ยืนยันโสดไร้แฟน...เชื่อหากเจอคนที่ใช่คือใช่กรี๊ด...ดหนักหน่วงไม่ต้องห่วงไขมันเกาะแน่ พระเอกหนุ่ม สน-ยุกต์ ส่งไพศาล ถอดเสื้อโชว์อกแน่นๆ กล้ามโต ในละครพีเรียดรักข้ามภพข้ามชาติ “สัตยาธิษฐาน” ทางช่อง3 ถอดเสื้อเปลือยท่อนบนเกือบทั้งเรื่อง แถมต้องทาตัวดำปึ้ดให้สมบทบาท “ทาส” ประกบ เดียร์น่า ฟลีโป นางเอกสาว เคมีเข้ากันอย่างดี งานนี้ “คนดังนั่งคุย” ขอคว้าหนุ่มสนมาเปลือยอก เปลือยใจกับเส้นทางวงการบันเทิง 11ปี จากที่ไม่รักไม่ชอบ “การแสดง” แต่ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ โดยมีความฝันอยากมุ่งสู่เส้นทางฮอลลีวูด ต้องเอาใจช่วยกันซะแล้ว ส่วนความรักยังว่างๆ เพราะโฟกัสเรื่องงานเป็นหลัก รักเลยเป็นรอง>> อ่านเรื่องย่อนิยายทุกเรื่อง คลิกที่นี่ <<กับละครเรื่องนี้เป็นพีเรียดเป็นยังไงบ้าง“เป็นละครอีกเรื่องที่ผมภูมิใจมากๆ ข้ามภพข้ามชาติแต่ไม่ได้ย้อนยุคกลับไปนะ เราฝัน เราระลึกชาติได้ว่าชาติที่แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง ถ้าดูไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าเหตุผลทำไมเราถึงรักผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงมีปมตรงนี้” ที่แน่ๆ พาร์ตอดีตสนก็ถอดเสื้อโชว์ซิกซ์แพ็ก “ถอดเกือบทั้งเรื่อง มีใส่เสื้อนิดเดียวที่เป็นทหาร เรื่องนี้ไม่เปลืองเสื้อผ้าเลย” ต้องไปเฟิร์มหุ่นก่อนถ่ายทำมั้ย “ครับ เรื่องนี้ผมทุ่มเทมากเหมือนกันเพราะผมต้องลดไขมัน ลดน้ำหนักไปประมาณ 7-8 กก. สังเกตดีๆ ถ้าพาร์ตปัจจุบันผมจะอ้วน ประมาณ 80โล แต่พาร์ตอดีตผมจะหนักประมาณ 72-73โลครับ หายไปเยอะเหมือนกัน เป็นความตั้งใจ บังเอิญมีช่วงระหว่างถ่ายปัจจุบันกับพาร์ตอดีต มีช่วงประมาณ 2-3 สัปดาห์ก็เลยใช้ช่วงนั้นแหละ ผมออกกำลังกายเยอะ ผมคุมการกินอย่างหนัก มันลงไปเร็วมาก” เล่นเรื่องนี้สนจะโดนแซวเรื่องนมค่อน-ข้างใหญ่เนอะ “หัวเราะ ผมว่าเพราะไม่มีไขมันมากกว่า หน้าท้องผมก็แบนราบจริงๆ ก็เลยเห็นชัด” เห็นคอมเมนต์ที่เข้ามาแซวสน นมใหญ่กว่าสาวๆบางคนอีก “ถือเป็นคำชมครับ (ยิ้ม) ถามว่าภูมิใจมั้ยที่โดนแซวแบบนี้ ถ้ามันออกมาดูดีก็โอเคครับ” ในความดราม่ามีความท้าทายทางการแสดงของเราขนาดไหน“ความท้าทายของผมจะอยู่ที่พาร์ตอดีตซะส่วนใหญ่ เป็นพาร์ตที่ผมต้องศึกษาว่า ทาสสมัยนั้นคิดยังไง ทำไมถึงยอมเป็นเบี้ยล่าง เคารพเทิดทูนนายขนาดนั้น มันมีเส้นขั้นวรรณะชัดเจน ศึกษาเรื่องพวกนี้มาเพื่อคิดตามตัวละครได้ ความลำบากก็ส่วนนึงมันก็ท้าทาย เดินคลุกกับดิน ก้มหลัง คลานเข่า เพนต์ตัวดำ ทำรอยสักด้วยทุกครั้ง ก็แอบลำบากนิดนึง เพราะทุกๆวันเนื้อตัวเหนอะหนะ พิงไม่ค่อยได้เดี๋ยวสีหลุด” ความขาวของเราเป็นอุปสรรคสำหรับเรื่องนี้เลยหรือเปล่า “ก็นิดนึง (หัวเราะ) ตอนเป็นทาสห้ามตัวขาว ต้องตัวดำเมื่อมๆ เป็นชนชั้นแรงงานจริงๆ” ลุคเราจะดูเป็นคนสมัยใหม่ แต่ต้องเล่นเป็นทาสต้องกดตัวเองลงขนาดไหน “คือผมเอาตัวเองออกไปเลย ตอนเป็นทาสเราก็เป็นทาสไปเลย เอาตัวละครมาสวมตัวเราไปเลย คิดยังไง ท่าเดิน การนอบน้อมต่อเจ้านายเป็นยังไง การพูดจายังไงไม่ใช่ผมเลย เป็นทดเลย”การร่วมงานกับเดียร์น่าสนุกสนานกันขนาดไหน“น้องเป็นคนตั้งใจมาก อยู่กองไม่ค่อยคุย ทำสมาธิเพื่ออินกับบทบาท แต่ก็เป็นคนคุยเก่งคนนึง พอพักเค้าก็จะคุยกับคนนั้นคนนี้ คุยเก่งกว่าผม เวลาพักส่วนใหญ่ผมจะนอน เก็บแรงมากกว่า จริงๆผมอยู่กองก็ไม่ค่อยคุยกับใครนะ ที่ไม่คุยเพราะอยากพักด้วยบทมันก็หนักแล้ว เก็บแรงดีกว่า” ทำไมถึงไม่สุงสิงกับใครล่ะ “มีคุยเล่นแต่ไม่ได้คุยเยอะอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่ผมไม่เฟรนด์ลีนะเราต้องทำหน้าที่ตัวเองก่อน” กลัวคนไม่รู้จักเราจะเข้าใจผิดคิดว่าเราหยิ่ง “เค้าไม่เข้าใจผิดหรอกเพราะผมคุยเล่นปกติ แค่ใช้เวลากับตัวเองมาก ว่างนอน นั่งทำสมาธิ ไม่อยากคิดอะไรมากเวลาอยู่ที่กอง” เลิฟซีนเยอะแยะขนาดไหน “ถ้าเป็นอดีตเลิฟซีนจ้องตากันเท่านั้น มีฉากช่วย มีการแตะเนื้อแตะตัวกัน แต่มันไม่ได้เยอะ แทบไม่มีเลิฟซีนเพราะต่างชนชั้นกันไม่มีสิทธิ์ทำอยู่แล้ว เยอะสุดจับมือแล้วจูบมือ พอปัจจุบันนัวเนีย (หัว-เราะ) คือปัจจุบันเหมือนเราคลั่งรักก็จะใส่เต็มที่” ช่วงนี้งานสนยังเยอะแยะ 7 วันรวดหรือเปล่า“ช่วงนี้ละครเยอะ ผมถ่ายละคร 3 เรื่อง มี “เล่ห์เกมรัก” ออนแอปพลิเคชันของจีน และออนแอร์ช่องด้วย เล่นกับเอสเธอร์ เกี่ยวกับสองตระกูลใหญ่ มีเหตุการณ์ให้ปกปิดตัวตน อีกเรื่องซีรีส์ “รักวุ่นวายเจ้าชายกบ” เรื่องนี้เล่นกับวิว-วรรณรท รีเมกซีรีส์ดังจากไต้หวัน เป็นแนวคอมเมดี้ครับ” กลายเป็นสนได้งานไปจีนหลายเรื่องเหมือนกันนะ “ใช่ครับ จริงๆจีนมาลงทุนทำละคร ทำซีรีส์เมืองไทยแล้วนำไปฉายที่โน่น ในเมื่อทำแล้วฉายเมืองไทย ทีมงานก็เป็นคนไทย แค่นายทุนเป็นคนจีน มาจ้างทำ เป็นเหมือนผู้จัดฯจีน ทีมงาน