ศรัทธาที่ส่งต่อ...“ประเพณีแห่ต้นดอกไม้” วัดศรีโพธิ์ชัย (แสงภา) ชุมชนเล็กๆ กลางหุบเขาของอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ที่ยังคงอนุรักษ์พิธีกรรมโบราณที่ทำกันยาวนานมากว่า 400 ปีจนเป็นที่รู้จักว่าเป็นงาน “แห่ต้นดอกไม้” ที่ใหญ่และงดงามที่สุดในโลก พบพิธีสุดแปลก หนุ่มๆต้องแบกต้นดอกไม้ขึ้นบ่าพาดอกไม้ยักษ์เต้นโยกไปรอบโบสถ์สามรอบ แม้แต่เด็กน้อยต้องพร้อมสานต่อ ซ้อมแบกจนไหล่ทรุดรวมตัวโชว์ศรัทธา แบกได้ไม่แพ้รุ่นใหญ่วัดศรีโพธิ์ชัย เป็นวัดเก่าแก่ใน ต.แสงภา โดยดูได้จากพระอุโบสถ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2090 มีความสูง 8 เมตร ยาว 10 เมตร ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา...การที่จะได้เป็นพระอุโบสถถูกต้องตามพระวินัย เมื่อปี พ.ศ.2400 ภายในมีองค์พระประธานก่ออิฐ ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 76 นิ้ว สูง 112 นิ้ว ชาวบ้านจะเรียกกันว่า “พระปู่”นอกจากนี้ยังมีหอพระไตรปิฎก กว้าง 3.8 เมตร ยาว 4.2 เมตร และสูง 15.5 เมตร ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2176 มีการบูรณะครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2548 โครง-สร้างเป็นไม้ประดู่ ภายในบรรจุ พระไตรปิฎก ลงรักปิดทอง 5 หีบ หนังสือธรรมใบลาน 2,714 เล่มอีกหลักฐานหนึ่งที่ระบุว่าวัดแห่งนี้สร้างกันมานานนับ...ชาวบ้านเล่าว่า ดูจาก “ต้นศรีโพธิ์ชัย” ที่ระบุว่าปลูกกันมาพร้อมๆกับการสร้างวัดเมื่อ พ.ศ.2090 และการก่อสร้างมามากกว่า 400 ปีที่ผ่านมานี้เอง ที่มีประเพณีการแห่ต้นดอกไม้เริ่มพร้อมๆกับการก่อสร้างวัดโดยเริ่มแรกนั้นเกิดจากความเชื่อว่า การนำดอกไม้มาบูชาพระในวันสงกรานต์ ซึ่งถือว่าเป็นวันปีใหม่ไทย เป็นการบูชาพระรัตนตรัยด้วยดอกไม้ ถือเป็นสิ่งอันเป็นมงคล โดยเริ่มจากการเก็บดอกไม้สดที่จากเป็นดอก ก็นำมาทำเป็นช่อ...กระทั่งพัฒนามาเป็นพานพุ่มบายศรีขนาดเล็กและขนาดใหญ่ พัฒนาเรื่อยมาจนมีโครงสร้างทำด้วยไม้ไผ่เป็นพานพุ่มเล็กๆ ถือคนเดียว ต่อมาก็มีคน หาม 4 คน จนถึงต้นดอกไม้ขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้คนหาม 6 คน 8 คน ถึง 18 คนหาม จนได้ชื่อว่าเป็นต้นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันเลยทีเดียวผู้ใหญ่บ้าน ต.แสงภา เล่าว่า...“ชาวบ้านเชื่อว่า การได้นำดอกไม้มาบูชาพระรัตนตรัยนั้น จะทำให้อยู่ดีมีสุข ฝนตกต้องตามฤดูกาลให้เรือกสวนไร่นาอุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองมีความร่มเย็นเป็นสุขปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บ วัวควายสัตว์เลี้ยงต่างๆ ขยายดอกออกผลเกิดเป็นสิริมงคล แก่ทั้งตัวเองและครอบครัว” สำหรับพิธีการแห่ต้นดอกไม้ของชาวบ้านแสงภา อำเภอนาแห้วนี้ จะแห่กันทุกคืนวันพระ ติดต่อกันตลอดช่วงเดือนขึ้นปีใหม่ไทย โดยสงกรานต์ปีนี้เริ่มกันตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน... 19 เมษายน...25 เมษายน และ 3 พฤษภาคม พิธีจะเริ่มกันในตอนกลางคืน ตั้งแต่ 1 ทุ่ม-3 ทุ่ม แห่รอบพระอุโบสถให้ครบ 3 รอบ“รอบที่ 1 แห่เพื่อบูชาพระพุทธ รอบที่ 2 แห่เพื่อบูชาพระธรรม และรอบที่ 3 แห่เพื่อบูชาพระสงฆ์ ต่อจากนั้นต้องวางต้นดอกไม้ทุกต้นไว้รอบพระอุโบสถเพื่อบูชาพระรัตนตรัยตลอดทั้งคืน รุ่งเช้าชาวบ้านจะช่วยกันนำต้นดอกไม้ออกจากวัด”สีสันของการแห่ต้นดอกไม้ของชาวบ้านแสงภา ต้องยกให้ “พลัง” ของ “ศรัทธา” โดยผู้ที่ทำหน้าที่หามต้นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่และสูง จะต้องมีลีลาในการแบก ด้วยการโยนตัวให้ต้นดอกไม้หมุนซ้ายหมุนขวา ตามจังหวะเสียงกลอง ฆ้อง ฉิ่งฉาบที่บรรเลงประกอบจนครบ 3 รอบ และภายในต้นดอกไม้จะติดเทียนไข เพื่อเป็นการจุดไฟให้เกิดแสงสว่างในการทำพิธี“น้องบุ๊ค” เด็กชายสรกฤช หุมอาจ ผู้หามรุ่นเยาว์ วัย 8 ขวบ เล่าถึงความประทับใจที่ได้ทำหน้าที่แบกหามต้นดอกไม้แห่รอบอุโบสถวัดศรีโพธิ์ชัย ว่า เป็นประสบการณ์ที่ส่งต่อจากรุ่นปู่รุ่นพ่อ ที่เห็นมาตั้งแต่เกิดและสั่งสอนกันมาว่า...โตขึ้นต้องทำหน้าที่ต่อ แต่ทว่าน้องบุ๊คไม่รอให้โตเป็นหนุ่ม รวมเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน 6 คนแบกต้นดอกไม้ขนาดย่อม แต่ดูโดยรวมๆแล้วน้ำหนักไม่น่าต่ำกว่า 100 กิโลกรัม“ที่บ้านก็สอนวิธีการแบก และสอนการโยกจังหวะเพลง โดยพ่อผมเป็นนักดนตรี เลยไม่มีปัญหาเรื่องจังหวะ ครั้งนี้เป็นปีที่สองแล้วครับ และจะขอทำหน้าที่ต่อไปจนโต” เรื่องของความเจ็บปวด ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของชาวบ้านแสงภา เพราะการได้ทำหน้าที่แบกหามต้นดอกไม้ คือความภาคภูมิใจและได้สืบสานประเพณีที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น...เช่นเดียวกับเจดีย์บรรจุอัฐิพระอธิการผู้สร้างวัดศรีโพธิ์ชัย เมื่อท่านมรณภาพ ได้บรรจุอัฐิไว้ในเจดีย์ เมื่อจะมีงานประจำวัดที่สำคัญ จึงต้องได้บอกกล่าวขออนุญาตเจ้าอธิการทุกครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อให้งานลุล่วงได้ด้วยดี“ศรัทธา” นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหยั่งถึง.รัก–ยม