พาราเซตามอล (Paracetamol หรือ Acetaminophen) แม้จะเป็นยาที่ปลอดภัยหากใช้ในขนาดที่เหมาะสม แต่ถ้าเกินขนาดก็อาจทำให้เกิดตับอักเสบหรือตับวายเฉียบพลันได้อย่างรุนแรง ขนาดของพาราเซตามอลที่ทำให้เกิดพิษต่อตับ เม็ดละ 500 มิลลิกรัม ขนาดปกติ (ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่) : 500–1,000 มก. ต่อครั้ง (1–2 เม็ด ต่อครั้ง) ไม่เกิน 4,000 มก.ต่อวัน (แบ่งกินได้ เช่น ทุก 4–6 ชั่วโมง แต่ต้องไม่เกิน 4 กรัม/วัน)ขนาดที่เสี่ยงทำให้เกิดพิษต่อตับ ประเภทขนาดโดยประมาณ ผลกระทบต่อร่างกาย ขนาดเริ่มมีพิษ > 7.5-10 กรัมในวันเดียว (ประมาณ 15-20 เม็ด 500 มก.) ตับอักเสบเฉียบพลันขนาดอันตรายรุนแรง > 10-15 กรัมในวันเดียว ตับวายเฉียบพลัน อาจเสียชีวิต ในเด็ก > 150 มก./กก. น้ำหนักตัวในครั้งเดียวเสี่ยงพิษต่อตับ ตัวอย่าง : คนหนัก 60 กก. ขนาด 150 มก./กก. =9,000 มก. ถือว่าเป็นขนาดเสี่ยงพิษกลไกพิษของพาราเซตามอลต่อ “ตับ” เมื่อกินมากเกินไป ร่างกายเปลี่ยนยาพารา เซตามอลให้กลายเป็นสารพิษชื่อ NAPQI ปกติร่างกายจะมีกลูต้าไธโอน (glutathione) ช่วยล้างพิษแต่ถ้ายามากเกิน glutathione ไม่พอ NAPQI ทำลายเซลล์ตับ ตับอักเสบ ตับวายสัญญาณเตือนของตับอักเสบจากพาราเซตามอล คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ชายโครงขวา อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเข้ม สีอุจจาระซีด ภาวะโคม่า (ถ้ารุนแรง มาก) ต้องทำอย่างไรหากกินยาเกินขนาดรีบไปโรงพยาบาลภายใน 1-2 ชั่วโมง หากสงสัยว่าเกินขนาด แพทย์อาจให้ Activated charcoal หรือยาล้างพิษ N-acetylcysteine (NAC) พาราเซตามอล สิ่งที่ต้องคำนึง เช่น น้ำหนักตัว อายุ โรค ประจำตัว หรือการใช้ยาร่วมอื่นๆยาพาราในคนท้อง อาจเกิด การพัฒนา จากสมองผิดปกติ ออทิสติก สมาธิสั้นในลูกได้หรือไม่?จากการที่คนท้องไม่สามารถใช้ยาทั่วๆไปได้ เหลือแต่อะเซตามิโนเฟน (ยาพาราเซตามอล) ยาแก้ปวดและลดไข้ที่หาซื้อได้ทั่วไปที่เชื่อว่าปลอดภัย ยาพาราจึงเป็นยาที่ใช้มากที่สุดในระหว่างตั้งครรภ์ โดยหญิงตั้งครรภ์ทั่วโลกกว่า 50% ใช้อะเซตามิโนเฟน ที่ผ่านมางานวิจัยที่ออกแบบมาอย่างดีหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่ามารดาที่ตั้งครรภ์ที่ได้รับอะเซตามิโนเฟนมีบุตรที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางระบบประสาท neuro developmental disorders (NDDs) รวมถึงโรคออทิสติกสเปกตรัม autistic spectral disorder (ASD) และโรคสมาธิสั้น-ไฮเปอร์ attention deficit/ hyperactivity disorder (ADHD) ในอัตราที่สูงกว่าบุตรของมารดาที่ตั้งครรภ์ซึ่งไม่ได้รับอะเซตามิโนเฟน รายงานนี้ ประยุกต์ใช้ระเบียบวิธี Navigation Guide ที่ออกแบบมาให้ขจัดอคติ และมีความโปร่งใสที่สุดโดยคัดเลือก วรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับอะเซตามิโนเฟนก่อนคลอดกับภาวะ NDD และอาการที่เกี่ยวข้องในลูกหลานอย่างครอบคลุมและเป็น กลาง ใช้ข้อมูลใน PubMed อย่างเป็นระบบจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025 โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและประเมินผลการศึกษาโดยพิจารณาจากความเสี่ยงของอคติและความน่าเชื่อถือของหลักฐาน เนื่องจากมีความหลากหลายในระดับสูง จึงใช้การสังเคราะห์เชิงคุณภาพซึ่งสอดคล้องกับการมุ่งเน้นหลักฐานด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม ผลการศึกษาการวิเคราะห์งานวิจัย 46 ชิ้น วารสาร BMC environmental health 14/8/2025 ในจำนวนนี้ 27 ชิ้น รายงานความสัมพันธ์เชิงบวก ผลไม่ดีต่อลูก (มีความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญกับภาวะ NDD) 9 ชิ้นแสดงความสัมพันธ์เชิงลบ (ไม่มีความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญ) 4 ชิ้นระบุความสัมพันธ์เชิงลบ การศึกษาที่มีคุณภาพสูงกว่ามีแนวโน้มที่จะแสดงความสัมพันธ์เชิงบวกมากกว่าโดยรวมแล้ว การศึกษาส่วนใหญ่รายงานความสัมพันธ์เชิงบวกโดยมีการประเมินความเสี่ยงจากอคติและระดับความหนักแน่นของหลักฐาน แสดงว่าควรมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและในทันที เพื่อแนะนำคนท้องจำกัดการใช้อะเซตามิโนเฟน.หมอดื้อคลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม