กำลังสร้างปรากฏการณ์ทั่วโลก สำหรับ “Dating Game เดทเกมนี้ ต้องได้ใจนาย” ซีรีส์ Boy Love สุดคิวต์ฟีลกู๊ด เดทเกมที่มาแรงสุดๆ ไม่ได้ปังแค่ในเมืองไทยแต่ปังทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นการจับคู่ครั้งแรกของศิลปินไอดอลชื่อดังจากวง Snow Man อย่าง “โคจิ มุไค” มาแสดงซีรีส์ไทยเป็นครั้งแรก ร่วมกับพระเอกมากฝีมือ “มาร์ช–จุฑาวุฒิ” กับภารกิจจีบหนุ่มสุดวุ่นท่ามกลางความต่างขั้วของ 2 วัฒนธรรม กับมิชชันที่เล่นกับหัวใจ มาร์ช รับบท ฮิลล์ พนักงานน้องใหม่สุดเนิร์ดในออฟฟิศ ผู้ที่คลั่งไคล้สาวในเกม ต้องมาสร้าง “เกมจีบหนุ่ม!” พิชิตใจ จุนจิ รับบทโดย โคจิ บอสสายโหด CEO มาดเข้มชาวญี่ปุ่น เพื่อหวังต่อชีวิตยูกะจังสาวในเกมที่เป็นเหมือนแฟน ผลิตโดยความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น Avex Pictures Inc., Japan จับมือกับทีมงานไทย Theme work Studio ทีมโปรดักชันยอดฝีมือจาก Studio SRK กำกับโดย กบ–ชาครีย์ ออกอากาศทุกวันจันทร์ 21.30 น. ทางช่อง Workpoint 23 และเวอร์ชัน Director’s Cut ทาง True Visions NOW นอกจากเคมีในจอของ มาร์ช– โคจิ ที่ฟินแรงกระฉูด ชีวิตจริงเมื่อ 2 หนุ่มฮอตได้โคจรมาพบกันครั้งแรกกลายเป็นความพิเศษอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง “มาร์ช” และ “โคจิ” ชวนกันเผยความในใจ เริ่มจาก...มาร์ชและโคจิมีมุมมองต่ออีกคนก่อนจะได้เจอกันอย่างไร?มาร์ช “เรื่องนี้เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่เราไม่เคยเจอกับคนที่จะได้ทำงานด้วยกัน มันดูห่างไกล เราเลยต้องทำความรู้จักเค้ามากขึ้น ผ่านการไปนั่งดูเค้า ไปศึกษาว่าเค้าชอบอะไร ฟีลเหมือนคนออกเดท จนได้เจอกัน แรกๆเราต้องตั้งใจเพื่อจะรู้จักเค้าแต่พอปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเราก็สนิทกันมากขึ้นเอง โดยไม่ต้องมานั่งพยายาม เค้าเป็นคนเฟรนด์ลีมากๆ ปรับตัวง่าย” โคจิ “ผมก็ศึกษามาเหมือนกัน ว่ามาร์ชเค้ามีความเท่ น่ารัก แต่พอเจอกันแล้วรู้สึกว่าเค้าใจดี เป็นคนมีน้ำใจ มาร์ชถือเป็นนักแสดงคนแรกเลยที่สนิทกับผมได้ขนาดนี้ในวงการ” มาร์ช “เราสบายใจที่จะแชร์ประสบการณ์เรื่องราวในชีวิตกับเค้า บางทีมันไม่ได้มีคนมารับฟังกัน และกันขนาดนี้ ซึ่งมันแปลกมาก มันคลิกกันมากกว่า” โคจิ “ตอนเจอกันครั้งแรก ผมแต่งหน้าอยู่ มาร์ชยืนข้างหลัง” มาร์ช “แล้วผมถอดเสื้อเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เค้าก็มาทักผม เรียกว่าทลายกำแพงแรกเลย” โคจิ “แล้วเค้าให้กล้องถ่ายรูปเป็นของขวัญเพราะรู้ว่าผมชอบถ่ายรูปด้วยครับ” แล้วพอได้ร่วมงานกันจริงๆ มีอะไรที่เซอร์ไพรส์ในตัวอีกคน?