ศาลอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีขบวนการค้ายาเสพติดระดับชาติ “เล่าต๋า แสนลี่” ยืนยันตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ จำคุกราชายาเสพติดกับเมียคนละ 25 ปี ปรับ 2.5 ล้านบาท จำคุกตลอดชีวิตลูกสมุนหญิงปรับอีก 5 ล้านบาท ส่วนลูกชายอีก2คนที่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาตลอดให้ประหาร ชีวิตทั้งคู่ศาลฎีกาพิพากษาคดีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เล่าต๋า แสนลี่ เปิดเผยขึ้นที่ห้องพิจารณาคดี 609 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ อย.5907/2559 พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเล่าต๋า แสนลี่ นักค้ายาเสพติดระดับชาติ เป็นจำเลยที่ 1 นางอาส่าหม่า แสนลี่ ภรรยา จำเลยที่ 2 นางรพีกาญจน์ หรือไก่ ภพเพชรลักษณ์ จำเลยที่ 3 นายวิจารณ์ แสนลี่ บุตรชายนายเล่าต๋า อดีตกำนัน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จำเลยที่ 4 และนายบารมี บารมีเกื้อกูล บุตรชายเล่าต๋า (ต่างนามสกุล) จำเลยที่ 5 ทั้งหมดเป็นชาว จ.เชียงใหม่ เป็นจำเลยที่ 1-5 ความผิดฐานร่วมกันสมคบและร่วมกันจำหน่ายยาไอซ์ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.-ต.ค.59 นายเล่าต๋า นางอาส่าหม่า และนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 1-3 มียาไอซ์ 1 ถุง หนักกว่า 900 กรัมนำมาจำหน่ายให้กับสายลับ ราคา 550,000 บาท ที่นายเล่าต๋า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อเจรจาซื้อขายยา คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพลดโทษจำคุกเหลือ 25 ปี จำเลยที่ 2 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้าน รับสารภาพเหลือ 25 ปี ปรับ 2.5 ล้าน จำเลยที่ 3 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท จำเลยที่ 4 ให้ประหารชีวิต และฐานพาอาวุธปืนปรับ 1,000 บาท การที่จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานของรัฐให้บวกโทษจำคุกอีก 3 เท่า เมื่อลงโทษประหารชีวิตแล้ว จึงไม่อาจบวกโทษให้สูงไปกว่านี้ได้ ส่วนจำเลยที่ 5 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาในชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นสำหรับการพิจารณาในชั้นศาลฎีกา มีเพียงนางรพีกาญจน์ จำเลยที่ 3 ขอยื่นฎีกาให้รับโทษน้อยลงเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ 1-2 และ 4-5 ไม่ยื่นฎีกา ขอรับโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 3 นั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น พิพากษายืนจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิต ปรับ 5 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่