ดาวดวงใหม่พร้อมลุยวงการบันเทิงแล้ว “บูม–สหรัฐ เทียมปาน” The Star Idol คนแรกของเมืองไทย หนุ่มน้อยวัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนหอวัง ลูกชายคนเดียวของครอบครัว บูมหลงใหลในเสียงเพลงมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปินตั้งแต่เด็ก เรียนร้องเพลงตั้งแต่อายุ 4 ขวบครึ่งจนถึง 13 ปี หลังจากนั้นก็เริ่มหัดเล่นกีตาร์และแต่งเพลงด้วยตัวเอง ผ่านเวทีการประกวดจนมาถึงเวที “The Star Idol” ผ่านการคัดเลือกรอบต่างๆด้วยความสามารถและเสน่ห์เป็นธรรมชาติ โดนใจแฟนๆทั้งประเทศจนคว้าแชมป์มาได้ในที่สุดและเตรียมมีผลงานซิงเกิลแรกของตัวเอง รวมทั้งอัลบั้มเป็นของตัวเอง ได้คนดนตรีแถวหน้ามาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทั้ง “แอ้ม–อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์” โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงชื่อดังผู้แต่งเพลง “สองใจ” และอีกมากมาย รวมทั้ง “หนุ่ม กะลา” ศิลปินร็อกระดับตำนาน เลยต้องถาม ความรู้สึก ณ วันนี้ เตรียมมีเพลงและอัลบั้มเป็นของตัวเองแล้ว?“ตื่นเต้นที่สุดในโลกเป็นเกียรติและเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับผมมากๆครับที่ได้โปรดิวเซอร์เพลงระดับท็อปอย่างพี่แอ้ม-อัจฉริยา และพี่หนุ่ม กะลา มาร่วมโปรดิวซ์เพลงให้ผม มันไม่ใช่โอกาสที่จะได้มาง่ายๆ ผมว่ามันสุดยอดมากๆ ซึ่งผมเองก็ตื่นเต้นที่จะได้มีผลงานเพลงเป็นครั้งแรกทั้งซิงเกิลแรกในชีวิต และอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตของผม ซึ่งผมก็มีโอกาสได้ร่วมแสดงความคิดเห็น หรือใส่ความเป็นตัวเองลงไปในเพลงด้วยครับ”ย้อนไปถึงความ รู้สึกวินาทีที่รู้ผลว่าตัวเองคือแชมป์?“วินาทีลุ้น ผมกับพี่ภูมิ-พงศ์รชตะ เตรียมใจกันมาทั้งสองคนถึงผลจะเป็นอย่างไร ด้วยความที่เราสนิทกันและเราก็เข้ารอบมาถึงขนาดนี้มันคือโค้งสุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่าผมคนใดคนหนึ่งจะไม่ได้ เราก็ไม่เสียดาย ทุกคนยินดีและยอมรับ พอถึงตอนประกาศเป็นชื่อผมเหมือนมันวิ้งไปแป๊บนึงเลย อยู่ดีๆผมก็ยิ้มออกมาแล้วก็ยิ้มค้างไปอีกแป๊บนึง พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็เข้าไปกอดพี่ภูมิแล้วน้ำตามันก็ค่อยๆไหล วันนั้นคุณพ่อคุณแม่มาเชียร์ คุณพ่อก็ลุกขึ้นเฮเลยเค้าคงดีใจและภูมิใจในตัวผมมากๆ ทุกคนในครอบครัวลุ้นไปกับเรา”คำว่า “เดอะสตาร์ไอดอล” สำหรับบูมต้องเป็นอย่างไร?“สำหรับผมคำว่าเดอะสตาร์ไอดอลน่าจะเป็นการที่คนอื่นยอมรับในตัวเรา ชื่นชมในผลงานเป็นกำลังใจให้เขาได้และสามารถทำให้เขามีความสุขได้จริงๆครับ”ในยุคนี้เด็กรุ่นใหม่เป็นไอดอลกันเยอะมีความสามารถกันมาก เรามองว่าคนที่จะมาเป็นไอดอลตัวจริงต้องพิสูจน์อะไรบ้าง? “น่าจะต้องเป็นตัวของตัวเอง เป็นธรรมชาติ พยายามไม่เครียดกับสิ่งที่ทำ ทำแล้วมีความสุข ผมรู้สึกว่าเดอะสตาร์ไอดอลน่าจะต้องเป็นผู้ที่ทำให้คนอื่นมีความสุข