ฝันกลายเป็นจริง! สำหรับ 2 หนุ่ม FIRZTER (เฟิร์สเตอร์) ประกอบด้วย เฟิร์ส-สิริณัฏฐ์ ศรีชลธาร และ เชสเตอร์-ธนพล ศรีรัตนไพฑูรย์ ศิลปินจากค่ายไวท์ มิวสิค จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ โชว์ของปล่อยซิงเกิลแรก “ดวงจันทร์” หลังจากพยายามคว้าทุกโอกาสที่เข้ามาแต่ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีโอกาสได้มาออดิชันจีเอ็มเอ็ม อคาเดมี่ ที่ได้พิสูจน์ฝีมือทั้งร้อง แร็ป เต้น ครบรสจริงๆ มาวันนี้ “คนดังนั่งคุย” ถือโอกาสชวนทุกคนทำความรู้จักตัวตนของเฟิร์สและเตอร์ มีมุมที่หลายๆคนอาจจะคาดไม่ถึง แต่ยิ่งจะทำให้หลงรักเข้าไปอีก...กวันนี้ได้กลายเป็นศิลปินกันแล้วเฟิร์ส : “สำหรับเฟิร์สรู้สึกดีใจตื่นเต้นที่ได้มาเดบิวต์ศิลปิน ก่อนหน้านี้ผ่านรายการประกวดมาเยอะ เฟิร์สกะจะเบรกก่อน จนเตอร์ชวนเฟิร์สมาออดิชัน ต้องขอบคุณเตอร์ที่ชวนมา”แสดงว่าประกวดจนท้อเหรอ เฟิร์ส : “ประกวดมาตลอดผ่านเข้ารอบสุดท้าย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อเลยรู้สึกอยากกลับไปเรียนหรือทำอย่างอื่นแทน”เตอร์ : “เตอร์ดีใจมาก เราเรียนตรงนี้มาตั้งแต่เด็ก อยากเป็นศิลปินมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดูรายการ มีวันนึงเราได้ดูโอของเรา เพื่อนเราและได้ทำด้วยกัน ได้ทำความฝันนี้ด้วย มันสนุกและตื่นเต้น เราได้ทำในสิ่งที่สบายใจและเป็นศิลปินที่เราคิดไว้ด้วย”ไปประกวดรายการเดียวกันบ้างหรือเปล่า เตอร์ : “ใช่ครับ ล่าสุดประกวด รายการ LAZ iCON เตอร์กับเฟิร์สแยกกันไปประมาณปี 2 ปี คราวนี้มีรายการ LAZ iCON เตอร์มาออดิชันแล้วนึกถึงเพื่อนก็เลยชวนเฟิร์สมาออดิชันด้วยกัน พอจบปุ๊บเรามาอยู่ไวท์ มิวสิค มาอยู่แกรมมี่ด้วยกันอีก”ตอนนั้นรู้ไหมจะได้ทำเป็นดูโอ เฟิร์ส : “ตอนที่ออดิชันครั้งแรกเราไม่รู้จะมาเป็นดูโอกัน ทีนี้เหมือนกับทางค่ายเห็นว่าเคมีเราเข้ากันโดยที่ไม่รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน เขาจัดมาเป็นดูโอ ตอนที่รู้ดูโอ รู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานกับเพื่อน เราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก สุดท้ายทำเพลงด้วยกัน สบายใจครับ” กับโจทย์เพลงดวงจันทร์ที่ผู้ใหญ่ให้มาเป็นเพลงแนวไหนเฟิร์ส : “ไม่มีโจทย์ครับ ต้องเกริ่นก่อนว่าเฟิร์สกับเตอร์เป็นคนแต่งเนื้อและเรียบเรียงทำนอง ทำดนตรี เดโม่เอง เซ็นปีแรก ทุกๆ เดือนมีการสอบเพื่อดูว่าเราพัฒนายังไงบ้างและเราต้องใช้เพลงแกรมมี่ไปสอบ มีเดือนนึงเตอร์แต่งเพลงมาใช้ในการสอบ ผมเลยคุยกับเตอร์เราทำเพลงนี้ ไปเสนอค่ายดูมั้ย