เป็นคู่หวานกันมาตลอด ทั้งสาว น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ และหนุ่ม ไผ่-พาทิศ พิสิฐกุล ดูแลกันอย่างดีและหมั่นเติมหวานจนความรักเดินมา 11 ปี น้ำตาล เริ่มมีมุมมองเปลี่ยนไปหลังจากที่ก่อนหน้านี้เน้นสร้างความมั่นคงยังไม่พร้อมเรื่องมีครอบครัว แต่ตอนนี้เริ่มมองเห็นแล้วว่าเวลานั้นมีค่าน้ำตาล เล่ามุมความรักตอนนี้ ที่หวานขึ้นทุกวันมั้ย?“ด้วยเวลาด้วย 11 ปีแล้วด้วย มันเหมือนผ่านหลายเรีื่องหลายราวผ่านจุดปรับตัว แล้วก็ไม่ค่อยทะเลาะกัน”ช่วงหลังน้ำตาลเริ่มเผยมุมมองเรื่องอนาคตแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกไม่พร้อม?“ใช่ค่ะ หนูรู้สึกว่า เวลามันมีค่าและสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เราอยู่กับเค้าในทุกๆเหตุการณ์ ในหลายๆช่วงเวลาที่ผ่านมา อย่างตอนที่พี่ไผ่บวช ทุกคนก็จะคิดว่าเค้าบวช แล้วพร้อมแต่งแล้วแน่เลย แต่จริงๆแล้วตอนนั้น คุณพ่อพี่ไผ่ป่วยและค่อนข้างหนัก แต่ตอนนั้นไม่มีใครรู้ เราก็ได้แต่ค่ะๆ เราเหมือนประคับประคองความรู้สึกกันมาเรื่อยๆ ซึ่งเค้าก็คงมีความฝัน ตัวเค้าเองก็คงอยากให้คุณพ่ออยู่ในวันสำคัญของเค้า แล้วตัวตาลเองคุณพ่อของตาลก็ประสบอุบัติเหตุเมื่อต้นปีที่แล้ว รถไปชนกับรถสิบล้อ เหมือนผ่านความเป็น ความตายมา ตัวพี่ไผ่เองก็ได้ผ่านมาเลยยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเวลาทุกๆวินาทีมันมีค่า เราอาจจะผลัดไปก่อนนั่นนี่ แต่ตอนนี้เราเริ่มมีความรู้สึกว่าถ้าเรามีเบบี๋ เราก็คงอยากใช้ชีวิตกับเค้า อยากเห็นเค้าเติบโตอีกเยอะ แล้วเพื่อนก็เริ่มขู่ว่ารีบมีลูกนะ มันเหนื่อย มันมียาก แต่ก็โชคดีที่เราไปฝากไข่เอาไว้ก่อน แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกมันอินมากขึ้น และอย่างที่บอกว่าเราเห็นความเป็นความตาย ความสำคัญของการใช้ชีวิตมากขึ้น มันไม่ใช่แค่เราสองคนเป็นแฟนกันใช้ชีวิตไปเรื่อยๆแบบนี้” เรารู้สึกตรงนี้เหมือนกัน?“เหมือนเราซึมซับกันไปเรื่อยๆ เราผ่านอะไรตรงนี้ด้วยกันเยอะ เราได้เห็นมุมของเค้าในฐานะที่เป็นลูกที่อยากจะทำทุกอย่างให้พ่อแม่ มันเริ่มมีเป้าหมายมากขึ้น ไม่นานนี้หนูไปงานแต่งงานเพื่อน แล้วเพื่อนก็พาลูกมากัน ตาลก็ทักว่าเพื่อนหายไปเลยนะ 1-2 ปี เพื่อนก็บอกว่า โห กว่าลูกจะโตกว่าที่เราจะไปไหนได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วไม่นานนี้คุณพ่อคุณแม่ของตาลได้มีโอกาสเจอครอบครัวของพี่ไผ่ครั้งแรกด้วย ตอนงานคุณพ่อพี่ไผ่ คุณพ่อคุณแม่ก็รู้สึกสบายใจที่ได้เห็นครอบครัวของพี่ไผ่รักและเอ็นดูเราจากคุณพ่อที่เมื่อก่อนมีฮึ่มๆบ้าง เค้าก็เลยรู้สึกดี”ก่อนหน้านี้เรายังมีเป้าหมายอื่น?“เมื่อก่อนเราอาจจะเอาความมั่นคงในชีวิตนำเป็นอันดับ 1 แต่ว่าตอนนี้เรามองว่าเรามีความมั่นคง แต่เราก็เพิ่งหาเป้าหมายในชีวิตเจอว่าเราก็อยากมีครอบครัวนี่นา อยากมีอะไรแบบนี้”มองเห็นภาพใกล้ขึ้นมั้ย?“ใกล้ขึ้นค่ะ จากที่ไม่เคยคุยกันก็มีคุย”ไผ่เค้ารอได้รอไหวใช่มั้ย?“รอได้ค่ะ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกันในเรื่องแบบนี้เลย ทุกอย่างเค้าตามใจตาลหมด ว่าตาลอยากมีเบบี๋มั้ย อยากมีงานแต่งงานแบบไหนยังไง หลายคนก็แนะนำให้หนูมีลูกแฝดเลย แต่หนูอยากมีแบบพี่น้องมากกว่า กะไว้ว่าอีก 2-3 ปี โฟกัสเปลี่ยนจริงๆ สิ่งที่ไม่เคยดูก็มาดู เช่น โรงเรียนลูก หนูไปดูโรงเรียนกับเพื่อนที่มีลูกแล้วเยอะมาก แล้วบอกเค้าว่าบ้าเหรอ ลูกเพิ่งขวบเดียวจะไปดูโรงเรียนแล้ว เพื่อนบอกว่าต้องแพลนเลยตั้งแต่ตอนนี้ ตอนนี้พอไปด้วยก็คิดตามว่าถ้าเป็นลูกเราอยากให้เรียนอันนี้แบบนี้ ท็อปปิกเปลี่ยนไป”ไผ่น่าจะพร้อมนานแล้ว เค้าดีใจมั้ยที่โฟกัสเราเปลี่ยน?“ดีใจค่ะ เมื่อก่อนเค้าจะชอบแซวเรา เพื่อนตาลยังอยู่รอบๆตัว แต่เพื่อนเค้าต่างคนต่างแยกกันไปมีครอบครัวหมดแล้ว เค้าเลยรู้สึกว่าเมื่อไหร่เค้าจะมีครอบครัวสักที เค้าก็บอกตาลว่าถ้าพี่รับราชการ ลูกคงเรียนไม่ทันจบพี่ก็เกษียณแล้วนะ เราก็เลยบอกว่าโอเคๆเข้าใจ”.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่