บทเป็นคนจีนเขียน” ความรู้สึกของสนที่ถูกเลือกมาแสดงทั้งๆที่นักแสดงไทยมีให้ช็อปเยอะ “รู้สึกขอบคุณที่ไว้ใจ ให้รับบทบาท รู้สึกว่าเราก็คงมีฐานชื่อเสียงในเมืองจีนหรือเปล่าเค้าถึงใช้เรา อยากทำให้ดีที่สุด” เวลาไปเมืองจีนเป็นสนห้างแตกมั้ย “ยังไม่เคยไปห้าง แต่ถ้าสนามบินมีนะ ไปทำสนามบินแตกมาแล้ว แฟนคลับที่เมืองจีนน่ารักมาก ต้องขอบคุณครับ ถ้าไม่มีเค้าคงไม่มีผมในวันนี้ ขอบคุณทุกๆคนคอยสนับสนุนให้กำลังใจ ผมสัญญาว่าจะตั้งใจทำผลงานให้ดีต่อๆไป”สนเข้าวงการมากี่ปีแล้ว“11 ปีแล้ว เร็วมากครับ” มองย้อนกลับไปเป็นยังไงบ้าง สนวันนั้นกับสนในวันนี้ “แตกต่างกันมากนะครับ ทั้งความคิด การมองโลก ถ้าเมื่อก่อนจะเป็นคนปิดตัวเอง ไม่ได้อยากเป็นนักแสดง ที่ได้มาทำเพราะโชคดี แต่เวลาผ่านไปปุ๊บผมรู้สึกอยากทำงานให้มันดี เราทำตรงนี้แล้วเริ่มรักกับงานนี้ และเริ่มรู้สึกว่ามันคือชีวิตผม มันคืออาชีพหลักของผมที่ผมรัก ตอนแรกๆเราอยากเป็นนักบิน แต่พอผ่านมา 11 ปี ทำให้เรารู้สึกรักอาชีพนี้ เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็คงทำตลอด ทำไปเรื่อยๆ” จุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกรักอาชีพนักแสดงไปแล้ว “คือผมอยากทำงานโปรดักชันกับนักแสดง ทีมงานที่เก่งไปเรื่อยๆ ความฝันของผมคืออยากไปฮอลลีวูด อยากไปทำงานกับระดับโลกจริงๆ นี่คือความฝันครับ” วางแพลนชีวิตที่ก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ยังไงบ้าง “ปีที่แล้วผมไปฮอลลีวูดมาไปทำเวิร์กช็อป ไปเรียนคอร์สนึง ประมาณเดือนนึง ได้เจอกับนักแสดงทั่วโลก เค้ามีประสบการณ์อยู่แล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ปรับความคิด การมองโลกให้ไปในทางเดียวกัน” พอเทกคอร์สเรียนขนาดนั้น สิ่งที่ได้กลับมา “จริงๆเป็นการปลุกไฟในตัวผมมากกว่า ผมอยากไปทำระดับโลกจริงๆผมอยากไปทำตรงนั้น ประสบการณ์ด้วย และอีกใจนึงก็อยากทำเพื่อรางวัลด้วย เพราะรางวัลมันคือเครื่องยืนยันว่าเป็นนักแสดงที่ดี มีฝีมือ” ปีที่แล้วไปเรียนปีนี้มีไปแคสงานมั้ย “คือตั้งใจปีหน้าจะทำอะไรสักอย่าง อาจจะไปเทกคอร์สเพิ่ม ต้องดูอีกทีนึง แต่ปีนี้เวลาผมไม่มีเลย ยุ่งมาก” ดูเป็นคนชอบเรียนรู้ “ใช่ครับ เป็นคนชอบเรียน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ เป็นคนไฮเปอร์ แต่ไม่ถึงกับอะเลิตอะไรมาก แค่มีความฝันอยากทำโน่นทำนี่ ผมไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบพัฒนาตัวเองมากกว่า ไม่ได้มีใครบังคับแต่เราบอกตัวเอง อ่านหนังสือ ดูคนที่ประสบความสำเร็จก็เป็นการจุดประกายในตัวเรา เค้ายังทำได้เลย ทำไมเราจะทำไม่ได้ อ่านแนวคิดของเค้า” ความรักตอนนี้ยังไง เจอคนถูกใจหรือยัง“มีแต่เพื่อนๆ ตอนนี้เราโฟกัสเรื่องงาน ถามว่ามีมั้ยก็มีคนดูๆกันไปเพื่อจะมีอนาคตหรืออะไรเดี๋ยวค่อยคิด เพราะตอนนี้ยังไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น” ก่อนหน้าที่ห่างกับคนที่คุยเพราะเราไม่มีเวลาให้เค้าเหรอ “ไม่ใช่ครับ อาจจะมีเหตุทำให้ต้องแยกกันไป” เป็นเพราะเรามีพื้นที่ส่วนตัวเยอะ “ไม่ๆ เวลาผมมีความรักผมเต็มที่มาก” คนที่สนกำลังคุยๆ เป็นคนในวงการเหมือนกันรึเปล่า “ไม่ๆ ผมไม่ได้เกี่ยงว่าจะเป็นคนในวงการหรือนอกวงการ ก็แค่มันยังไม่มีในวงการ” โตขึ้นเลือกยากขึ้นหรือเปล่า “ไม่ครับ ผมเป็นคนเชื่อเรื่องความรักมาตลอด ถ้ามันใช่ก็ใช่เอง ไม่ได้เลือกคนนี้มีข้อดีข้อเสียหรืออย่างไร แค่ผมรู้สึกว่าผมคุยแล้วผมคลิก เป็นสิ่งสำคัญที่สุด” แนวโน้มคนที่คุยตอนนี้มีลุ้นสุด “ต้องดูไปเรื่อยๆ ต้องดูอนาคตไปเรื่อยๆ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”ตอนนี้ที่บ้านพ่อแม่เริ่มถามหาแฟนบ้างยัง“ที่บ้านแค่ถามว่าเมื่อไหร่มีแฟน ผมก็เลยบอกว่าตอนนี้ผมยุ่ง ไม่มีเวลาแม้แต่ซื้อผลไม้ อยากช็อปปิ้งมากเลยตอนนี้ อยากซื้อของเข้าบ้าน ยาสีฟันหมดก็ยังไม่มีเวลาแวะซื้อเลยใช้ของแถม ยังไม่มีเวลาให้ใคร ขนาดเวลาให้ตัวเองยังไม่มีเลย อยู่กองเจอคนเดิมๆ ไม่ได้ไปเจอใคร ผมไม่ใช่คนโหยหาคู่ตลอดเวลา ขาดแล้วอยู่คนเดียวไม่ได้ แต่ผมขาดได้ อยู่คนเดียวได้และแฮปปี้ด้วย เพราะฉะนั้นที่ไม่ค่อยเห็นผมมีแฟนก็เพราะเป็นแบบนี้ไม่ยึดติดกับใคร ผมมีเพื่อน มีครอบครัว เวลาว่างก็ออกกำลังกายแค่นี้ก็หมดวันแล้ว มีกิจกรรมทำตลอด อย่างเรื่องออกกำลังกายคือครึ่งนึงของชีวิตผม ผมรักการออกกำลังกาย ถ้าดูอินสตาแกรมของผมจะเห็นเลย ท่ายากๆ ผมอยากลอง และผมมีสังคมของผมมากกว่า ผมจะคุยรู้เรื่อง คุยสนุกๆกับคนที่ดูแลสุขภาพเหมือนกัน ชอบกินอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย สนใจเรื่องเดียวกัน ผมไม่ยึดติดวัตถุมากกว่า” พอเราเป็นแบบนี้อาจจะหาผู้หญิงที่จูนกับเราติดยากเหมือนกันนะ “ไม่หรอก ผมเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เดียวกันสิ คนรักสุขภาพเหมือนกัน อาจจะออกกำลังกายเหมือนกัน มีเยอะแยะครับ”.ทีมข่าวบันเทิง