พอเราคุยกันเลยได้เพลงดวงจันทร์ เลยส่งไปให้ค่าย ทางค่ายชอบเลยผลักดันเพลงนี้ให้เป็นซิงเกิลแรก”เพลงดวงจันทร์ เราต้องการเล่าหรือสื่อสารอะไรออกไป เฟิร์ส : “เพลงดวงจันทร์เป็นฟีลที่แต่งขึ้นมาเราจะจีบใครสักคนนึงที่คนอื่นสู้ไม่ได้ คนอื่นเปย์เงินให้เธอแต่เราอยากแหวกแนวซื้อบ้านให้เธอบนดวงจันทร์ แนวจีบสาวเว่อร์ๆ วังๆ”ดนตรีก็มีความหลากหลายมาก เตอร์ : “ช่วงที่เตอร์เฟิร์สทำเดโม่ เราคุยกับผู้ใหญ่ในค่าย อยากได้ฮิปฮอป ละตินบีตเข้ามาให้มีความสนุกและแปลกใหม่มากขึ้น”หลังปล่อยซิงเกิล ดวงจันทร์ ฟีดแบ็ก เป็นอย่างไรบ้างเฟิร์ส : “กระแสตอบรับตามที่คาดหวัง กระแสตอบรับดีครับ คนชื่นชอบเพลงที่เราทำออกมา เพราะก่อนเพลงที่จะออกไป เป็นความชอบของเราสองคน พอเราชอบปุ๊บ เราเห็นคนอื่นชอบแบบเรา เราก็รู้สึกดีใจ ภูมิใจ และสิ่งที่เราถ่ายเอ็มวีมา ที่เราเหนื่อย พอเอ็มวีที่ปล่อยออกไปมีคนชอบเหมือนกัน มีความสุข”เตอร์ : “อย่างที่เฟิร์สบอกเลย มีคนชอบ ทุกอย่างทำมาจากความชอบของเราก่อน ตอนแรกไม่คาหวังคนอื่นชอบ เรารู้สึกทำมีความสุข พอปล่อยผลงานออกไป คนอื่นชื่นชอบ”ท่าเต้นเพลงนี้ก็เฟี้ยวเลย เตอร์ : “ตอนแรกเราตั้งใจจะไม่เต้นกันเลยแต่ด้วยเพลงสนุกมากๆอดใจไม่ได้ต้องเต้นกันแล้ว เลยปรึกษาครูเจด้า คิดท่าเต้นให้พวกเราหน่อย ครูก็คิดมาหลายท่าเลย”เรื่องเต้นเป็นทางถนัดกันอยู่แล้วหรือเปล่า เฟิร์ส : “ตอนแรกที่ดูในคลิปรู้สึกง่ายมาก ไม่น่าเหนื่อย พอเราได้มาซ้อมจริงๆ ต้องพูดเลยว่าเหนื่อยและยากพอสมควรกับการที่เราจะต้องเต้นให้เหมือนกันที่สุด ใช้มือและเท้า ต้องแยกประสาททั้งหมด”เตอร์ : “ท่าเต้นเราเหมาะกับการยกน้ำหนัก ช่วงถ่ายเอ็มวีเสร็จเตอร์นี่น็อกตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว สนุกแต่เหนื่อยมาก”ท่าเต้นสวยแต่คนเต้นตามแอบบ่นเหนื่อยมาก เฟิร์ส : “อันนี้คือเรื่องจริงเพราะพวกผมก็เหนื่อยเหมือนกันครับ (หัวเราะ)”เตอร์ : “เอาจริงๆ เดี๋ยวนี้เต้นรอบเดียวก็ไม่ไหวจริงๆครับ (หัวเราะ)”ยังได้เห็นเฟิร์สกับเตอร์เล่นเอ็มวีกันเองด้วยเตอร์ : “พาร์ตการแสดงเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากสำหรับเตอร์และเฟิร์สมากๆ เพราะเราถนัดทักษะร้องเพลง เต้น เล่นดนตรี จะค่อนข้างยาก พอเห็นนางเอกเอ็มวี น้องชาเล็ต น้องสวยมาก พอมาเล่นให้เรา น้องเล่น 2 เทกผ่านเลย แต่เตอร์เฟิร์สใช้ไป 30 เทกได้ แอ็กติ้งเป็นอะไรที่ยากมาก การแสดงไปไม่เป็นเลยครับ”การแสดงทักษะเป็นยังไง เฟิร์ส : “เราเคยเรียนการแสดงมา แต่ถามว่าถนัดมั้ยคือเป็นเรื่องไม่ถนัดเลย ลูกศิษย์ครูเงาะนะเตอร์”เตอร์ : “ผมเคยเล่นละครเวที ซาวด์ ออฟ มิวสิก มนต์รักเพลงสวรรค์ รับบทเป็นเคิร์ทครับ ที่เล่นกับพี่ชาย-ชาต โยดม นานมาก หลังจากนั้นก็หายไปจากแอ็กติ้งเลย ก็คืนครูไปหมดแล้วครับ แต่เตอร์กับเฟิร์สตั้งใจจะไปเรียนแอ็กติ้งกันครับ”อะไรที่ทำให้เรารู้สึกอยากเรียนการแสดง เฟิร์ส : “จริงๆเฟิร์สอยากเล่นหนังบู๊ครับ ขุนพันธ์ ถ้ามีติดตัวไว้ก็คงดี ชอบการแสดงแต่ยากครับ” เตอร์ “เตอร์ก็ชอบการแสดงครับ อยากเล่นสไปเดอร์แมน ขุนพันธ์ อะไรแบบนี้แต่คงยากครับ”ตอนนี้นอกจากทำเพลงแล้วทำอะไรอย่างอื่นด้วยมั้ยเตอร์ : “นอกจากทำเพลง เตอร์กับเฟิร์สช่วงนี้เราก็เที่ยวกันครับ”เฟิร์ส : “หลังเราปล่อยเพลงไปแล้ว เนี่ยแหละเดินสายวันที่ว่างเที่ยวพัก และจริงๆมีงานต้องทำที่บ้าน”เตอร์ : “สุดท้ายแล้วระหว่างเวลาเราพักไปทะเล เรามีงานที่ต้องทำอยู่ดี”เฟิร์สชิงตอบ : “เราเลือกที่จะไม่ทำอยู่ดี”ฮา...าา เตอร์ : “เราต้องแต่งเพลง ต้องทำอะไร หาแรงบันดาลใจ ชาร์จแบต”เฟิร์ส : “ไปมูด้วยครับ”เป็นวัยรุ่นแต่มาสายนี้ผิดคาดจริงๆ เตอร์รีบชงให้เพื่อนทันทีว่า : “เฟิร์ส ชอบมูมากครับ ปกติเฟิร์สจะไม่มูแต่เวลาที่เค้ามีความเครียด ยกมือไหว้ ทุกอย่าง ทุกอย่างเลย บางทีไม่รู้ไหว้อะไรเหมือนกัน เหมือนขอพรไปเรื่อย”เฟิร์ส : “มีอยู่วันนึงผมขับรถอยู่ที่เป็นทรงไทยๆเหมือนเป็นวัด แต่จริงๆมันคือสตาร์บัคส์ แต่ผมเข้าใจเป็นวัด ผมยกมือไหว้สตาร์บัคส์ครับ จริงๆผมเป็นทาสกาแฟ (หัวเราะ) ที่ผมมูไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ นับถือปกติ แต่เตอร์ของมูๆดูดวงได้ เตอร์มีเซ้นส์”เตอร์รีบแย้งทันที : “ไม่ๆเหมือนมันติดมาตั้งแต่เด็กครับ เวลาก่อนนอนทุกวันถ้าไม่สวดมนต์จะนอนไม่ได้ ทางบ้านเราฝึกมาตั้งแต่เด็ก สวดมนต์ก่อนนอน ขอพรก่อนออกจากบ้าน เวลาเป็นไรหาหมอดูก่อนครับ”เฟิร์ส : “ส่วนเฟิร์สเป็นอะไรจะไปหาหมอธรรมดาก่อน จะตรงกันข้ามกัน เฟิร์สจะมาสายวิทยาศาสตร์”เตอร์ : “ผมมาสายเวทย์ ทางพระพุทธศาสนามากกว่าครับ” มาเรื่องเรียนเป็นยังไงกันบ้างใกล้เรียนจบกันแล้วสิเฟิร์ส : “ผมเพิ่งเข้าปี 1 ครับ ดร็อปมา 3 ปีแล้วครับ เข้า มศว ปี 1 คณะนวัตกรรมสื่อสารสังคม ภาควิชาสื่อสารการท่องเที่ยว จะเรียนเกี่ยวกับการตัดต่อธุรกิจ ก่อนหน้าเรียน ม.มหิดล บริหารธุรกิจมาก่อน เรียนมา 4 เดือนก็ออกครับ เพราะรู้สึกว่าความรู้ด้านธุรกิจเฟิร์สมีอยู่แล้ว และเรียนไม่ได้ด้วยเพราะลาเรียนไม่ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงทำเพลง”ทิ้งหลายปีแล้วกลับมาเรียนต้องปรับตัวยังไงบ้าง “พอได้ใส่ชุดนักศึกษาอีกครั้งก็รู้สึกดีครับเพราะคิดว่าจะไม่ได้กลับมาใส่แล้ว เพราะผมเรียนไม่เก่งแต่ว่าโชคดีมากกว่าครับ”ตัดสินใจกลับมาเรียนที่บ้านว่ายังไงบ้าง “พ่ออยากให้เรียนอยู่แล้วครับ ส่วนแม่ก็อยากให้เรียนแต่เค้าก็สนับสนุนวงการด้วย พ่อบอกขอให้เรียนไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ เอาให้จบเพราะแกจบแค่ ป.6 แกเลยอยากให้ผมเรียนให้จบแทนแก”เตอร์ : “เรื่องเรียนเตอร์ก็ตามเฟิร์สเลย จะไม่ได้เข้า มศว แต่จะดู ม.หอการค้าฯ หรือ ม.รังสิต ในช่วงปีที่ผ่านมาอยู่ค่ายค่ายนึงฝึกหนักมากๆเราดร็อปจากมัธยมมาสอบเทียบ แต่เรายังไม่เข้ามหา วิทยาลัยสักที เพราะมาทำตรงนี้ วงการนานมาก มาช่วงนี้แหละครับ พอเฟิร์สจะเข้ามหาวิทยาลัยทำให้เรานึกขึ้นได้ เข้าบ้างดีกว่า”เฟิร์ส : “คือเตอร์เป็นคน เอาตรงๆทำตามผมหมดเลย เป็นอุปาทานหมู่ เป็นคำที่เตอร์ชอบพูดเลยครับ เพราะตอนแรกเตอร์จะไม่เรียนครับ”เตอร์ : “ถ้าเฟิร์สทำอะไรผมจะทำตาม”เฟิร์ส : “จริงๆผมไม่ได้ชอบเรื่องเรียนด้วยซ้ำ แต่เรามาคิดว่าเป็นศิลปิน-ดารา วันนึงมีวันดังก็มีวันดับ ถ้าสมมติเราไม่ได้เรียนแล้วถ้าเกิดวันนึงเราไม่ได้ทำงานตรงนี้แล้วเราจะทำงานอะไรต่อ ถ้าเกิดเราไม่มีวุฒิการศึกษาเลยตัดสินใจกลับมาเรียนครับ”เตอร์ : “ผมก็รู้ตัวเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่ผมก็เรียนตามเฟิร์ส ผมให้เฟิร์สคุมชีวิตผมทุกอย่างครับ”ความรักล่ะยังไงบ้างเห็นว่าต่างคนต่างไม่โสดแล้วใช่มั้ยเฟิร์ส : “ก็มีคนคุยๆ มีแฟนครับ ที่บ้านก็ทราบ เค้าโอเคเพราะพ่อแม่ผมชิวครับ”แฟนเราเค้าฟังเพลงดวงจันทร์ ติชมว่ายังไง “ร้องไห้ทุกวันครับ เขาภูมิใจครับ”เตอร์ : “ความรักทางพ่อแม่ผมเค้าให้อิสระเหมือนกันเพราะเราลูกผู้ชาย พ่อแม่ก็ชอบแซวด้วยครับ มีสาวหรือยังนะ ก็มีคนคุย มีคนปรึกษาครับ ค่อนข้างเป็นพลังให้กับชีวิตเราด้วย ตั้งแต่มีความรักมารู้สึกสดชื่นดีครับ กับเพลงนี้เค้าฟังก็ร้องไห้เหมือนแฟนเฟิร์สเลยครับ เหมือนเค้าภูมิใจ เขาปลื้มเห็นเรามาตั้งแต่ยังไม่มีอะไรจนมาวันนี้มาเป็นเฟิร์สเตอร์ เป็นศิลปินเขาก็ดีใจมาก ส่วนพ่อแม่ผมดีใจหน้าบานเลยครับ”เฟิร์ส : “อย่างพ่อผมไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลยครับ วันเดบิวต์ร้องไห้ ปกติพ่อไม่เคยชมเลยและที่วันเดบิวต์ผมเห็นพ่อร้องไห้ก็เลยร้องตาม จริงๆพอมีพ่อแม่ไปดูก็แอบเกร็งๆ หน่อย จริงๆไม่ได้อยากให้มาทุกงาน อยากให้มาเฉพาะงานสำคัญๆ มันไม่ได้จริงๆ ถ้าผมร้องเพลงจีบสาวๆ แล้วหันไปเจอหน้าพ่อแม่ เอนเตอร์เทนก็จะหายไป แต่ก็ดีใจครับที่ทำให้เค้าภูมิใจครับ”.เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน