ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.เข้าพบ ปลัด ยธ.ตามคืบหน้าคดีคุกวีไอพี เอื้อจีนเทา ก่อนเผยดีเอสไอส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.แล้ว พร้อมกล่าวหาอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเลขาฯ รวม 2 นาย ผิดมาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ค้าประเวณีชัด เพราะการสืบสวนพบเอื้อประโยชน์เปิดให้เยี่ยมญาติในวันอาทิตย์และผลพบคราบอสุจิยืนยันมีการปล่อยปละให้มีการค้าประเวณีจริง ขั้นตอนต่อไปจะตั้งคณะกรรมการพิจารณาไต่สวนเอง หรือส่งกลับดีเอสไอสอบสวนต่อความคืบหน้าในการสางปมทุจริตขบวนการเอื้อผู้ต้องขังจีนเทาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หรือคุกวีไอพี ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ธ.ค. กระทรวงยุติธรรม นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เข้าพบนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือและติดตามความคืบหน้าคดีสืบสวนคุกวีไอพี ที่มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เกี่ยวข้องในขบวนการทุจริต โดยนายพัฒนพงศ์เผยว่า มาสอบถามความคืบหน้ากับปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานภายใต้สังกัด โดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนวินัยข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนประเด็นการสอบสวนทางอาญา ล่าสุดได้รับรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ สรุปสำนวนการสืบสวนนำส่งให้ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. แล้ว หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะตรวจสอบข้อมูลที่ดีเอสไอสอบสวนมา เพื่อที่ ป.ป.ช.จะได้รับไปสืบสวนต่อไป นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังหารือเรื่องการคุ้มครองพยานสำหรับผู้แจ้งเบาะแสในคดีอาญา และกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP Law) ว่า ป.ป.ช. และกระทรวงยุติธรรม จะร่วมมือคุ้มครองพยานในคดีอาญากันอย่างไร เพื่อที่ให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพต่อไปนายพัฒนพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรอบเวลาที่ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการหลังรับสำนวนจากดีเอสไอ เมื่อเราตรวจสำนวนเรียบร้อย จะเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. จากนั้นจะมีความเห็นว่า ป.ป.ช. จะรับไว้ตรวจสอบไต่สวนเองหรือไม่ แจ้งข้อกล่าวหาเองหรือไม่ หรือจะส่งกลับดีเอสไอสอบสวน เพราะหากเรื่องใดที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ตามกฎหมาย ป.ป.ช.สามารถรับไว้ทำเองต่อหรือส่งสำนวนกลับหน่วยงานต้นเรื่องให้รับไปดำเนินการก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้ดีเอสไอจะกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐเพียง 2 ราย มายัง ป.ป.ช. แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตัดจบเท่านั้น เรายังสามารถไต่สวนเพิ่มเติมได้ ขยายผลเองได้ หากพบข้อเท็จจริงอันเป็นประจักษ์ว่ามีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นพลเรือนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ป.ป.ช.ยังสามารถเรียกบุคคลนั้นๆ มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมภายหลังได้ รวมไปถึงกรณีผู้หญิงชาวต่างชาติที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในสถานที่เกิดเหตุ แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย แต่อำนาจการสืบสวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ต้องยืนยันตัวบุคคลเพื่อเชิญมาสอบสวนปากคำ เมื่อพบการกระทำความผิด ต้องดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระยะเวลา 30 วันแล้วนั้น ตามขั้นตอนต้องสรุปสำนวนไปยังอัยการสูงสุด ส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางต่อไปนายพัฒนพงศ์กล่าวอีกว่า กรณีที่มีรายงานว่าดีเอสไอดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 แก่เจ้าหน้าที่รัฐ 2 ราย เพราะพบพยานหลักฐานการปล่อยปละละเลย และยังตรวจพบคราบอสุจิในพื้นที่เกิดเหตุนั้น ปลัดกระทรวงยุติธรรมแจ้งว่ารายงานผลจากสถาบันนิติฯ ฉบับสมบูรณ์ ยังไม่ได้รายงานกลับมายังกระทรวงยุติธรรม อย่างไรก็ดี จะกลับไปดูเนื้อหาในสำนวนการสืบสวนของดีเอสไอที่ส่งให้ไว้ว่ามีการระบุพฤติการณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องระบุถึงพยานหลักฐานอย่างไรบ้างส่วนกรณีที่อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง ป.ป.ช.ว่า ถูกกลั่นแกล้ง ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวอธิบายว่า วันนี้มาประสานกับกระทรวงยุติธรรมเรื่องคดีการสืบสวนเรื่องเรือนจำฯ เป็นคนละกรณีกับที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องเรียนขอความเป็นธรรม แต่เราต้องไปดูรายละเอียดคำร้องของเขาก่อนว่า ร้องถึงผู้กระทำคือใครบ้าง ส่วนจะรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้หรือไม่ อาจต้องไปดูในชั้นไต่สวน แม้ล่าสุดกระทรวงยุติธรรม จะมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 6 คน ให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่ในตอนนี้ยังไม่สามารถระบุสรุปได้ว่าทั้ง 6 รายมีความผิดหรือไม่ ต้องกลับไปตรวจสอบในรายละเอียดสำนวนของดีเอสไอก่อนที่มีการกล่าวหาดำเนินคดีมา 2 ราย ต้องให้ความเป็นธรรมในส่วนนี้ รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องมีรายงานว่า หลังการสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐาน จากการสืบสวน พบข้อเท็จจริงว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีเพียงแค่ในส่วนของอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เลขานุการอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงคนกลุ่มนอกอย่างทนายชายชื่อดัง อักษรย่อ ป. อยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และยังมีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครรายอื่นๆอีกด้วย หลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นความเชื่อมโยงคือ กรณีที่ทนาย ป. ปรากฏในข้อมูลทะเบียนประวัติการเยี่ยมญาติผู้ต้องขังชาวจีนและชาวไทยรวมกว่าพันราย และมีเส้นทางการเงินมากถึงหลักร้อยล้านบาทที่หมุนเวียนรับโอนเงินระหว่างกัน ทั้งในส่วนของทนายความ และบริษัทเอกชนบางแห่งที่จัดตั้งขึ้นมารับเงิน แต่ในส่วนของอดีต ผบ.เรือนจำฯ ไม่ได้มีเส้นทางการเงินรับโอนตรงเข้าบัญชี มีเพียงเส้นทางการเงินที่โอนเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่คนใกล้ชิดอย่างไรก็ตาม ในการสอบปากคำพยานและการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีพฤติการณ์การเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องขังจีนเทาจริง โดยเฉพาะเรื่องการเยี่ยมญาติวันอาทิตย์ ทำให้เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และในกรณีที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพบร่องรอยนิ้วมือบุคคลที่สาม และยืนยันผลคราบอสุจิ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า อดีต ผบ.เรือนจำฯปล่อยปละละเลยให้เกิดการค้าประเวณีขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ ในวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดราชการอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่