หนังสือหลายเล่มที่อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ เขียน เล่มชื่อ อักษรศัพท์พินิจฉัย สถาพรบุ๊คส์ พิมพ์ พ.ศ.2567 อักษรศัพท์ที่ 23 “คนขี้แพ้” ในบรรยากาศการเมืองนอก การเมืองใน โรมรันพันตูกันจน ไม่รู้ว่าใครแพ้ ใครชนะ ทบทวนอ่านหาความรู้กันไว้เถิดหนา!...อย่าไว้ใจภาษาไทยว่าจะใช้ได้ถูกต้องภาษิตอีสานว่า “บาปแพ้บุญ” หมายถึงบาปไม่ชนะบุญ ปัจจุบันความหมายย้ายที่ จาก “ชนะ” เป็น “ไม่ชนะ”มีต่างๆ เช่น แพ้ขาดลอย แพ้ไม่เป็นท่า แพ้ไม่เห็นฝุ่น แพ้ยับเยิน แพ้ราบ แพ้ลุ่ยหู่ แพ้วันยังค่ำ แพ้หมดรูป แพ้หลุดลุ่ย แพ้แหงแก๋ ใช้ซ้อนกับ “พ่าย” เป็น “พ่ายแพ้ ” หรือ “แพ้พ่าย” ก็มีภาษาเขียนว่า “ปราชัย” ที่น่าสนใจคือ “อปราชัย” หรือ “อัปราชัย” ที่หมายถึงความไม่แพ้ หรือความชนะ บางที่ก็ใช้หมายความว่า “แพ้” ด้วย เช่น คบคนดีเป็นศรีแก่ตัว คบคนชั่วอัปราชัยวรรณคดีใช้เป็น “อปรา” ก็มี ดังตัวอย่างจากบทละครนอกเรื่องสังข์ทอง “ต่อสู้เคี่ยวขับไม่อัปรา หาไม่พ่อตาจะต้องรบ...” ภาษาปากว่า จอด จอดป้าย ม้วนเสื่อ ม้วนเสื่อกลับบ้าน ก็มี “แพ้คะแนน” หมายถึงมีคะแนนสู้ไม่ได้“แพ้ทาง” หมายถึงสู้ไม่ได้เพราะจุดอ่อนของตนไปพ้องกับจุดแข็งของฝ่ายตรงกันข้าม “แพ้เปรียบ” หมายถึงเสียเปรียบดังตัวอย่างจากหนังสือหลักราชการ “จึงรู้สึกว่าตนแพ้เปรียบคนสอพลอซึ่งดีแต่พูดเท่านั้น”“แพ้ภัยตัว” หมายถึงเป็นภัยแก่ตัวเอง “แพ้รู้” หมายถึงแพ้เพราะโง่กว่าเขา หรือไม่ทันชั้นเชิงเขา“แพ้แรง” โบราณว่าหมายถึงอ่อนกำลัง อ่อนอกอ่อนใจ ดังตัวอย่าง จากไตรภูมิพระร่วง...“ผู้เป็นโจรแลให้เจ้าของแพ้แรง” ปัจจุบันว่า หมายถึงสู้แรงไม่ได้ เช่น เขาสู้ไม่ได้เพราะแพ้แรงฝ่ายตรงกันข้าม“ไม่แพ้กัน” หมายถึงพอๆกัน “ยอมแพ้” หมายถึงยอมเป็นฝ่ายแพ้ มีต่างๆ เช่น เข้าเกียร์ถอยหลัง ยกธงขาว ยอมศิโรราบ วางอาวุธ หมอบราบคาบแก้ว บางแห่งว่า “จน” หมายถึงแพ้ เช่น หมากรุกจน แผลงเป็น “จำนน” ก็มีบางแห่งว่า “สยบ” หมายถึงแพ้ “ยอมสยบ” หมายถึงยอมแพ้ หรือหมายถึงทำให้พ่ายแพ้ เช่น พระพุทธเจ้าสยบมาร สำนวน “ขี้แพ้ชวนตี” หมายถึงแพ้ตามกติกาแล้วยังไม่ยอมรับว่าแพ้จะเอาชนะด้วยกำลัง“แพ้แล้วพาล” ก็ว่าสำนวน “น้ำน้อยแพ้ไฟ” หมายถึงฝ่ายข้างน้อยยอมแพ้ฝ่ายข้างมาก สำนวน “แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร” หมายถึงการยอมสงบดีกว่าจะเอาชนะต่อให้เรื่องลุกลามไปผู้ที่มีเลือดเนื้อไม่ถูกกับสิ่งของหรือสัตว์บางอย่าง ก็เรียกว่า “แพ้” เช่น แพ้อาหาร แพ้ยา แพ้อากาศ แพ้แดด แพ้ฝุ่น แพ้แมลง อาการที่เปลี่ยนไปเมื่อแรกตั้งครรภ์ เช่น คลื่นเหียนอาเจียน เรียก “แพ้ท้อง”ผมหงอกเร็วกว่าธรรมดา เรียกว่า “แพ้ผม” ฟันหักเร็วกว่าธรรมดา เรียกว่า “แพ้ฟัน” มีผัวกี่คนๆก็ตายจากไปก่อนหมด เรียกว่า “แพ้ผัว” มีเมียกี่คนๆก็ตายจากไปก่อนหมด เรียก “แพ้เมีย”วรรคต่อไปนี้ เป็น “มุกทีเด็ด” อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ ตั้งใจใช้ตอนจบ...อนึ่ง...คำว่า “แพ้” มีความหมายเชิงลบ ดังนั้น อย่าคิดว่าตัวเอง “แพ้” จนกว่าผื่นจะขึ้น!แต่ผม...ผู้ลอกงานอาจารย์มาทั้งดุ้น มีเจตนาจะขยักวรรคแรกเปิดศัพท์ “คนขี้แพ้” เอามาใช้จบคอลัมน์...อาจารย์ปรัชญาเริ่มต้นดังนี้...“แพ้” เป็นคำเก่า โบราณว่าหมายถึงชนะ ตรงข้ามกับ “พ่าย” ที่หมายถึง “แพ้” เช่นตัวอย่างจารึกพ่อขุนรามคำแหง “ตนกูพุ่งช้างขุนสามชน ตัวชื่อมาสเมืองแพ้ ขุนสามชนพ่ายหนี”ผมก็เพิ่งรู้ว่า ชื่อช้างขุนสามชนที่ชื่อ “มาสเมืองแพ้” แพ้สมัยนั้นหมายความว่าชนะ...ขอเตือนมิตรรักนักเพลง เผื่อใครได้โอกาสย้อนอดีตผ่านกระจก เหมือน “แม่มณี” ในทวิภพ ไปโผล่ในสมัยสุโขทัย...ต้องรู้ให้แน่ว่าถ้าพูดว่า กูแพ้นั้น ความหมายกลับด้าน เป็นผู้ชนะ...ผิดทั้งฝาผิดทั้งตัวทำนองเดียวกันตอนนี้ “กูแพ้” เป็นคำต้องห้ามในสถานการณ์รบเขมร...ใครเผลอหลุดพูดไป ทัวร์ลงจมแผ่นดิน.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม