“ทำไมช่วงนี้ฟิลิปปินส์จึงดูโดดเด่นบนเวทีเศรษฐกิจโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต” เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองมาโดยตลอดในระยะหลัง เพราะสื่อมวลชนโลกทั้ง CNN, CNBC, Bloomberg, Reuters และอื่นๆ ตลอดจนธนาคารโลก IMF และ ADB รวมทั้งหน่วยงานเอกชนอย่าง PwC พูดถึงประเทศฟิลิปปินส์ในมุมมองที่เป็นบวกมากมายและล่าสุดที่ผมได้ทิ้งท้ายไว้ในคอลัมน์ที่แล้วว่า IMF ได้ออกมาให้ข่าวว่า ปัญหาของประเทศในเอเชียในปัจจุบันและในอนาคตคือ ปัญหาสังคมผู้สูงอายุและ productivity โดยระบุว่าประเทศที่มีปัญหาเหล่านี้มากคือ จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย สำหรับประเทศที่ IMF มองว่าไม่มีปัญหาเหล่านี้คือ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์อีกข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นข้อมูลของ Price Waterhouse Cooper หรือ PwC ที่ได้ออกรายงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เรื่อง “The Long View: How will the global economic order change by 2050?” ว่าในปี 2050 ประเทศอินโดนีเซียยังคงมีขนาดเศรษฐกิจหรือ GDP (หลังจากหักอัตราเงินเฟ้อออก) ใหญ่ที่สุดใน AEC และจะมีความโดดเด่นมากขึ้นในเวทีโลกโดยจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไรมากครับเพราะปัจจุบันอินโดนีเซียมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 5% ต่อปี และมีประชากรสูงถึง 250 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียมากขึ้นเป็นลำดับแต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ PwC คาดการณ์ว่าประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ AEC จะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจหรือ GDP (หลังจากหักอัตราเงินเฟ้อออก) ใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน AEC แทนที่ประเทศไทยในปี 2050 เพราะปัจจุบันมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 6-7% ต่อปี และมีประชากรสูงถึง 100 ล้านคน ทำให้ นักลงทุนต่างชาติหลายรายเริ่มให้ความสนใจฟิลิปปินส์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนฟิลิปปินส์ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการติดต่อสื่อสาร ทำให้ง่ายในการทำธุรกิจด้วย เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการที่สำคัญไปกว่านั้น PwC มองว่าฟิลิปปินส์จะแซงหน้าไทยเป็นเบอร์ 2 ของ AEC ตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป สำหรับไทยจะไปอยู่จุดไหนใน AEC น่าตกใจครับ PwC มองว่าประเทศไทยจะหล่นไปอยู่อันดับ 3 ในปี 2030 และจะหล่นไปอยู่อันดับ 5 ในปี 2050 ตามหลังอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซียครับ.ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