เปิดใจแบบไม่มีกั๊กถึงเรื่องราวที่ต้องเผชิญหลังนักดนตรีก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่โดนพิษโควิด-19 เล่นงานแบบเต็มๆ “เต๋า-ดุลยเกียรติ เลิศสุวรรณกุล” หรือ เต๋า นักร้องนำวงร็อกสายหนัก “Sweet Mullet” (สวีท มัลเล็ท) เล่าประสบการณ์ที่ต้องเจอและการปรับตัวให้ฟังว่า “โควิดที่ผ่านมา ปีถึงสองปีที่ผ่านมาโดนหนักมากครับ คือ ถึงขนาดเรียกว่าไม่มีงานจ้างเลยดีกว่า จริงๆ แล้วดนตรีเป็นอาชีพหลัก แต่พอเจอโควิด-19 แล้วก็ด้วยเรื่องอะไรหลายๆเรื่อง จากที่หลายคนจะบอกว่าเราควรจะมีอาชีพรองรับไว้ เราควรทำสองอาชีพ แต่ว่าตอนนี้สองอาชีพยังแทบไม่พอแล้วครับ ต้องทำต้องหาอาชีพที่สาม ผมอาจจะแค่มีทำแบรนด์เสื้อของตัวเองรองรับไว้อีกแค่อาชีพเดียวเท่านั้นเอง แต่ว่าตอนนี้ผมต้องมาเปิดร้าน มาหุ้นร้านเสื้อผ้ากับรุ่นพี่รุ่นน้องผม ต้องเปิดร้านหุ้นกับรุ่นพี่ รุ่นน้องผม ร้านข้าวต้มแห้งเพิ่มอีก” ร้านขายเสื้อผ้านี่คือขายเสื้อผ้าแบบไหน? “เสื้อเป็นเสื้อวงดนตรี รับของมาจากเมืองนอกแล้วก็เอามาขาย แล้วก็รับสั่งพรีออเดอร์จากลูกค้า สั่งพวกของจากต่างประเทศ ผมเข้าร้านนี่คือผมต้องไลฟ์ขายเสื้อในร้าน ต้องใช้วิธีไลฟ์ขายเสื้อแบบออนไลน์เลย เพราะว่าร้านผมก็มีมาตรการไม่รับลูกค้า เพราะเราต่างคนต่างก็ต้องเซฟตัวเอง รายได้หน้าร้านก็จะหายไป เพราะฉะนั้นมันก็ต้องพึ่งเป็นออนไลน์กับคนที่จะซื้อก็ต้องมาซื้อหน้าเฟซบุ๊ก ก็จะส่งทางไปรษณีย์แทน คือเน้นออนไลน์เลยครับ จากที่เราไลฟ์ในโควิดปีแรกลูกค้ายังโอเค แต่พอมาปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเลยครับว่ากำลังซื้อของลูกค้าลดลงไปเยอะมาก เข้าใจโควิดมันยาวนานมาก เลยหาอาชีพเสริมอย่างอื่นเข้ามาทดแทน เพราะ ว่านอกจากขายเสื้อแล้วก็มองดูของกิน พอดีรุ่นน้องที่ร้านที่เป็นหุ้นส่วนกันมีไอเดียชวนลองเปิดข้าวต้มแห้งอิสรภาพ อยู่ถัดจากร้านเสื้อผ้าของผมที่ชื่อร้าน Area-23 ครับ อยู่ตรงรถไฟใต้ดิน MRT สถานีอิสรภาพเลยครับ แถวสี่แยกบ้านแขก”ก่อนที่จะมีโควิด-19 แต่ละเดือนวง Sweet Mullet มีงานจ้างประมาณกี่งาน? “เต็มที่เลยจะมีประมาณ 10 งาน 15 งาน ประมาณนี้ครับ ต่อหนึ่งเดือน แต่ว่าบางเดือนจะมากน้อยแล้วแต่เดือนไป ตลอดที่ผมทำวงมา ยังไงทุกเดือนต้องมีออกไปโชว์ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตั้งวงมาแล้วก็ไม่ได้เล่นมาหลักปี แล้วไม่ได้ซ้อมกันเลยที่วงแทบไม่ได้เจอหน้ากันครบกันเลย” ตอนนี้ก็คือเต๋าพร้อมปรับเปลี่ยนไปยังไงก็ได้ เพื่อให้มีรายได้เข้ามา?“ใช่ ผมทำทุกอย่างเลย ผมคิดทุกอย่างเพื่อหาช่องทางไหนที่จะหารายได้ได้อีก ซึ่งก็ผมไม่เคยคิดว่าวันนึงผมต้องมานั่งวาดรูปบนไอแพดเพื่อลง NFT อะไรอย่างนี้ ผมไม่เคยใช้เม้าส์ปากกามาก่อน ผมต้องมานั่งฝึกใหม่ เพื่อที่จะลงให้มันเป็นไฟล์ดิจิทัลให้ได้ ใช้เวลาฝึกแล้วผมก็พยายามวาด ผมหาทุกวิถีทางเพื่อจะมีช่องทางมีรายได้เข้ามาอีก ผมแค่คิดว่าถ้าผมทำอะไรได้แล้วมันสร้างรายได้ให้ผมและต้องเป็นอาชีพที่สุจริตด้วย ผมเคยยืนไลฟ์ขายเสื้อ บางวันผมยืนไลฟ์แบบหกชั่วโมง เจ็ดชั่วโมงต่อวัน ไม่มีลูกค้าก็เคย สามชั่วโมงบางทีผมอาจจะขายได้ไม่กี่ตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าใครจะบอกว่า โอ๊ย คุณเป็นดารา คุณเป็นศิลปินนักร้อง คุณขายของได้ อันนี้ผมบอกได้เลย มันใช้ไม่ได้กับทุกคนนะครับ ทุกคนจะคิดเยอะมากขึ้นในการจะใช้เงิน” คือตอนนี้ทุกคนก็วิกฤติหมด เต๋ามีอะไรจะฝากให้กำลังใจทุกคน ยังไง? “ผมรู้สึกว่าตอนนี้มันโดนวิกฤติเดียวกันหมดทั่วโลกไม่ใช่แค่เรา แล้วก็อย่าพยายามโทษตัวเองนะครับว่าเราทำอะไรไม่ได้ เลย อย่าคิดว่าเราทำอะไรไม่ได้ ผมเชื่อว่าทุกคนมีทักษะอะไรบางอย่างเฉพาะตัว แล้วถ้าเราเจออันนั้น มันอาจจะเป็นอาชีพอีกอาชีพนึงของเราก็ได้ แล้วหารายได้อีกทางนึงก็ได้ เพียงแต่ว่าเราต้องหามันให้เจอ อย่าพยายามคิดว่าเราทำอันนู้นไม่ได้ อันนี้ไม่ได้ เพราะผมก็หาทุกวิถีทางเหมือนกันเพื่อที่จะทำ มันคือเรื่องจริงครับที่เราต้องสู้กันต่อไป คือมันก็ท้อได้ แต่ตื่นมาคุณก็ต้องสู้อะ คุณต้องลุกจากที่นอน แล้วคุณก็ต้องหาทางต่อ”.