และยอมรับในตัวเรา”สำหรับตัวเราเองทำให้คนมีความสุขได้ยังไงบ้าง? “ผมอยากเป็นศิลปินที่ทำให้ทุกคนมีความสุข คือการที่เวลาเค้าเครียด เศร้า เหงา หรือไม่ว่าจะรู้สึกอะไร แค่เค้าได้ฟังเพลงผมแล้วเค้ามีความสุขยิ้มได้ ผมก็มีความสุขไปด้วย ซึ่งปกติเวลาผมอยู่กับเพื่อน ผมก็จะชอบแซว ชอบแหย่ ทำให้เพื่อนหัวเราะตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ถ้ากับตัวเอง ผมก็พยายามหาความสุขให้ตัวเองด้วยการกินของอร่อย พักผ่อน ร้องเพลง ยิ่งเวลาร้องเพลงแล้วมีคนเข้ามาชมว่าเสียงเพราะ ชอบฟังเสียงของผม ผมยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีกครับ ซึ่งผมก็จะนำความสุขที่ได้มาส่งต่อให้กับทุกคนเวลาผมไปร้องเพลงให้แฟนๆฟังครับ”ตอนนั้นบรรยากาศการแข่งขันปีนี้เป็นแบบนิวนอร์มอล เราสร้างกำลังใจจากอะไรได้บ้าง?“ปีนี้เราไม่ได้คนดูจากข้างนอกเข้ามาก็ได้กำลังใจจากเพื่อนๆนี่ล่ะครับ รวมทั้งจากครอบครัวและพี่ๆทีมงานที่อยู่ในนั้นรวมไปถึงกรรมการและแขกรับเชิญด้วย เราก็พยายามมองไปที่กล้องส่งให้คนดู”ก่อนขึ้นเวทีมีบิลต์กันเองมั้ย? “มีครับ ก่อนใครโชว์ก็ให้กำลังใจกันตลอด”เวลาคอมเมนเตเตอร์ติเราทำให้ท้อบ้างไหม? “ผมรู้สึกว่าผมไม่ท้อเพราะการติของกรรมการเค้าก็ติเพื่อให้เราไปปรับปรุงแก้ไข ทำให้เรารู้ตัวเราเองด้วยก็เป็นเรื่องที่ดีครับ” เวทีนี้ทำให้ได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง?“ได้หลายอย่างเลยครับ ทั้งการเข้าสังคม ทำให้ได้เจอผู้คนอีกเยอะแยะมากมาย ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด ได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อนๆทุกคน”เห็นตัวเองเปลี่ยนไปเยอะไหม? “ผมว่าเวทีนี้ทำให้ผมเปลี่ยนไปในเรื่องทัศนคติ จากปกติผมเป็นคนทำอะไรติดเล่นเยอะ แต่การได้มาอยู่ตรงนี้ทำให้รู้เวลา ด้านการพูดก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน เรียบเรียงได้ดีขึ้น เมื่อก่อนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง สิ่งที่อยากพัฒนาคือการเอนเตอร์เทน การพูด อยากฝึกให้มากกว่านี้”ชอบเพลงแนวไหนเป็นพิเศษ อยากทำเพลงแนวไหน? “แนวเพลงที่ผมชอบคือเพลงป๊อป ฟังสบาย แต่ถ้าจะทำเพลงของตัวเองก็คงมีการผสมเป็นแนวป๊อบร็อกครับ”ตั้งแต่เด็กตอนไหนที่รู้ตัวเองว่าเริ่ม หลงรักเสียงเพลงและการร้องเพลง?“จริงๆผมก็ชอบเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็กเลยครับ แต่ที่มารู้สึกจริงจังและรู้สึกว่าผมมาทางนี้แล้วก็คงเป็นตอน ม.2 ตอนนั้นผมกับเพื่อนร้องเพลงของซิลลี่ ฟูลส์ อยากเป็นแบบพี่โตซิลลี่ ฟูลส์มากเพราะเค้าดูเท่มาก ก็เลยมาจริงจัง จริงๆตั้งแต่ตอนเด็กๆ ผมก็เรียนร้องเพลงมาเรื่อยๆและเคยได้ขึ้นคอนเสิร์ตของพี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ โรงเรียนร้องเพลงส่งผมไปที่รายการและรายการก็ส่งผมไปที่คอนเสิร์ตอีกทีนึง ก็ได้ไปขึ้นเวทีที่อิมแพ็ค อารีน่า คนดูเยอะมาก เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยรู้สึกว่าอยากมีแบบนี้อีกครั้ง ผมเรียนร้องเพลงตั้งแต่ 4 ขวบครึ่ง ถึงอายุ 13 ก็เลิกเรียนไปเพราะที่บ้านเงินหมด และก็ศึกษาและฝึกฝนเองต่อ”คิดว่าอะไรที่ทำให้พ่อแม่ผลักดันมาทางด้านนี้? “ผมว่าแม่ผมชอบศิลปินอยู่แล้ว แม่ผมชอบพี่ก้อง-สหรัถมาก เค้าเลยตั้งชื่อผมว่าสหรัฐ ตอนแรกจะตั้งชื่อว่าก้อง แต่เดี๋ยวจะโดนเพื่อนล้อ (ยิ้ม) แล้วคุณแม่ไปซื้อนมผงแล้วมีกิฟต์วอชเชอร์ส่วนลดของโรงเรียนร้องเพลง เลยลองถามผมว่าเรียนไหมแล้วผมก็ตอบตกลงเค้าก็คงอยากเห็นผมร้องเพลงเหมือนกัน เราเองก็ชอบครับ”แล้วอะไรทำให้เราชื่นชอบหลงใหลในการร้องเพลง? “ตอนผมเข้าไปเรียนผมรู้สึกสนุกดีและทุกครั้งที่เรียนเสร็จพ่อก็ซื้อของเล่นให้รู้สึกว่ามันเป็นแรงจูงใจอีกอย่าง พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่ามันสนุกจริงๆและเริ่มมาจริงจังตอน ม.2 อย่างที่บอกไปผมเริ่มมาเล่นกีตาร์ตอน ป.6” พอจริงจังปุ๊บภาพในหัวมันลอยมาเลยไหมว่าวันหนึ่ง เราอยากเป็นแบบไหน?“มีครับ ตอนเด็กๆผมชอบซื้อแผ่นซีดีมาดู ดูคอนเสิร์ตของพี่บี้-สุกฤษฎิ์ ดูแล้วก็เต้นคนเดียว เต้นให้แม่ดูด้วย และชอบไมเคิล แจ็กสันด้วยครับ”อยากขอบคุณอะไรเบื้องหลังที่พาเรามาบ้าง? “จริงๆแล้วคือกำลังใจจากทุกๆคน รู้สึกขอบคุณที่ทุกๆคนสนับสนุนผมและเชียร์ผม โหวตให้ผม แฟนคลับทุกคนน่ารักมากๆทั้งหมดให้ผมและเสียสละเวลามาดูผม พวกเขาเป็นคนสำคัญที่ทำให้ผมได้เป็นเดอะสตาร์ไอดอลและมายืนจุดนี้”เป็นไอดอลในยุคของโลกโซเชียลต้องเจอคอมเมนต์ต่างๆทั้งบวกและลบเราตั้งรับอย่างไร? “ผมต้องระวังตัวเองมากกว่าครับ ถ้าจะให้ตั้งรับมันก็คือการระวัง ต้องระวังคำพูด ระวังการโพสต์การแชร์อะไรต่างๆ”คำคอมเมนต์ด้านลบต่างๆในโลกโซเชียลกระทบจิตใจเรามากไหม เรามีวิธีจัดการความรู้สึกอย่างไร? “บางคอมเมนต์ที่ติว่าอย่างมีเหตุผล ติเพื่อก่อ ผมโอเค เอาคำติมาพัฒนา แต่ถ้าคนที่เข้ามาว่าแบบความสะใจหรือบูลลี่ ผมก็จะเลือกไม่สนใจ ปล่อยผ่านไปครับ”งานที่อยากทำในวงการบันเทิง?“อยากมีเพลงเป็นของตัวเอง อยากร้องเพลง แต่งเพลง ฝันเห็นตัวเองร้องเพลงให้คนดู อยากเล่นละคร เล่นหนัง เคยฝันว่าอยากซื้อตั๋วไปดูตัวเองในโรงหนัง”แต่งเพลงเองบ้างไหม? “แต่งเพลงเองครับ มีทั้งแต่งเพลงจีบสาว แต่งตอนอกหักเพราะสาว ทุกเพลงที่แต่งจะเกี่ยวกับผู้หญิง (หัวเราะ) แต่ส่วนใหญ่เค้าจะไม่รู้”ฟีดแบ็กจากแฟนคลับส่วนใหญ่บอกว่าชอบเราเพราะอะไร? “เค้าชอบเพราะผมเป็นผม อาจจะความซื่อของผม”การเป็นคนสาธารณะทำให้การวางตัวเปลี่ยนไปไหม? “เราต้องพูดดีๆ คิดก่อนพูด ต้องยอมรับว่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่องอาจจะถูกนำไปพูดเป็นเรื่องสาธารณะซึ่งเราก็ต้องยอมรับให้ได้”สุดท้ายเรื่องสาวๆล่ะ...ชอบสาวแบบไหน? “ผมไม่มีสเปกตายตัวนะครับ แค่รู้สึกว่าคุยด้วยแล้วสบายใจก็พอ”สาวในฝันในวงการบันเทิงคือใคร? “ชอบพี่เก้า-สุภัสสราครับ”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย