เจอหลากหลายเรื่องราวในปีที่ผ่านมา รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสำคัญของนักร้องหนุ่ม “นนท์-ธนนท์ จำเริญ” ทั้งการทำงานกับบ้านหลังใหม่ “LOVEIS ENTER TAINMENT” ในเส้นทางที่เติบโตขึ้น พร้อมทำเพลงที่มีความจัดจ้านแปลกใหม่ เริ่มเผยออกมาในซิงเกิลแรก “วันครบเลิก” UNNIVER SARY นับเป็นสีสันใหม่ทางดนตรีจากกรอบเดิมของ “นนท์” ที่เจ้าตัวตั้งใจเสิร์ฟให้แฟนๆได้รับรู้ความ เป็นตัวตนและตอบโจทย์ความชอบของตัวเอง ณ ตอนนี้ แถมยังการันตีความฮอตต่อเนื่อง หลังกวาดคะแนนจากแฟนๆ ของการสำรวจหลายๆสำนัก อาทิ ขึ้นแท่นนักร้องชายเพลงไทยสากลที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุดในปี 2564 ของสวนดุสิตโพล รวมทั้งคว้าอันดับ 1 “นักร้องแห่งปี” โพลดาราปี 64 ของ นสพ.ไทยรัฐ เลยต้องให้ “นนท์” เล่าความท้าทายที่ไม่ง่ายในก้าวสำคัญนี้ เริ่มจาก เพลง “วันครบเลิก”“เพลงวันครบเลิก เป็นอีกหนึ่งสเต็ปใหญ่ที่นนท์พยายามหาโอกาสทำอะไรแบบนี้มาสักพักใหญ่แล้ว หลายคนอาจจะมองว่าเพลงนี้ไกลนนท์มาก เป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยกับนนท์ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมฟังคุ้นเคยและไม่ค่อยได้มีโอกาสทำ โชคดีที่ทางพี่จี๊บ-เทพอาจ และพี่ๆเลิฟอิสเปิดโอกาสและให้อิสระในการทำงาน เราเลยได้ทำเพลงที่พัฒนาทั้งในด้านการฟังของคนฟัง ขยายกรอบการเล่นของคนดนตรี ขยายนิยามของคำว่าเพลงเศร้าเนื้อหาเจ็บปวดแต่ไม่ช้า มันสามารถเศร้าแบบเข้าใจได้ เศร้าแบบเท่ๆได้ สิ่งที่เราเจอมาตลอดคือการที่ถ้าพูดถึงนักร้อง 1 คนเรามักจะพูดถึงแนวหนึ่งแนวเสมอ และตีกรอบเค้าว่าเค้าจะต้องร้องแนวนี้ แต่จริงๆผมมองว่านักร้องทุกคนมีศักยภาพในการร้องเพลงทุกแบบ เพียงแต่ว่าพอถูกกรอบของสังคมตีกรอบเอาไว้ ทำให้บางทีเค้าไม่กล้าก้าวออกมา ตัวนนท์เองพยายามที่จะสะท้อนสิ่งนั้นมาตลอด ทำให้เห็นว่านนท์ที่เป็นเดอะ วอยซ์ ก็ตาม หรือตอน The Mask Singer ก็ตาม พยายามร้องเพลงทุกแนว เพราะเรารู้สึกว่าการมีศักยภาพต้องทำได้ทุกอย่าง ผมก็ไม่อยากให้คนในวงการต้องปิดกั้นตัวเองด้วย ท้ายที่สุดผมอยากยกระดับวงการและสร้างความครีเอทีฟให้กับคนทำงานเบื้องหลังด้วยว่าเราทำอะไรใหม่ๆได้ ได้เจอพื้นที่ใหม่ๆ คนฟังก็จะได้รับผลงานที่มีคุณภาพและกว้างขวางขึ้น” กว่าจะเป็นเพลงนี้ใช้เวลานานมั้ย? “ประมาณ 1 ปีครับ มันมีรายละเอียดเยอะ มีความเป็นโซล อาร์แอนด์บีแบบที่เราเล่น ในวิธีการร้องของนนท์ก็จะมีความเป็นบลูส์มีลูกเล่น ทางคอร์ดมีความกอสเปล ได้เจนพัฒน์ จาก Madpuppet มารับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ ด้านเนื้อเพลงได้พี่นะ โพลีแคท มาช่วย อย่างปีที่ผ่านมาเพลงที่ปล่อยออกมา ทั้งเพลง “พิง” และ “เพลงแน่ใจไหม” เป็นโปรเจกต์พิเศษ ก็จะฟังง่าย และทุกคนคุ้นเคยกับมัน เราทำงาน ให้คนฟังแล้ว เราก็จะทำงานที่พัฒนาศักยภาพตัวเองได้ด้วย” การออกจากกรอบมาทำให้ลุ้นกับกระแสตอบรับมั้ย? “ลุ้นครับ มันไม่ใช่เพลงที่ทานง่ายเหมือนก่อนหน้านี้ มันมีความเข้มข้นและจัดจ้านมากกว่าเดิม เพลงนี้เป็นโจทย์ที่เรายื่นให้ตัวเอง อยากทำเพลงที่เราสนุกเติบโตไปพร้อมกับมัน และอัปเดตความเป็นนนท์-ธนนท์ ในวัย 25”ฟีดแบ็กเพลงนี้เป็นยังไงบ้าง? “ต้องบอกว่าเราไม่ได้คาดหวังเพราะสิ่งนี้มันใหม่ มันไม่ง่ายอยู่แล้วกับคนฟังแต่เราอยากทำให้ภาพมันกว้างขึ้น ผมอยากตีกรอบของผมให้แตกก่อน เพื่อที่เราจะได้มีอิสระในการทำงานของเรามากขึ้นกับคนฟัง เอาจริงๆผมไม่ได้คิดว่าเพลงจะถึงล้านวิวเลยด้วย เราก็พยายามหาตรงกลาง พยายามแชร์ในสิ่งที่ผมฟังอยู่อินอยู่ ให้คนฟังรู้ว่าตอนนี้ เราอยู่ตรงไหน”แฟนๆว่ายังไงบ้างที่ได้เห็นความเติบโตของเรามีตกใจกันบ้างมั้ย? “เค้าไม่ช็อกนะ แต่เรารู้สึกตกใจที่เค้าไม่ตกใจ (ยิ้ม) ตอนเราทำเสร็จเรายังคิดเลยว่าคนฟังจะปรับตัวได้มั้ยแต่เค้าปรับตัวได้เร็วครับ ตอนผมปล่อยเพลงมาวันสองวันแล้วมีเล่นคอนเสิร์ตที่ลิโด้ คนดูร้องได้แล้ว มันก็ตกใจนะเราเล่นท่ายากมาแล้วแต่เค้าก็ยังตามได้”คนดนตรี ก็เข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมเพลงนี้?“ดีใจจริงๆเพราะงานชิ้นนี้ก็อยากให้เป็นการสร้างอิสระให้คนทำงานด้วย ให้คนฟังที่คุ้นเคยกับนนท์พาไปเจอเฉดสีใหม่ๆพาคนดนตรีกับคนฟังมาเจอกัน คนฟังจะรู้สึกว่าเต็มไปด้วยรายละเอียด”นอกจากเพลงแฟนๆฮือฮาลุคหล่อว้าวในเอ็มวี?“ขอบคุณมากครับ หลักๆก็ทำงานให้เต็มที่ ทุกครั้งที่มีโอกาสทำงานเราก็ทำให้มันดีเต็มที่” ปีนี้มีเป้าหมายการทำงานยังไงบ้าง? “น่าจะเป็นการปล่อยอัลบั้ม และการมีคอนเสิร์ตเดี่ยว ตัวเราเองก็อยากจะเจอกับแฟนๆอยู่แล้วพอมาเจอสถานการณ์โควิด-19 เราก็ห่างหายกันไป ตอนนี้เราก็โฟกัสกับเพลงและตัวของอัลบั้มที่ทำ”รีวิวปีที่ผ่านมาของชีวิตนนท์หน่อย ต้องเจอหลายเรื่องเหมือนกัน?“ปีที่ผ่านมาผมว่าตัวผมนิ่งขึ้น แล้วก็ในขณะเดียวกันมีความเด็ดขาดที่มากขึ้น รู้สึกได้ว่าตัวเองใจเย็น อ่อนนุ่ม รู้สึกมีอิสระมากขึ้นที่ทางแฟนๆมอบให้กับเรา ทางค่ายมอบให้เรา ความสุขในการทำงานมันเลย เกิดง่ายขึ้น สิ่งที่มันตามมาคือมันอยากทำงานมากขึ้น อยากสนุกกับงาน จากเดิมที่ผมเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าเป็นช่วงที่ผมมีไฟอยู่ตลอด ตอนนี้ก็ผมยังสนุกกับมันไปอีก อย่างเพลงวันครบเลิก ก็เป็นก้าวสำคัญ เราเอาของที่ทานยากให้คนลองดู แล้วพอคนทานเราก็ดีใจนะ เราแค่อยากให้คนมาจับเพดานของเราก่อน แล้วก็ไปด้วยกัน”เป็นปีที่ไม่ได้เจอแฟนๆและมีเรื่องให้แฟนๆต้องห่วงหลายอย่างทั้งเรื่องสุขภาพ ชีวิต แต่แฟนๆก็ยังเป็นห่วงให้กำลังใจและเหนียวแน่นเสมอ? “สำหรับผมแฟนๆ เป็นส่วนหนึ่งของทุกย่างก้าวของผมมีพวกเค้าไปด้วยกัน มันดีมาก ตัวผมก็รู้สึกขอบคุณและรู้สึกนึกถึงอยู่เสมอ ทำเพลงออกมาเราว่าเพลงนี้ดี เพราะ ก็อยาก ให้พวกเค้าได้ฟังได้เห็น เวลาที่เราเจอเรื่องราวอะไรมาเราก็อยากแชร์เวลาอยู่บนเวที การที่เราได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันโตไปด้วยกันทำให้รู้ว่าเรากำลังทำเพื่อใครครับ”.