ฤกษ์แต่งต้นปี 62 เน้นเรียบง่ายทิ้งลุค “เจ้านาง” สวยสง่า มาเป็น “นางเอกสายบู๊” สุดเท่ สำหรับ ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม โชว์ความสตรอง ในละคร “เล็บครุฑ” ทางช่อง 7 พะบู๊กับหนุ่มๆ ได้คล่องป๋อ ประกบ พระเอก ซี ศิวัฒน์ ยิ่งเข้าขากันได้อย่างดี โดยไม่ห่วงสวย ไม่หวั่นเจ็บตัว ทำเอา ธัญญ์เป็นห่วงงานนี้เลยคว้าสายลับสุดสวย มาเปิดใจกันล่ะ กับงานที่รัก และอัปเดต “งานแต่ง” หลังจากคบหาดูใจ ธัญญ์ ธนากร มานานถึง 7 ปี ใน “คนดังนั่งคุย”ฟีดแบ็กของละครเล็บครุฑเป็นอย่างไรบ้าง?“ได้รับฟีดแบ็กดีมากค่ะ และยุ้ย รับบทเป็น “มรกต กำจร” ที่มีมุมนึงคือน้องสาวผู้น่ารักของพี่ชายนายตำรวจหนุ่ม และอีกมุมนึงคือสายลับสากลที่ถูกส่งมาสืบเรื่องของวายร้าย สมาคมสิ่งเอ็ง นับตั้งแต่เราถ่ายทำกันมาได้มีโอกาสมานั่งดูตอนแรกพร้อมหน้าทีมงานและคนอื่นๆ ปรากฏว่าดูสนุกมากเหมือนเชียร์มวยเลยมันมาก เหมือนได้นั่งดูหนังเรื่องนึงเลย ยุ้ยดูผ่านไลฟ์ของช่อง 7 ไปพร้อมๆกัน มีเข้าไปตอบขอบคุณในคอมเมนต์ ยิ่งได้เห็นแฟนๆมาชื่นชมก็รู้สึกหายเหนื่อย หลังจากนั้นในสังคมโซเชียลบอกคุ้มค่าแก่การรอคอย ทำให้เราดีใจคนทำงานเองก็หายเหนื่อย”กว่าจะออกมาเป็นภาพสวยๆ เท่ๆ ยุ้ยแอบถอดใจบ้างมั้ย?“จากที่มีเสียงชม ทำให้เรารู้สึกว่าหายเหนื่อยลืมเจ็บไปชั่วขณะ เพราะฉากเปิดตัวที่ต่อสู้กับพี่ซี ศิวัฒน์ สู้บนตึกแล้วรูดเตะต่อยบนสลิงรูดลงมาข้างตึก อันนี้โหดเหมือนกันเพราะต้องเตะต่อย ตีลังกาบนสลิง ลงมาบนพื้นที่แทบยืนไม่ไหวกันเลย ห้อยอยู่นานมากเป็นวันๆ กับฉากที่ต้องรูดตัวลงมาตามกันสาดโรงแรมที่เป็นอะลูมิเนียม คือร้อนมากมือเปล่าๆจับเหล็ก ถ่ายตอนแดดเปรี้ยงๆ มือพองเนื้อแทบหลุด คือฉากนี้เราถ่ายกันต้องการให้ได้ภาพที่สวย ซึ่งมันใช้ได้อยู่แล้ว แต่ทุกคนตั้งใจให้มันดีที่สุด จนบอกพี่เวอร์ว่ายุ้ยจะยกขาเตะไม่ขึ้นแล้ว แต่มานั่งดูแล้วดีใจลืมความเจ็บลืมความเหนื่อยของเราในวันนั้นเลย”มีเสียงดีใจที่ได้ดูผลงาน ยุ้ย-ซี อีกครั้ง?“คือแฟนๆ นี่เป็นสายคอละครบู๊แอ็กชันอยู่แล้วเค้าก็จะถามถึงตลอดว่าเมื่อไรจะได้ดูละครยุ้ยเล่นกับซีอีก เค้ารู้กันดีอยู่แล้วว่า ยุ้ย-ซี สายบู๊มาแล้วพอมาถึงเรื่องนี้คนที่ยังอินกับฉากกุ๊กกิ๊กหรือฉากที่ควงกันเตะต่อยอยู่ก็คงจะชอบและฟินกันเพราะมีทั้งความกวนฮาของพี่ซี หรือฉากที่ยุ้ยต้องปะทะกับพี่ซี อย่างวันแรกที่เราทำงานในกองยังนึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร แต่พอได้นั่งดูกับฉากเตะต่อยกันอยู่แล้วแอบมีจะถูกขโมยจูบก็มีแอบอมยิ้มไปด้วยเหมือนกัน ทำงานกับซี อีกครั้งไม่กดดันนะเหมือนรู้มือกันและเค้าจะเป็นคนสนุกทำให้เราไม่เครียดมาก” บู๊ลุยแบบนี้ ธัญญ์ ห้ามมั้ยหรือเป็นคนคอเดียวกัน?“เห็นธัญญ์เค้าบู๊ๆ ลุยๆ แบบนี้เค้าก็มีห้ามเรานะ เค้าจะรู้ว่าอะไรที่เราทำได้หรือไม่ได้แค่ไหน และเค้ารู้จักยุ้ยดีว่าจะไม่ค่อยปฏิเสธอะไรรู้ว่าเราจะพยายามทำให้ได้ เช่น ฉากที่ต้องกระโดดลงมาจากตึก ยุ้ยดูแล้วเฮ้ย เราเล่นได้ตึก 2 ชั้นเองกระโดดได้ ปรากฏว่าวันนั้นธัญญ์มาที่กองด้วยพอเค้าเห็นก็ห้ามไม่ให้กระโดดเอง เราก็บอกแค่นี้เองกระโดดเองได้ไม่ต้องใช้สตันต์ แต่เค้าก็ยังห้ามและอธิบายให้ฟังว่า แม้จะเห็นว่าสูงไม่มาก แม้จะมีเบาะรองแต่ต้องใช้คนที่เค้าเป็นมืออาชีพ ต้องกระโดดเป็น รู้จักจังหวะ ผ่อนน้ำหนักรู้จักการวางเท้าการผ่อนแรงกระแทก ซึ่งหากไม่ใช่คนคุ้นเคยหรือมืออาชีพมันเสี่ยง แค่ช่วงเวลาเสี้ยวเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้หากกระเด้งแล้วเราไม่รู้จักคุมมันจะอันตรายมาก และยืนยันไม่ยอมให้เรากระโดดเองจริงๆ เราก็โอเค”ต้องบู๊หนักขนาดนี้เรื่องอายุกังวลบ้างมั้ย?“ยอมรับเรื่องอายุก็มีส่วนในการเล่นแอ็กชัน จากเมื่อก่อนเราลุยได้บู๊ได้เต็มที่แต่ผ่านไปเราก็มีผ่อนๆบ้างหักโหมมากไม่ได้หรือเหนื่อยเร็ว ยกแขนยกขาเตะต่อยทีก็ต้องฟิตร่างกายให้พร้อมออกกำลังให้พร้อมจริงๆ แล้วยุ้ยก็เป็นผู้หญิงนะมีรักสวยรักงามตามปกติ แต่ไม่ได้อะไรมากนัก เพียงแค่ก่อนไปทำงาน หากเรารู้ว่าต้องเหนื่อยต้องหนัก เราก็จัดเวลาของเรา เช่น นอกจากซ้อมเตรียมเรื่องบทให้พร้อมเพราะเวลาถ่ายจะได้ไม่ต้องเทกบ่อย ยังต้องพักผ่อนให้เต็มที่ดูแลเรื่องอาหารให้ครบถ้วนสม่ำเสมอ วิตามิน ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ สวดมนต์ พักผ่อนจิตใจให้สงบ และปล่อยวางก็จะช่วยให้เราเบากายเบาใจได้มาก มันก็จะสดชื่นจากข้างใน”จากนักแสดงผันมาเป็นผู้ผลิตเองแล้วชีวิตเปลี่ยนไหม?“หน้าที่ความรับผิดชอบต่างกัน ในภาคนักแสดงเรารับผิดชอบด้านการแสดงก่อนมาถึงกองทำความเข้าใจกับบทเรียนรู้จำบทให้ได้ ตรงต่อเวลา เมื่อก่อนเราคิดว่าเราเลต 15 นาทีไม่เป็นอะไร แต่พอมาเป็นผู้จัดปรากฏว่าเราต้องดูแลทุกอย่างมาถึงก่อนกลับทีหลัง หากมีการมาสายหรือติดขัดเรื่องฟ้าฝนสภาพอากาศ เราต้องแก้ปัญหาให้ได้ว่าต้องเลื่อนต้องขยับฉากไหนเพื่อให้ในกองทำงานต่อไปได้ มันต้องแก้ปัญหาตลอดจากที่เคยมาถึงกองเตรียมตัวเข้าฉากให้พร้อมเท่านั้น แต่คราวนี้ต้องคอยแก้ปัญหาในกองตลอด เรียกว่าดูแลแก้ปัญหาตั้งแต่หน้ากล้องยันจานชามช้อนส้อมกันทีเดียว”ทำงานด้วยกันกังวลไหมและแบ่งหน้าที่กันอย่างไร?“หลายคนอาจจะมองว่าเป็นแฟนกันเพื่อนกันมาทำงานด้วยกันมันมีเรื่องขัดกันบ้างอยู่แล้ว ซึ่งยุ้ยก็ยอมรับว่ามีขัดกันบ้างถกเถียงกันบ้าง แต่อยู่ที่เราจัดการแก้ไขหรือรู้จักกันและกันอย่างไร การทำงานคุยกันบนโต๊ะที่ประชุม ถกเถียงกันด้วยเหตุผล อะไรที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจก็รับฟังกัน ยอมรับว่าไม่มีอะไรที่ถูกต้องหรือถูกใจไปหมด ไม่เข้าข้างตัวเองเวลาทำงานเป็นหมู่คณะ บางครั้งเหตุผลของเราก็ไม่ถูกต้องเสมอไป จบบนโต๊ะประชุมจบในที่ทำงาน อาจมีบ้างที่มาคุยกันใหม่แลกเปลี่ยนความคิดกันเอง 2 คนบ้าง แต่จะไม่เก็บไว้ให้ปัญหาผ่านไปเนิ่นนาน”งานลงตัวแล้วเมื่อไหร่แฟนๆ จะได้ยินข่าวดีของ ยุ้ย-ธัญญ์ ซะที?“เรื่องงานเราค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะก็มีเรื่องต้องเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ ค่อยๆปรับกันไป สำหรับเรื่องที่หลายๆคนเชียร์ให้กำลังใจพวกเรามาตลอด มีพูดคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้กันไประยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ขั้นตอนการเตรียมงานไปบ้างแล้วค่ะ ธีมที่ยุ้ยอยากได้แรกๆเลย อยากเป็นแบบกันเองเฉพาะญาติๆ หรือคนที่เราสนิทเรียบๆ ง่ายๆ อบอุ่น แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแต่ก็ยังคงแบบเรียบๆง่ายๆ เหมือนเดิมไม่หวือหวามาก แต่มีแขกญาติผู้ใหญ่ที่เราให้ความเคารพและท่านเอ็นดูเราไม่น้อย จึงต้องขยับขยายธีมออกมา โดยสถานที่ใช้ที่บ้าน จ.สระบุรีค่ะ ทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อยลงตัวแล้ว ชุดแต่งงานก็มีเลือกๆแบบไว้บ้างแล้ว ยุ้ยขอดูแบบออกแบบเองมีในใจหลายชุด แต่ก็ให้ธัญญ์ช่วยตัดสินใจด้วยว่าชอบไหม เหมาะกับเค้าไหม ช่วงเวลากำลังอยู่ในระหว่างเลือกเดือนว่าจะเดือนมกราคม หรือมีนาคม ปี 2562 นี้ค่ะ”เสน่ห์ของธัญญ์ที่มัดใจยุ้ยได้อยู่หมัด?“เสน่ห์ของเค้าคือความจริงใจ ความมีน้ำใจ เค้าไม่ได้หล่อรวยทรัพย์ แต่รวยน้ำใจมาก และเป็นคนจริงใจเสมอมา ทุกคนที่อยู่รอบข้างเค้าสัมผัสได้ ธัญญ์เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย มีน้ำใจมาก มาย ระยะเวลาที่ผ่านมาทำ ให้เรารู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูแลปกป้องเราเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีให้เราได้ ความประทับใจตลอดเวลา 10 ปีที่รู้จักและเป็นแฟนกันมา 7 ปี เค้าเสมอต้นเสมอปลาย ดูแลเราและครอบครัวของเราทำให้ยุ้ยมั่นใจพร้อมฝากชีวิตไว้กับเค้า”หลังแต่งจะมีลูกน้อยกลอยใจเลยมั้ย?“ก็อยากมีเลยนะคะเพราะด้วยเราเองก็อายุที่มากขึ้นพร้อมผลิตทายาทเลย หากปล่อยให้อายุมากไปกว่านี้ก็เกรงว่าจะมีลำบาก กลัวมีผลต่อสุขภาพด้วยมีคุยมีวางแผนกันไว้เหมือนกัน”ถ้าแต่งแล้วเส้นทางการทำงานในวงการของยุ้ยจะเปลี่ยนไปมั้ย?“ยังยืนยันว่ายุ้ยเป็นนักแสดง ไม่เคยคิดว่าต้องเป็นนางเอก แต่ยุ้ยคือนักแสดง รับได้ทุกบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ตราบใดที่ยังมีคนมอบหมายบทที่เห็นว่าเหมาะสมกับเรามาให้ ไม่ว่าจะเป็นบทไหนก็จะยังคงเป็นนักแสดงต่อไปเรื่อยๆ ส่วนงานผู้จัดก็คืออีกอาชีพหนึ่งของยุ้ย จะยังคงทำไปตลอดตราบเท่าที่ผู้ใหญ่ยังเมตตาและยังจ้างบริษัทเราอยู่อย่างมุ่งมั่นและตั้งใจเต็มที่ตลอดไปค่ะ”.อ่านนิยายเรื่อง “เล็บครุฑ” ได้ที่นี่ทีมข่าวบันเทิง