ห่างหายจากการปล่อยเพลงใหม่ในรอบ 2 ปี ของ 4 หนุ่มวงร็อกรุ่นใหม่ “EROLLTIC (อีโรลติก)” สมาชิกประกอบไปด้วย ไตเติ้ล (นักร้องนำ), มังกร (กีต้าร์), แก๊ป (เบส) และ หนึ่ง (มือกลอง) ภายใต้ชายคา 8 แสน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กลับมาพร้อมซิงเกิลใหม่ “โปรดจงฟัง” บทเพลงที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงที่ช่วงหนึ่ง ไตเติ้ล เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่วันนี้เขาอยากถ่ายเทความรักนั้นสู่ดวงใจใครสักคน กับซิงเกิลนี้มีที่มายังไงทำไมถึงต้องโปรดจงฟังด้วยล่ะ เติ้ล “จริงๆผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้าครับ มาจากตัวเรา โยนโจทย์ให้นักเขียนเพลงเป็นทีมกับวงเรา อยากได้เพลงที่ให้กำลังใจด้วยและสื่อถึงความรักด้วยให้มันแมสหน่อย ไม่ต้องเจาะลง เพราะเราได้ชื่อเพลงก่อน โปรดจงฟัง ค่อยไปขยายความต่อ ไม่เจาะลงคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ แตกออกมาเป็นเพลง ท้องฟ้า ดวงดาวเราฝากความรักไว้ก่อนนะ”สมาชิกคนอื่นๆ มีส่วนร่วมในซิงเกิลนี้ยังไงบ้าง มังกร “ของผมก็ได้เป็นคนขึ้นโครงเพลง ขึ้นทำนองตอนแรก ส่งต่อให้พี่หนึ่งมือกลอง ขัดเกลาให้เพราะและแน่นกว่าเดิม”แก๊ป “ก็จะเป็นดีไซน์ไลน์เบสซะส่วนใหญ่ ช่วยกรองเนื้ออีกทีมันเหมาะสมกับการใช้คำนี้หรือเปล่า และมีส่วนในไลน์คอรัสด้วย ร้องประสานเสียงครับ”เติ้ล “ส่วนของงานเพลง ทางค่ายจะปล่อยให้เราได้ทำเต็มที่ พวกเราขึ้นเพลงเองได้ โปรดิวซ์เพลงเองได้ จบงานกันเองได้ ค่ายเลยให้ความไว้วางใจ เต็มที่ปล่อยเลย มีหน้าที่ตบให้เข้าที่เข้าทางประคองตัวอยู่ห่างๆ”หนึ่ง “งานนี้ได้รับหน้าที่ดูองค์รวมของดนตรี และเนื้อร้องเหมือนกัน ค่ายให้อิสระเราทำ เวลาทำอะไรพวกเราคิดกันค่อนข้างระวังความคิดของตัวเอง บางทีทำเกินขอบเขตของอารมณ์คนร้องหรือเนื้อหา ผมโปรดิวซ์ องค์ประกอบรวมผมจะปรึกษาทุกคนโอเคมั้ย ไม่ใช่คนโอเคอยู่คนเดียว คนอื่นไม่แฮปปี้ คือทุกคนต้องแฮปปี้ เห็นชอบหมด”หลังปล่อยซิงเกิลฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง เติ้ล “ถือว่าดีกว่า 2 ซิงเกิลแรก ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ด้วยโปรดักชันที่มันใหญ่ การสื่อสารของเรามีอิมแพกต์มากกว่าเดิมได้ผลตอบรับที่ดี วิวขึ้นทุกวัน วันละพัน สองพันแล้วแต่ช่วง วันหยุดจะขึ้นเยอะหน่อย ไม่ใช่เพลงรักที่ทุกคนจะเข้าใจได้ขนาดนั้น สองเป็นเพลงเร็ว เข้าใจกับมันอยู่แล้วเพลงนี้อาจจะไม่เปรี้ยงปร้างแต่เราได้แสดงออกมาว่ามันคือตัวเรา”หนึ่ง “เหมือนเพลงนี้เป็นเพลงห้องรับแขกก่อนครับ พอเข้ามาแล้วเราค่อยพรีเซนต์กันต่อ ซิงเกิลต่อไป”แต่ละคนอยู่ต่างจังหวัดบ้าง อยู่กรุงเทพฯบ้างเป็นอุปสรรคในการทำงานมั้ย เติ้ล “มันมีความล่าช้าบ้างด้วยงานประจำของแต่ละคน เวลาเราจอยกันไม่ได้มาซ้อมด้วยกัน เราโยนงานผ่านไฟล์เพลง โยนงานกันไปมา ทำให้งานจบช้านิดนึง” ทำงานกันหมดแล้วใครทำอะไรกันบ้าง มังกร “ผมเล่นดนตรีกลางคืนและขายอาหารทะเล ชื่อร้าน อร่อยแน่ถ้าหิว อยู่ตัวเมือง จ.ร้อยเอ็ด”เติ้ล “ผมก็มีร้านอาหาร และธุรกิจโรงแรม อยู่ จ.ร้อยเอ็ดครับ”แก๊ป “เล่นดนตรีอย่างเดียวเลยครับ”หนึ่ง “ผมก็เล่นดนตรี ตัดต่อบ้าง โฆษณาบ้าง เราถนัดตรงนี้ เรายังสนุกตรงนี้อยู่ เราซื่อสัตย์กับความ ต้องการของเรา ต้องทำกันต่อ”แก๊ป “ผมเคยทำงานที่ไฟฟ้า แต่มีเหตุออกมาช่วงโควิดผมเลือกโฟกัสที่ดนตรีครับ”กว่าจะมีวันนี้เชื่อว่าแต่ละคนชีวิตไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆต้องฝ่าฟันกันมาขนาดไหน มังกร “จริงๆถ้าเป็นเรื่องที่รู้สึกใช้ความพยายามมากๆ ตั้งแต่เข้าวงการมาเจอพวกพี่ๆ รู้สึกว่าเราแอ็กทีฟตัวเองพอสมควร ด้วยความห่างของช่วงอายุด้วย พวกพี่ๆอายุ 30 กว่า แต่ผมเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ พี่เติ้ล เคยพูดกับผมว่า พวกพี่เหลือเวลาตรงนี้ไม่เยอะ อย่าเอาความฝันของพวกพี่ไปล้อเล่นนะ ช่วยตั้งใจ อาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของพวกพี่แล้ว ที่จะได้ทำตามความฝันก่อนจะไปใช้ชีวิตของตัวเอง ทำให้เราแอ็กทีฟตัวเองในเวลาสั้นๆ”เติ้ล “ฝ่าฟันมาเยอะครับ ด้วยที่บ้านทำธุรกิจเราจะโดนคำสบประมาทจากญาติพี่น้อง อยากดังเหรอ จริงๆเราไม่ได้อยากดัง หน้าที่การตอบรับเป็นเครื่องยืนยันประสบความสำเร็จ นั่นคือเราต้องดัง ต้องมีชื่อเสียงมีแฟนเพลงรู้จัก แต่โดยพื้นฐานเราไม่ได้อยากดังขนาดนั้น เรามีเป้าหมายอยากเป็นศิลปินตั้งแต่ ม.ปลาย ช่วงอยู่กับพี่หนึ่งหนักหนาพอสมควรในการฝึกปรือตัวผมเอง พี่หนึ่งมือกลองเปรียบเสมือนอาจารย์ของผม โดนด่าทุกๆวัน เป็นเวลา 6-7 เดือน ถ้าเป็นคนอื่นคงล้มเลิกไปนานแล้ว แต่ผมขอสู้ต่อจะแค่ไหน ถอยไม่ได้ด้วย” หนึ่งฟังแล้วหันมาถามเติ้ลว่า...“คนชื่อหนึ่งทุกวันเลยเหรอครับ”เติ้ลหันมาตอบว่า “ใช่ครับ ผมร้องไห้บนรถตู้ทุกวันเลยครับ ผมเล่นเสร็จไม่ว่าโชว์จะดีสักแค่ไหน ขึ้นรถตู้ปุ๊บเราจะโดนด่า โดนตำหนิเลย แต่วันนี้รู้แล้วว่าที่เค้าตำหนิหรือว่าเพราะอยากให้มันดีและพัฒนาขึ้นจริงๆ จนวันนึงเราผ่านมาได้ มีค่าย มีเพลง ผมว่ามันไม่หยุดยังไงก็ถึง ช้าจะเร็วเท่านั้นเอง”แก๊ป “ที่บ้านผมค่อนข้างแอนตี้ กับการที่ผมเป็นนักดนตรีมาก ที่บ้านผมเป็นสายทหาร สายข้าราชการทั้งบ้าน เลยไม่ค่อยเห็นด้วยที่เรามาเป็นนักดนตรี ตั้งแต่มัธยม ก็ดื้อเล่นดนตรีมาเรื่อยๆ จนเรียนมาถึงมหาวิทยาลัย ผมเลิกขอเงินพ่อแม่ตั้งแต่จบ ม.6 พอปี 1-2 ส่งตัวเองเรียน ตอนหลังๆพ่อแม่เริ่มเข้าใจก็เลยเบาลง จนมาทุกวันนี้โอเค เค้าเปิดใจมากขึ้น”หนึ่ง “ความลำบากที่ผ่านมาคือประสบการณ์ แต่สถานการณ์ตอนนี้ มันท้าทายกว่า โลกมันเปลี่ยนสถานการณ์เปลี่ยนเป็นความกดดันเราจะยืนต่อไปได้ยังไง ไปต่อได้อีกเท่าไหร่เราต้องทำให้ได้ กดดันจะต้องอยู่กับ ปัจจุบันให้ได้มากกว่า”.