โคจิ “มาร์ชเค้าสุดยอด ผมได้เห็นแพชชันของมาร์ชในการแสดงและประทับใจมาก ซีนแรกที่เราเข้าฉากด้วยกันเป็นเลิฟซีนเลย ต้องใกล้ชิดกันมาก มีสกินชิป มันคลิกเลย รู้สึกว่าคนคนนี้พึ่งพิงได้ ผมรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่ซีนแรก ทั้งสายตา อินเนอร์ เค้าเป็นคนตรงไปตรงมากับงาน เป็นคนจริงใจ เป็นความรู้สึกที่ดีครับ” มาร์ช “จริงๆ สำหรับโคจิมีหลายมุมที่ให้พูดก็พูดไม่หมด แต่ผมขอพูดเรื่องการแสดงแล้วกัน อันนี้เซอร์ไพรส์มากๆ กับการแสดงของโคจิเพราะเราคิดว่าเค้าเป็นไอดอลที่อาจจะผ่านงานแสดงมาบ้าง แต่ว่าพอได้เข้าซีนกับเค้าแล้วเป็นซีนที่มีความซับซ้อน ตั้งแต่วันแรกผมรู้เลยว่าคนนี้เค้ามีพรสวรรค์ด้านการแสดง เพราะเค้าไม่ได้เล่นชั้นเดียว ตัวละครต้องพูดอย่างหนึ่งแต่ข้างในก็ต้องรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง มันยากมากนะครับ ขนาดนักแสดงที่มีประสบการณ์แล้ว บทบาทนี้มันก็ยาก แต่เค้าทำออกมาได้แบบโอ้โห! ซึ่งซีนนั้นเค้าไม่ได้มีบทพูดเยอะ แต่ตาเค้าแสดงออกมาได้ดีมากๆ เค้ามีการแสดงที่วิเศษมาก ผมอยากให้ทุกคนได้ดูโคจิในบทบาทนี้จริงๆ นี่คือสิ่งที่ทุกคนจะไม่เคยเห็นเค้า ผมมั่นใจ”ในฐานะเราเป็นเจ้าบ้านดูแลหรือแนะนำโคจิยังไงบ้าง?มาร์ช “ไม่ได้แนะนำเยอะนะ ผมแค่คอยซัพพอร์ตเมื่อเค้าต้องการ เหมือนกดตัวช่วยมา ผมก็พร้อมจะช่วยเค้าตลอด แต่ว่าจริงๆพื้นฐานเค้าเป็นคนเก่งมาก ผมเชื่อว่าโคจิไปทำงานกับใครก็ได้ในโลกใบนี้ เพราะเค้าเอาตัวรอดได้ไว ฉลาด แล้วก็วางตัวเก่ง อีกสิ่งหนึ่งกับเรื่องการแสดงที่เล่นกับโคจิ มันมีความพิเศษเกิดขึ้นคือ เวลาเล่นกับนักแสดงไทยเราจะคุยกันตกลงกันว่าเล่นยังไง พอเป็นโคจิ แต่ละซีน เค้าก็ทำการบ้านมา ผมก็ทำการบ้านมาแต่ไม่ได้คุยกันละเอียดจนถึงกับว่าซีนนี้เราจะเล่นยังไง เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้มันเลยเป็นเซอร์ไพรส์ เป็นมนุษย์ 2 คนจริงๆ แม้แต่เลิฟซีนหรือว่าฉากจีบกันอะไรต่างๆ เนี่ยมันอิมโพรไวส์ ทั้งสายตา คำพูด กายภาพ บางทีบทเขียนไว้แบบนี้ ผู้กำกับคิดไว้แบบนี้ เราก็คิดไว้แบบนี้ แต่ว่าสุดท้ายมันออกมาเป็นอีกแบบนึงซึ่งมันยิ่งกว่างานศิลปะอีก โคจิเป็นคนมีเซ้นส์ตลกสูงคือเค้าสามารถเล่นให้คนในกองขำได้โดยที่แบบไม่ต้องใช้ภาษาก็ได้” รู้สึกยังไงที่เค้าชื่นชมเรามาก?โคจิ “ดีใจมากครับ ถึงมาร์ชจะพูดว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรเยอะ แต่จริงๆเค้าทำอะไรให้หลายอย่างมาก หลายๆซีนแค่เค้าอยู่ตรงนั้นก็ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น แล้วมาร์ชใจเย็นมาก เวลาผมพูดผิด เค้าก็รอได้”เรียกว่าการทำงานครั้งนี้ทำให้ได้เพื่อนในชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาจริงๆ?มาร์ช “เรียกว่าเป็นคนอีกคนนึงที่เค้าสำคัญในชีวิตเราดีกว่า เป็นคนที่เราอยากใช้เวลาด้วย การได้ทำงานด้วยกันก็ดีใจอยู่แล้ว อนาคตถ้าได้ทำงานด้วยกันเราก็จะดีใจ ถ้ามีเวลาได้เจอได้พูดคุยกันมันก็จะดีขึ้นไปอีก หลังจากนี้น่าจะเป็นชีวิตการทำงานที่สนุกที่ได้ทำงานร่วมกัน การทำงานของผมตอนนี้ผมรู้สึกถึงความโชคดีในการทำงาน รู้สึกว่ากำลังลงตัวและก็กำลังเติบโตไปอีกสเต็ป งาน 2 ด้านที่เราสร้างมาทั้งงานแสดงที่เรารักกัน เรามีงานด้าน Production ทำมาได้ 6 ปี คนชอบกันต้องยกเครดิตให้ทีมที่ช่วยกันสร้างมา ทั้งสองมันกำลังไปได้ดี ในแบบที่เราก็ต้องเสียสละเรื่องเวลาไปมากในทั้ง 2 ด้านแต่มันก็ต้องทำให้ได้ ผมมองว่าตัวโคจิเอง เค้าก็คล้ายๆผมนะ เค้าก็ทำงานหนักมากๆทั้งความเป็นไอดอลของเค้าแล้วมีงานอื่นๆ อย่างการมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ คือเค้าบินไปบินมา ลงสุวรรณภูมิ 10 โมงเช้า บ่ายโมงถึงกองถ่าย เป็นเหมือนช่วงที่เรามีอะไรคล้ายๆกัน เวลาเค้าบินกลับไป ผมเลยอยากให้กำลังใจเค้าตลอด ดูคอนเสิร์ตก็เชียร์เลยว่าแบบเฮ้ยโคจิออกมาแล้ว คอยดูเค้า คอยดูผลงานเค้า อยากเชียร์เค้าจริงๆ” สำหรับโคจิเป็นไอดอลแล้วก็มาเล่นบทนี้ที่เป็นบอสสายโหดเตรียมตัวยังไง?โคจิ “โดยประสบการณ์แล้วก็จะไม่ค่อยมีบทแสดงเป็น CEO หรือคนที่เคร่งขรึม มันห่างไกลกับตัวผม ผมก็ทำการบ้านเต็มที่ ท่องบทเตรียมตัว กับตัวเองและคิดภาพของจุนจิไว้ ซึ่งผมก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวจุนจิเค้าจะออกมาแบบไหน ก็มีความตื่นเต้นกับตัวเอง จนมาถึงหน้ากล้อง ก็มาแสดงในซีนอยากให้เคมีออกมาตรงนั้นเหมือนเป็นงานศิลปะ” ต้องพูดภาษาไทยทั้งเรื่องครั้งแรก ชาเลนจ์ตัวเองแค่ไหน? โคจิ “ยากมาก ยากเนาะ (ยิ้ม) แต่มันก็สนุกมากด้วย ตอนแรกๆผมยังไม่มั่นใจแต่พอผ่านไปแล้ว พอผมจำได้แล้วก็มั่นใจขึ้น ที่ญี่ปุ่นตอนนี้ผมถ่ายทำซีรีส์อยู่ 2 เรื่อง พอเจออะไรที่ยากๆผมก็จะนึกถึงตอนถ่ายเรื่องนี้ จะรู้สึกว่าผ่านเรื่องนี้ได้ จะอะไรมาก็ทำได้แล้ว ส่วนวิธีฝึกฝนของผม ก็ซ้อมต่อบทกับคุณแม่ ให้คุณแม่แสดงเป็นฮิลล์ แล้วบางทีคุณแม่ก็ใส่อารมณ์มากจนร้องไห้เลย (ยิ้ม) อยากฝากเรื่องนี้กับทุกคนจริงๆ สมาชิก Snow Man ก็ตื่นเต้นไปด้วย อยากให้ทุกคนได้ดู แฟนคลับทั้งคนไทยคนญี่ปุ่นมาดูกัน บอกต่อเพื่อนๆด้วยนะครับ” มาร์ช “ผมขอเสริม สิ่งที่มันยากมากแบบที่ผมยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือเปล่า คือโคจิต้องอ่านบทภาษาญี่ปุ่นทั้งเล่ม 1 รอบแล้วต้องอ่านบทที่เป็นคาราโอเกะไทยในภาษาญี่ปุ่น เสร็จปุ๊บเค้าต้องท่องคำพูดฝั่งผมอีกเพราะต้องดูความหมายของผมเพราะเค้าจะได้เล่นถูก เรียกว่าท่อง 3 อย่างเลย”พอได้เรียนรู้ภาษา ไทยจากเรื่องนี้ทำให้เราพูดไทยเก่งขึ้นมั้ย?โคจิ “ช่วงอยู่ไทยถ่ายซีรีส์บ่อยๆ พูดเก่งมากเลยแต่กลับไปก็ลืมไปเยอะ” คำประจำของโคจิ คืออะไร? มาร์ช “คำประจำของเค้าคือ “ครับผม” คำฮิตๆ “โคตรเท่โคตรอันตราย” คำนี้อยู่ในเรื่องนี้ด้วย เค้าชอบ” การที่เป็นลูกครึ่งไทย การกลับมาทำงานครั้งนี้มีโมเมนต์ที่รู้สึกว่าได้กลับบ้าน หรือมีอะไรที่เรารู้สึกคิดถึงและคุ้นเคยว่าความเป็นไทยอยู่ในตัวเรามั้ย? โคจิ “ก่อนบินกลับมาทำงานเรื่องนี้ จริงๆผมรู้สึกภูมิใจที่เป็นลูกครึ่งไทย ทุกครั้งที่มาก็เจอครอบครัวคนไทย พอได้เล่นเรื่องนี้ก็ทำให้ได้มีเพื่อนเป็นคนไทย แล้วก็มีแฟนคลับเป็นคนไทยเพิ่มขึ้น รู้สึกว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่ 2 จริงๆ” เวลากลับมามีอาหารไทยเมนูไหนที่จะไม่พลาด? โคจิ “ข้าวมันไก่ครับ ไม่เอาหนังด้วย มาร์ชเป็นคนสอนว่าสั่งไม่เอาหนังได้ (หัวเราะ)”ความพิเศษของซีรีส์เรื่องนี้ ต่างจากซีรีส์ Boy Love เรื่องอื่นยังไง?มาร์ช “เรื่องนี้ชีวิตของฮิลล์ เค้าน่าสนใจจนทำให้ผมอยากจะแสดงเป็นเค้าออกมา ภาพรวมโปรเจกต์นี้ สำหรับผมเรียกว่าเป็นเกียรติของตัวเองที่จะได้ทำงานกับฝั่งญี่ปุ่น เป็นตัวแทนของประเทศไทยที่จะทำซีรีส์ร่วมกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ได้ร่วมงานกับไอดอลระดับประเทศอย่างโคจิ ผมไม่อยากให้โฟกัสว่ามันเป็น Boy Love หรือเป็นอะไรก็ตาม ผมว่าความรักมันไม่มีข้อจำกัดเลยครับ ความรักมันเป็นเรื่องของบุคคลกับอีกบุคคลหนึ่ง ความรักมันเกิดขึ้นกับทุกคนกับทุกเพศตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้มันนำเสนอแบบนั้น แล้วความรักที่ดี มันต้องพาชีวิตเราไปข้างหน้า เรื่องนี้ผมเชื่อว่าใครกำลังท้อกำลังหมดศรัทธาในความรักกำลังแบบเจอเรื่องไม่ดี มาดูเรื่องนี้แล้วมุมมองของเราจะเปลี่ยนไป จะมีกำลังใจในการพบเจอความรักครั้งใหม่ๆ มากขึ้น มันจะเป็นพลังที่ดีมาก อย่างฮิลล์ที่หมดศรัทธาในความรัก ไม่เคยเชื่อในสิ่งนี้แล้วแต่กลับมามีความรักอีกครั้งหนึ่ง กับความรักที่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งระหว่างเจ้านาย CEO กับเด็กเพิ่งเข้ามาใหม่ ภาษาก็ต่าง วัฒนธรรมก็ต่าง ทุกอย่างมันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าความรักมันอยู่รอบตัวเราจริงๆ แล้วสุดท้ายมันก็อาจจะเกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้”.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม