ใส่รองเท้าแตะมาก็ได้ เหมือนมางานวัดมาหาของกินหน้าบ้าน” ถ้ามองย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นจนวันนี้ที่มีอัลบั้มภาษาไทยเป็นของตัวเองแล้วเรารู้สึกยังไงบ้าง? “จริงๆก็ไม่เคยคิดนะว่าจะมีวันนี้จริงๆ แล้ววันนี้เรามี 3 ศิลปิน 1 นักแสดงมาเป็นส่วนร่วมในอัลบั้มเรา มาเป็นส่วนร่วมหนึ่งของเพลงไทยของเราด้วย ก็นึกไม่ถึงนะ นึกไม่ถึงว่าสักวันเราจะต้องมาโฮสต์ปาร์ตี้ให้กับคนในวงการกับแฟนคลับ ก็แปลกใหม่หมดเลย” มันคือความภูมิใจ? “ภูมิใจมากๆเลยครับ คือพอเราทำแล้วจริงๆมันเป็นความว้าวสำหรับวงการบันเทิงไทย เพราะว่าเค้าไม่ค่อยเห็นอะไรแบบนี้ และทำให้รู้ว่าถ้าเราจะทำอะไรมันก็ทำได้หมดนะ เราแค่ลงมือทำมัน” ทำมาหลายบทบาทมากๆ ตั้งแต่ศิลปิน แฟชั่นไอคอน พิธีกร ล่าสุดก็ไปจับปลามาแล้ว อะไรท้าทายเรามากที่สุด? “จริงๆไม่มีอะไรท้าทายเลยนะ เพราะว่ามันเป็นทุกอย่างที่ผมรู้สึกผมคุ้นเคยมากๆ คือไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม มันแค่หน้าที่ต่างกัน แต่ว่ามันก็เป็นแบมแบมอยู่ดี ผมไม่ได้ต้องไปเป็นคนอื่น ก็เต็มที่กับทุกบทบาทแค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องไปกล้าๆ กลัวๆ มั่นใจเอาไว้ก่อน ถ้าเราผิดพลาด ใครๆก็ผิดพลาดได้ใช่มั้ย แล้วเราก็บอกขอโทษแบบแมนๆมันก็ดีกว่า” การได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ในเวลาไปอยู่ในบทบาทต่างๆมันเป็นยังไง? “มันรีเฟรชดี สมมติเราร้องเพลงมานานๆ แล้วเรารู้สึกว่าร้องเพลงอีกละ อยากได้อะไรใหม่ๆ สมมติถ้าเกิดมีวาไรตี้เข้ามาผมก็เล่น ผมอยากทำอะไรที่ผมชอบจริงๆ แล้วผมก็เอนจอย ไม่ได้มองว่าอยากไปเพราะว่าที่นี่ยอดวิวดี ผมไม่อยากทำอย่างนั้น มีหลายรายการที่ยอดวิวดีแต่ผมไม่ไปเพราะผมรู้สึกว่าไม่ใช่ผม แล้วบางที่เค้าไม่ได้เชิญผมยังไปขอเค้าออกก็มี” การกลับมาครั้งนี้ ในลุคต่างๆที่ออกมาหลายคนบอกว่าแบมแบมโตแล้ว หล่อกร้าวใจขึ้นทุกวัน รู้สึกยังไงที่บางคน เป็นแม่อยู่ดีๆก็เริ่มไขว้เขว? “จริงๆยังไงก็ได้ รอบนี้ผมอยากเอาเครื่องประดับทุกอย่างออก ผมก็สีดำธรรมชาติ หน้าไม่ได้แต่งเยอะ ชุดก็ใส่สบายๆ ผมอยากโชว์ตัวแบมแบมให้ดู ไม่ได้อยากโชว์เสื้อผ้าหรือคอนเซปต์ให้ดู เลยเลือกที่จะเป็นแบมแบมที่แบบชิลๆ ไม่ต้องแต่งอะไรเยอะ เวลาคนดูเค้าไม่ได้ดูจากเสื้อผ้าก่อน พอเห็นภาพปุ๊บก็คือเค้าจะดูเราเป็นอย่างแรก ผมอยากให้มันเป็นอย่างนั้น ได้เห็นเราที่เป็นเราแบบชิลๆ” ความสุขตอนนี้ของแบมแบมในวัย 28 ปี เก็บเกี่ยวจากอะไรได้บ้าง? “ผมมีความสุขนะ มันก็หลายๆอย่างทั้งคนรอบตัวด้วย เวลาส่วนตัวแล้วก็อัลบั้มที่เพิ่งออกมา ผมก็เอนจอยกับทุกเสียงตอบรับ ตอนนี้ก็เอนจอยทุกอย่าง ผมแฮปปี้” แฟนๆก็จะชื่นชอบเวลาที่ได้เห็นเมมเบอร์ GOT7 ได้เจอกัน หรือว่านัดเจอกันมันจะมีมวลของความสุขสนุกตลอด สำหรับตัวเราเองที่อยู่ตรงนั้นได้รับมวลเหล่านี้มั้ย? “แน่นอนสิครับ พวกผมเวลาเจอกันก็แฮปปี้ ล่าสุดก็ไปโยนโบว์ลิ่งสนุกกันมากๆ ก็เหมือนรวมญาติๆ หรือเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันนาน พอเจอกันมันจะเหมือนระเบิดลง คือมันจะเอนจอยหมดเลย ไม่คุยเรื่องงานเลย ปลดปล่อยแบบจริงๆ” มันได้ฮีลใจเติมใจเรายังไงบ้าง? “ก็เหมือนได้ทบทวนอีกรอบหนึ่งว่าเรามีเพื่อนดีๆแบบนี้อยู่นะ เพื่อนดีๆแบบ GOT7 ทบทวนอีกรอบหนึ่งว่าเราไม่ได้สู้คนเดียว เวลาเหนื่อยๆ ก็ยังสามารถติดต่อหาเมมเบอร์ได้ Reach Out หาเมมเบอร์ได้” แล้วชีวิตตอนนี้มีอะไรสัก 3 สิ่ง ที่ต้องพกทุกวันแบบขาดไม่ได้บ้างมั้ย? “หนึ่งเลยคือลำโพง ก็จะพกไปทุกที่ ทุกประเทศผมก็จะเอาไปหมด สองคือผ้าห่มเน่า ผมจะเอาไปทุกที่ ผมชอบเวลาถูมันลื่นๆ ติดเป็นนิสัยพอถูๆมันจะหลับเอง สามคือ Contact Lens ปกติถ้าเวลานอกจากทำงานผมจะไม่ใส่ Contact Lens แต่เดี๋ยวนี้ผมใส่เป็นแบบรายวันเลย เพราะผมรู้สึกว่าการที่จะเห็นโลกชัดๆตลอด มันแฮปปี้” ที่ผ่านมามีโมเมนต์ไหนมั้ยที่เรารู้สึกว่าเราได้รับการซัพพอร์ตจากแฟนๆแล้วเราไม่เคยลืม? “ผมว่ามันทุกโมเมนต์เลยนะ ตลอดทุกสิ่งที่เค้าทำมา แล้วผมก็เป็นคนคอยเช็กฟีดแบ็กอะไรเองอยู่แล้วด้วย คือผมก็รับรู้หมดว่าวันนี้เค้านอนดึกกันเพราะอะไร เค้าพยายามเทรนด์อันนี้เพราะเหตุผลอะไร ผมรู้หมดเลยนะ จริงๆคนอื่นเค้าไม่รู้จะเห็นมั้ย แต่สำหรับตัวผม ผม appreciate หลายๆโมเมนต์ แล้วผมก็จำมันไว้ แล้วเวลาที่เค้าบอกว่าอยากให้มันเป็นอย่างนี้อย่างนั้นจัง ถ้าเกิดผมคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ผมก็เอาไปใช้นะ ทั้งในด้านงาน ผมมองว่าอัลบั้มนี้น่าจะออกมาเป็นอัลบั้มที่แฟนคลับเค้าแฮปปี้กัน เพราะว่าจากการที่ผมส่องนะ รู้สึกว่าเรารู้ว่าเค้าอยากได้อะไร” ที่ผ่านมาแบมแบมเป็นคนที่มีฉายาเยอะมาก ถ้าให้เราตั้งฉายาใหม่ให้ตัวเองตอนนี้อยากตั้งว่าอะไร? “ช่วงนี้ที่เค้าบอกกันผมก็แฮปปี้นะ หลังจาก MV เพลง WONDERING เค้าบอกว่าเป็น “ผู้ชายคลั่งรัก” ผมว่ามันน่ารักดี คือที่ผ่านมาเค้าจะบอกผมว่าผมเป็นหมาเด็ก หรือว่าน้องแบมโน่นนี่นั่น อยู่กับใครก็เป็นลูกไปหมดเลย แต่ว่ามีครั้งนี้ครั้งแรก ที่เค้าบอกว่า เฮ้ย! ผู้ชายคลั่งรักนะเนี่ย ผมก็รู้สึกโอเค ได้ความยอมรับจากทุกๆคนสักที อยู่มาตั้ง 28 ปีเพิ่งจะได้ยอมรับ (ยิ้ม) ผมว่ามันเป็นฉายาที่ผมคิดไม่ถึง แล้วผมชอบ ถ้าเกิดตอนนี้ ผมก็เอาฉายานั้นเป็นหลักก็คือผู้ชายคลั่งรัก”.เรื่อง: สุภลััคน์ วุฒิกรีธาชัย อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม