เจดีย์สามองค์วัดฉงเซิ่ง.ได้มีโอกาสไปย่ำแดนมังกร ในมณฑลยูนนาน ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงามวิจิตรตระการตา มีแม่น้ำลำธาร ภูเขาสูงเต็มไปด้วยหิมะตลอดปีหากในซีกโลกเหนือมีป่าดึกดำบรรพ์อันหนาทึบ มีหุบเขาอันลึกลับและอันตราย ในซีกโลกตะวันออกอย่างจีนก็มีสิ่งมหัศจรรย์ ทั้งป่าหิน ถ้ำหิน และถ้ำหินย้อย ที่เกิดขึ้นจากการผันแปรของภูมิประเทศ....ต้าหลี่ อยู่ในเขตมณฑลยูนนาน ซึ่งมีเมืองหลวงเป็นที่รู้จักกันดี คือ คุนหมิง ที่ได้ชื่อว่าเป็น Spring City เนื่องจากมีภูมิประเทศอยู่ในเขตอบอุ่น ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป มี “ป่าหิน” เป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์สำคัญที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี ซึ่งถ้ายังไม่เคยไป ได้ยินแต่ชื่อหรือเห็นแต่ภาพ ก็คงรู้สึกเฉยๆ แต่เมื่อได้ไปสัมผัส รับรองว่าต้องร้องว่าอะเมซซิ่งจริงๆ บริเวณป่าหินแห่งนี้ เมื่อ 270 ล้านปีมาแล้วเคยเป็นทะเลมาก่อน นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวไทยๆ อย่างเราๆแล้ว ที่นี่ยังหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ยากลำบากพอสมควรกว่าจะถ่ายรูปได้แต่ละรูป เพราะต้องแย่งชิงชัยภูมิบันทึกภาพเป็นที่ระลึกกันแบบเหงื่อตกเลยทีเดียวชื่นชมป่าหินคุนหมิงจนอิ่มเอมใจแล้ว เราเดินทางต่อไปยังแคว้นสิบสองปันนา หรือ “ซิซวงบั่นน่า” ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “เขตปกครองตนเองชนชาติไทสิบสองปันนา” โดยเครื่องบินภายในประเทศ เมืองหลวงของที่นี่ คือ เชียงรุ่ง ในภาษาไทย หรือ จิ่งหง ในภาษาจีน ในอดีตเคยเป็นเมืองของชาวไทลื้อ ถือว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองไทยที่มีความผูกพันกันมายาวนานสัญลักษณ์ของแคว้นสิบสองปันนา คือ นกยูง ซึ่งแสดงถึงความสุข ความโชคดี จึงไม่ต้องแปลกใจหากนั่งรถผ่านไปทางไหนก็จะเห็นนกยูงเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์กาแลตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ คล้ายกับบ้านเรือนทางภาคเหนือของไทย จุดที่น่าสนใจของเชียงรุ่งคือ วัดป่าเชต์มหาราชฐาน หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกกันสั้นๆว่า วัดป่าเจ วัดนี้เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาในเมืองเชียงรุ่ง ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปเก่าแก่ทำด้วยหวายถัก เมื่อไม่ใช่ปูนจึงไม่ต้องปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ เป็นการประหยัดแผ่นทองอาหารการกินของคนเชียงรุ่ง หลายชนิดคล้ายคลึงกับอาหารไทย เช่น ชะอมชุบไข่ แต่ที่นี่เขากินเปล่าๆไม่ได้จิ้มกับน้ำพริกกะปิแบบบ้านเรา นอกนั้นก็เป็นพวกกระดูกหมูทอด ผัดผัก ลาบหมู และน้ำพริกคล้ายๆน้ำพริกหนุ่มของทางเหนือ กินกับผักสดหลายๆอย่าง ทำให้กินข้าวอิ่มท้องได้ดีทีเดียวและที่อะเมซซิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มี night life เป็นสีสันยามค่ำคืน สำหรับคนที่ไม่อยากนอนคุดคู้อยู่ในโรงแรม ที่นี่มีตลาดกลางคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก อยู่หน้าโรงแรม Huo Fa สินค้าหลายอย่างทำให้งุนงงว่า แถวเชียงใหม่ เชียงราย มารับจากที่นี่ไปขาย หรือตลาดที่นี่รับของจากเชียงใหม่ เชียงรายมาขายกันแน่ เพราะไม่ว่าจะเป็นผ้าพันคอ กระเป๋า เครื่องประดับเงิน ฯลฯ เหมือนกันราวกับคู่แฝดนอนเชียงรุ่งแค่คืนเดียว เราก็ออกรอนแรมต่อไปยังต้าหลี่ เมืองเอกของเขตปกครองตนเองชนชาติไป๋ ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยชนชาติหนึ่งของจีน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้าถ้าว่ากันตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ต้าหลี่ถือว่าอยู่ในจุดฮวงจุ้ยที่ดีมาก เป็นเมืองที่มีแผ่นดินส่วนหนึ่งติดทะเลสาบเอ๋อไห่ ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับสมญานามว่าเป็น ไข่มุกบนที่ราบสูง น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสแจ๋วและสะอาด มองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่ ทำให้ทิวทัศน์บริเวณนี้สวยงามยิ่งนัก ส่วนอีกด้านเป็นภูเขาสูงตระหง่าน ทอดตัวยาวเหยียดเป็นทิวเหมือนเป็นกำแพงสูง เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตหินอ่อนหลากหลายชนิด ที่นำไปใช้ก่อสร้างและประดับตกแต่งอาคาร หากจะมาเที่ยวต้าหลี่ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ เดือนมีนาคมของทุกปี เพราะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิกำลังสบายไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป ที่สำคัญเป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่งสวยงามมาก“น้องมะลิ” ไกด์สาวชาวจีน ที่มีลีลาการเล่าเรื่องน่าเอ็นดู บอกว่า เมืองต้าหลี่ เดิมคนไทยรู้จักกันดีในชื่อ หนองแส หรือ ตาลีฟู ที่แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 600 ปีแล้ว แต่ต้าหลี่ยังรักษาผังเมืองเก่าดั้งเดิมเอาไว้ เห็นได้จากสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่จารึกร่องรอยของกาลเวลา กระจายอยู่ในตัวเมือง ถนนหนทางในเมืองนี้ก็ตัดกันเป็นหมากรุก ทำให้เดินทางง่ายแม้แต่วิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ ก็ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมเอาไว้ อย่างเช่น การดื่มชาสามรส คือ “ชาขม-ชาหวาน-ชาขบคิด” ที่ชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดย “ชาขม” เป็นชาย่าง จึงมีรสขม แต่เมื่อนำไปใส่ขิงสด น้ำผึ้ง และเนื้อวอลนัท จึงออกรสหวาน เรียกว่า “ชาหวาน” ส่วน “ชาขบคิด” เป็นชาใส่เครื่องเทศที่มีรสชา จึงมีรสแปลกชวนให้คิดชาสามรส ถือได้ว่าเป็นชาที่แฝงปรัชญาชีวิตเอาไว้ไม่น้อย เดิมการดื่มชาสามรส เป็นการดื่มเพื่อต้อนรับแขกที่มีเกียรติของเจ้าผู้ครองเมืองต้าหลี่ในสมัยโบราณเท่านั้นไฮไลต์ในการเที่ยวชมต้าหลี่อีกอย่าง คือ การเดินชมตลาดเก่าโบราณที่สร้างขึ้นกว่า 1 พันปี ก่อนเข้าตลาดไม่ว่าทางด้านเหนือหรือด้านใต้ จะเห็นประตูเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกับอาคารบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์จีน ตั้งอยู่สองฟากถนน ในตลาดมีร้านขายข้าวของสารพัดชนิด สะดุดตากับป้ายชื่อร้าน บ้ามะม่วง ที่เขียนเป็นภาษาไทย ถามไกด์ได้ความว่า เป็นร้านขายมะม่วงจากเมืองไทย มีทั้งน้ำมะม่วงและเครปมะม่วง ลูกค้าต่อคิวยาวเหยียด ภายในเมืองโบราณ ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งที่พาดผ่านจากทางฝั่งตะวันออกไปยังตะวันตก สองฟากถนนมีภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตกเรียงรายหลายร้าน ทั้งร้านกาแฟ ร้านน้ำชา ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ บางร้านเจ้าของก็เป็นคนต่างชาติ จึงเรียกถนนสายนี้ว่า ถนนสายต่างชาติ ที่มีกลิ่นอายทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันอย่างลงตัวนอกจากตลาดโบราณต้าหลี่ อีกที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปต้าหลี่ คือ การไปชมความสวยงามของเจดีย์ 3 องค์ ที่ วัดฉงเซิ่ง ห่างจากเมืองโบราณต้าหลี่ไปเพียง 1 กิโลเมตร ด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาซังซานที่สูงและงามสง่า ส่วนด้านหน้า เป็นทะเลสาบเอ๋อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่ เจดีย์ทั้งสามองค์มีสีขาวทั้งหมด สร้างขึ้นเมื่อพันกว่าปีมาแล้ว5 วันในแดนมังกร ทำให้เราหลงรัก ต้าหลี่ ที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมอันยาวนาน ที่เล่าขานกันได้อย่างไม่รู้จบเลยทีเดียว.