ผู้ประสบอุทกภัย 8 จังหวัดภาคใต้พอใจรัฐยอมจ่ายศพน้ำท่วมรายละ 2 ล้านเท่ากับสงขลา หลังนายกฯ “อนุทิน” ระบุเป็นภัยเดียวกันแจ้ง ศป.กฉ. ดำเนินการ ขณะที่ชาวหาดใหญ่เร่งเคลียร์บ้านขนขยะออกมากองเต็มถนนวันละกว่าหมื่นตัน ชาวพัทลุงครวญน้ำยังท่วมสูง แถมผักแพง หลังพ่อค้ากว้านซื้อไปขายที่หาดใหญ่ทำราคาพุ่งกว่าเท่าตัว ส่วนที่นครศรีธรรมราช ชาวบ้านรวมตัวประท้วงถูกตัดสิทธิ์รับเงินเยียวยา นายอำเภอต้องส่งเรื่องให้ท้องถิ่นเปิดลงทะเบียนใหม่ความคืบหน้าการกู้เมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา หลังถูกน้ำท่วมเสียหายหนักในรอบหลายสิบปี ตลอดทั้งวันที่ 4 ธ.ค. เจ้าหน้าที่เทศบาลนครหาดใหญ่ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จิตอาสาจากมูลนิธิกู้ภัยและภาคเอกชนยังคงระดมกำลังเข้าฟื้นฟูถนนหนทาง สถานที่ราชการและบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการจำกัดขยะสิ่งของเครื่องใช้ที่จมน้ำเสียหายที่ชาวบ้านตามชุมชนต่างๆขนมากองไว้ริมถนนเป็นจำนวนมาก คาดว่าแต่ละวันมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นตัน เจ้าหน้าที่เร่งเก็บขยะทั้งหมดไปกองรวมไว้บริเวณแยกสะพานดำ ถนนราษฎร์อุทิศนายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ เปิดเผยว่า แผนการกำจัดขยะเมืองหาดใหญ่แบ่งเป็น 4 เขต เขต 1 มีทหารกองพลพัฒนารับผิดชอบ เขต 2 เป็นของทหารบก เขต 3 กระทรวงมหาดไทย และเขต 4 กระทรวงคมนาคม มี อบจ.สงขลามาช่วยสนับสนุน ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่จะขนขยะจากกลางเมืองไปยังบ่อขยะที่ ต.เกาะแต้ว ให้เร็วที่สุดและเพิ่มจุดทิ้งขยะที่บ่อบำบัดน้ำเสียอีกหนึ่งแห่ง จุดนี้มีเนื้อที่ 2 พันกว่าไร่ ห่างจากเมืองหาดใหญ่ประมาณ 10 กม. เพียงพอที่จะรองรับขยะหาดใหญ่ได้ทั้งเมือง นอกจากนี้ จะระดมฉีดยาฆ่าเชื้อป้องกันโรคระบาดด้วยส่วนที่ จ.พัทลุง เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหนัก โดยเฉพาะพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา ประกอบด้วย อ.ควนขนุน อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว และ อ.ปากพะยูน หลายหมู่บ้านน้ำยังสูง ผู้ประสบภัยต้องกางเต็นท์นอนริมถนน ขณะเดียวกันชาวบ้านต่างโอดครวญราคาพืชผักที่พุ่งสูงขึ้น สาเหตุนอกจากแปลงผักถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วมีกลุ่มแม่ค้าพ่อค้ากว้านซื้อผักส่งไปขายใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ล่าสุดราคาผักบุ้งจีนปกติราคา กก.ละ 50 บาท ปรับเป็น 120 บาท ถั่วฝักยาวจาก กก.ละ 60 บาท ก็พุ่งสูง กก.ละ 120 บาท แตงกวา 20-25 บาท ปรับไป กก.ละ 50 บาท ขณะที่พืชผักอื่นๆ ทั้งพริก มะเขือ โหระพา ต่างปรับราคาอีกเกือบเท่าตัวที่ จ.นราธิวาส เทศบาลเมืองนราธิวาส เปิดให้ชาวบ้านลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาหลังละ 9,000 บาท เป็นวันสุดท้าย ขั้นตอนการลงทะเบียนต่างๆดำเนินการได้รวดเร็วกว่าวันแรกๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ลดขั้นตอนต่างๆเพื่อความสะดวกของประชาชน ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนเข้ามาในระบบรวม 9,542 ราย แบ่งสถานะการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วนหลักคือรอดำเนินการ 3,715 ราย ตรวจเอกสาร 5,822 ราย และปฏิเสธคำขอ 5 ราย ขณะเดียวกันชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมและลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ได้รับอนุมัติและทยอยเดินทางไปกดเงินและเบิกที่ธนาคารอย่างต่อเนื่องที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สายวันเดียวกัน ประชาชนชาวอำเภอลานสกา จาก 5 ตำบล ประกอบด้วย ต.ท่าดี ต.กำโลน ต.เขาแก้ว ต.ลานสกา และ ต.ขุนทะเล รวมหลายร้อยคนชุมนุมประท้วง เพื่อทวงถามเรื่องเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท หลังเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมจังหวัดประกาศให้ลานสกาเป็นเขตภัยพิบัติทั้งอำเภอ แต่นายสมโชค เสนา นายอำเภอลานสกา กลับไม่อนุมัติจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนหมดทั้งอำเภอ อ้างว่าบ้านหลายหลังไม่ได้ถูกน้ำท่วมจริงและท่วมไม่ครบ 7 วัน ตามหลักเกณฑ์ระเบียบที่กฎหมายกำหนดต่อมานายสมโชค เสนา นายอำเภอลานสกาลงมาพบชาวบ้านและชี้แจงระเบียบต่างๆของทางราชการว่า หากบ้านไหนน้ำไม่ท่วมก็ไม่สามารถอนุมัติได้ เพราะขัดระเบียบ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจส่งเสียงโห่ร้อง นายอำเภอลานสกาเสนอให้ชาวบ้าน 5 ตำบล ตั้งตัวแทนเข้าพูดคุยกันอีกครั้ง กระทั่งได้ข้อสรุปว่าให้ อปท.ท้องถิ่นเปิดรับขอเงินเยียวยาน้ำท่วมจากชาวบ้านทุกราย จากนั้นให้ส่งรายชื่อทั้งหมดมายังอำเภอ เพื่อพิจารณาและสรุปส่งไปจังหวัดต่อไป ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดพอใจสลายตัวแยกย้ายกลับบ้านที่ทำเนียบรัฐบาล สายวันเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า (ศป.กฉ.) แถลงผลการประชุม ศป.กฉ.ว่า กรณีการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ศพละ 2 ล้านบาท การประชุม ครม.ที่ผ่านมามีมติจัดหางบประมาณแบ่งเป็น 2 ส่วน คืองบกลาง 1 ล้านบาท และอีก 1 ล้านบาทจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีที่โอนไปจังหวัดเรียบร้อยแล้ว แนวทางพิจารณาเยียวยาไม่ใช่เฉพาะ จ.สงขลา แต่จะเพิ่มให้อีก 8 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล และสุราษฎร์ธานีนายสิริพงศ์กล่าวว่า ทั้งนี้จังหวัดมีคณะกรรมการดำเนินการ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ส่วนคำจำกัดความการเสียชีวิตคือ 1.จมน้ำเสียชีวิต 2.เสียชีวิตในที่พักอาศัย หรือโรงพยาบาลที่ถูกน้ำท่วมขังหรือน้ำล้อมรอบ 3.เสียชีวิตระหว่างเคลื่อนย้าย หรืออพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมไปยังโรงพยาบาล ศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือสถานที่ปลอดภัย มีกรอบช่วงวันที่ 22-27 พ.ย. ที่จะเป็นเงื่อนไขพิจารณา ญาติผู้เสียชีวิตต้องนำเอกสารที่ต้องใช้คือ 1.ใบมรณบัตร 2.ใบรายงานคดี 3.คำวินิจฉัยแพทย์กรณีไม่สามารถหาข้อสรุปได้และจำเป็นจะต้องสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ต้องมีใบสอบปากคำ ปค.14 เพิ่มเติมกรณีมีปัญหาเรื่องการวินิจฉัยตีความและต้องยืนยันตัวตน สถานะทายาทโดยธรรมที่เป็นผู้รับเงินเยียวยานายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศป.กฉ. เปิดเผยถึงการอนุมัติจ่ายค่าปลงศพรายละ 2 ล้านบาทเท่ากับ จ.สงขลา ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เห็นว่าเป็นภัยเดียวกันคืออุทกภัย สั่งการให้ตนประสานงานกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงบประมาณชดเชยเยียวยาให้ผู้เสียชีวิตเท่ากัน เมื่อถามว่าจังหวัดที่เหลือไม่จำเป็นต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใช่หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า ไม่ต้องแล้วด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษก ศป.กฉ.กล่าวว่า การโอนเงินเยียวยาให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 3 วันที่ผ่านมา (1-3 ธ.ค.) จำนวน 186,330 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,676,970,000 บาท ส่วนวันที่ 4 ธ.ค. 368,099 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงิน 3,312,891,000 บาท ปัญหาวันนี้ยังเป็นระบบอินเตอร์เน็ต กสทช.ได้กู้เสาอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ทําให้การลงทะเบียนออนไลน์และออนไซต์เพื่อขอรับเงินเยียวยาทําได้ดีขึ้น ส่วนระบบประปาและไฟฟ้าในพื้นที่หาดใหญ่ ใช้การได้ 100% แต่ยังพบท่อแตกปลายทางบางส่วน มีประชาชนที่ยังไม่ได้รับการจ่ายไฟฟ้าอีกประมาณ 3,400 กว่าครัวเรือน ส่วนการจัดเก็บขยะทุกภาคส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่ ในภาพรวมทําได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ตามซอกซอยยังคงมีปัญหา รถขยะมีไม่มากพอ จึงระดมกำลังรถขยะขนาดเล็กเข้าไปในพื้นที่ต่อมานายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ว่านายกรัฐมนตรีลงนามประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ จ.สงขลา ที่ประกาศไว้วันที่ 25 พ.ย. หลังสถานการณ์มหาอุทกภัยคลี่คลายลง จากการที่น้ำลดลงและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนและความร่วมมือร่วมใจจากภาคประชาชนจนหน่วยงานรัฐ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุขสามารถบังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายต่างๆได้ตามปกติแล้ว ประกาศและคำสั่งที่ออกภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมดสิ้นสุดลงจะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าเยียวยาและฟื้นฟูความเสียหายจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มอบหมายให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัยครั้งที่ 1/2568 เนื่องจากนายกฯต้องไปหาหมอตาเพื่อหยอดยาขยายม่านตา นายบวรศักดิ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องการศึกษาบทเรียนมหาอุทกภัยที่ จ.สงขลา รวมถึงน้ำท่วมใหญ่ปี 54 เพื่อถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมในอนาคต ประเทศไทยมีกฎหมายดีๆ ทั้งสถานการณ์ฉุกเฉิน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทรัพยากรน้ำ มีหน่วยงานเต็มไปหมด แต่เวลาเกิดภัยพิบัติฉับพลันทันด่วนแบบนี้ โครงสร้างอำนาจการวินิจฉัยสั่งการไม่เป็นตามที่ควรจะเป็น การเชิญประชุมวันนี้ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาอุทกภัยหาดใหญ่ แต่เพื่อป้องกันในอนาคต เราจะถอดบทเรียนของญี่ปุ่นที่เกิดภัยพิบัติมาก แต่ความเสียหายน้อยที่สวนวันครู กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลืออุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ประจำปี พ.ศ.2568” นายพิเชฐกล่าวว่า อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อหลายจังหวัดในภาคใต้ โรงเรียนจำนวนมากได้รับความเสียหาย นักเรียนหลายหมื่นคน ครูและบุคลากรทางการศึกษาอีกมากประสบปัญหาและความยากลำบาก ศธ.เร่งช่วยเหลือทั้งด้านสวัสดิการ การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค และฟื้นฟูสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง แม้น้ำเริ่มลด แต่ความเสียหายยังมาก เบื้องต้นพบว่ามูลค่าความเสียหายเกือบ 1,000 ล้านบาท ขณะนี้โรงเรียนหลายแห่งเร่งฟื้นฟู ส่วนใหญ่เตรียมจะกลับมาเปิดเรียนวันจันทร์นี้ แต่ความพร้อมอาจไม่ครบ 100เช้าวันเดียวกัน มูลนิธิไทยรัฐ ได้จัดคาราวาน “ยักษ์เขียว” รถบรรทุก 6 ล้อ จากไทยรัฐโลจิสติคส์ จำนวน 3 คันรถ นำถุงยังชีพสำหรับอุปโภคบริโภค และน้ำดื่ม ไปส่งให้กับโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั้ง 8 แห่ง ที่ได้รับผลกระทบ มีพนักงานในเครือไทยรัฐมาช่วยกันแพ็กของและจัดเรียงถุงยังชีพขึ้นรถ เพื่อร่วมส่งกำลังใจไปให้กับผู้ประสบภัย ขบวนคาราวานจะเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่เวลา 16.00 น. และจะทยอยไปถึงโรงเรียนต่างๆในวันรุ่งขึ้น มี น.ส. จิตสุภา วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมไทยรัฐทีวีและไทยรัฐออนไลน์ และกรรมการมูลนิธิไทยรัฐ เป็นประธานในการส่งมอบถุงยังชีพสิ่งของบรรเทาทุกข์ กับ “คาราวานมูลนิธิไทยรัฐช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” จากที่ทำการหนังสือ พิมพ์ไทยรัฐ ส่งไปยังโรงเรียนไทยรัฐวิทยาที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคใต้ “ความช่วยเหลือในครั้งนี้ ทางไทยรัฐร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิกระจกเงา ไทยพีบีเอส โดยไทยรัฐช่วยดำเนินการขนส่งถุงยังชีพ อาหาร ของใช้อุปโภคบริโภคต่างๆ ส่วนวันนี้ที่เราเป็นคาราวานของมูลนิธิไทยรัฐ จัดส่งถุงยังชีพและของใช้จำเป็นต่างๆส่งไปให้กับน้องๆครอบครัว และคุณครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั้ง 8 แห่ง ในภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นเงินบริจาคของทางมูลนิธิไทยรัฐนำมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดหาจัดซื้อถุงยังชีพแล้วก็ขนส่ง เนื่องจากมีโรงเรียนไทยรัฐวิทยาหลายแห่งได้รับความเสียหาย เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากร ได้รับผลกระทบกว่า 1,300 ครอบครัว หรือกว่า 5 พันคน ได้จัดส่งน้ำดื่ม 1,000 แพ็ก หม้อหุงข้าวขนาดใหญ่เพื่อใช้ประกอบอาหารในโรงเรียน และถุงยังชีพอีก 1,500 ถุง ที่มีของใช้จำเป็นในการอุปโภคและบริโภค ไปยังโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 8 แห่ง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ยะลา พัทลุง ตรัง สตูล และนครศรีธรรมราช” น.ส.จิตสุภากล่าวส่วนที่มูลนิธิกระจกเงา ไทยรัฐกรุ๊ป ได้ส่งรถยักษ์เขียวไปช่วยขนของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ของบริจาคที่ส่งไปในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นกระสอบเพื่อนำไปใส่ขยะประมาณ 2 หมื่นกว่าใบ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีความต้องการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากขยะในพื้นที่เป็นขยะเปียก มีน้ำหนักมากกว่าปกติ เมื่อใช้ถุงดำทั่วไปจะขาดง่าย กระสอบใส่ขยะเป็นสิ่งที่ต้องการมากในตอนนี้ รวมทั้งอุปกรณ์อาบน้ำอุปกรณ์ทำความสะอาด เสื้อผ้า ชุดชั้นใน เป็นต้น รถยักษ์เขียว จะออกเดินทางจากกรุงเทพฯเวลา 20.00 น. คาดจะถึง ที่หมายโกดัง ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ในช่วงสายวันรุ่งขึ้นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่