ตำรวจไซเบอร์ตะครุบหนุ่มแดนมังกร หนึ่งในทีมงานแก๊งสแกมเมอร์แสบ โทร.ลวง นศ.เทคนิควัย 19 ปี ใช้กลอุบายเดิมๆ อ้างผู้เสียหายพัวพันขบวนการฟอกเงิน มีหมายจับติดตัว เหยื่อหัวอ่อนหลงเชื่อยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย กลับบ้านเปิดตู้เซฟแม่วิดีโอคอลให้ดูของมีค่า ก่อนรวบรวมทองคำ-เครื่องประดับนำไปวางริมถนนให้ทีมงานคนร้ายมาหยิบไป แถมยังสั่งโอนเงินเพิ่มไปให้อีกนับแสนบาท แม่รู้เรื่องตกใจแทบช็อก สูญทรัพย์สินร่วม 10 ล้านบาทกรณีมีผู้เสียหายเป็นนักศึกษาชายวัย 19 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ถูกแก๊งสแกมเมอร์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ โทร.ติดต่อบังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชั่วโมง ใช้อุบายหลอกว่าไปพัวพันในคดีฟอกเงินจนผู้เสียหายหลงเชื่อ ก่อนข่มขู่สั่งให้เปิดตู้เซฟกวาดทรัพย์สินของแม่ที่เก็บไว้ไปจนหมดเกลี้ยงตามคำสั่งของคนร้าย และให้นำทรัพย์สินไปวางไว้ริมถนนใน จ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบว่าได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. หลังแม่ผู้เสียหายทราบเรื่องได้นำลูกชายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทร ปราการ เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุและประสานกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ให้เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายความคืบหน้าวันที่ 23 พ.ย. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. เผยว่าหลังเกิดเหตุตำรวจไซเบอร์ได้เชิญนายนิค (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ที่ตกเป็นผู้เสียหายถูกแก๊งสแกมเมอร์หลอกลวงเอาทรัพย์สินไปมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท มาให้ปากคำกับทีมสืบสวน เพื่อรวบรวมข้อมูลในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มี พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 พ.ต.อ.คุณาปะโยชน์ อารียรัตนะณธร ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 พ.ต.อ.วิศรุตม์ จันทร์สุวรรณ ผกก.1 บก.สอท.2 พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนกูร ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พ.ต.ท.โรจน์ศักดิ์ นัยผ่องศรี รอง ผกก.1 บก.สอท.2 ร่วมสอบปากคำอย่างละเอียดจุดเริ่มต้นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเที่ยงวันที่ 19 พ.ย. ขณะที่นายนิคผู้เสียหายเรียนอยู่ในสถานศึกษา มีคนร้ายโทรศัพท์เข้าเบอร์มือถือส่วนตัว พูดคุยจนผู้เสียหายเกิดความไว้วางใจ จากนั้นใช้รูปแบบเดิมๆ ในการหลอกลวง อ้างตัวเป็นตำรวจและดีเอสไอก่อนให้แอดไลน์ ส่งรูปภาพ และเอกสารต่างๆ เช่น หมายจับศาลไปข่มขู่ อ้างว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดจนทำให้ตกใจกลัว ผู้เสียหายหลงกลคนร้ายยอมลาจากการเรียนในช่วงบ่าย ไปเปิดที่พักอยู่คนเดียวเพียงลำพัง เพื่อสะดวกในการหลอกลวง อีกทั้งไม่ให้คนอื่นรู้เห็นตามคำสั่งของคนร้ายต่อมาคนร้ายสั่งให้กลับไปที่บ้าน ขณะนั้นแม่ผู้เสียหายยังไม่กลับจากทำงาน ผู้เสียหายได้รื้อค้นทรัพย์สินในตู้เซฟของแม่ คนร้ายได้ให้ผู้เสียหายวิดีโอคอลดูทรัพย์สินในตู้เซฟว่ามีของมีค่าอะไรบ้าง จากนั้นสั่งให้นำทรัพย์สิน มีทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ น้ำหนักรวมกว่า 60 บาท และเครื่องประดับอื่นๆ ออกจากตู้เซฟ ต่อมาช่วงเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน คนร้ายสั่งให้ผู้เสียหายนำทรัพย์สินออกจากบ้านใน จ.สมุทรปราการ เดินทางไปส่งให้คนร้าย สั่งให้นำไปวางไว้ริมถนนในพื้นที่เทศบาลตำบลบางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก่อนมีผู้ร่วมขบวนการมานำทรัพย์สินไปจากจุดที่วางไว้เช้าวันที่ 20 พ.ย. คนร้ายยังโทร.มาหาผู้เสียหายอีกรอบ พร้อมออกอุบายให้โอนเงินเพิ่ม อ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่เพียงพอในการตรวจสอบ ให้ไปหยิบโทรศัพท์ของแม่มาดูเงินในบัญชี ก่อนโอนเงินไปให้คนร้ายอีก 4 ครั้ง รวมเงินหลายแสนบาท ในคืนวันเดียวกันคนร้ายได้โทร.มาปลอบใจผู้เสียหายว่าสิ่งที่ทำไปถูกต้องแล้วไม่ต้องกังวลใจ และอย่าไปเล่าให้ใครฟัง เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลใกล้ชิดรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภายหลังแม่ผู้เสียหายพบว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีนับแสนบาท เค้นถามลูกชายจนรู้ว่าถูกแก๊งคนร้ายหลอกลวง ตกใจมากรีบเข้า แจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ และประสานข้อมูลตำรวจไซเบอร์ เนื่องจากเห็นว่าแผนประทุษกรรมของคนร้าย ลักษณะเป็นขบวนการหลอกลวงแบ่งงานกันทำเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหาย ตำรวจไซเบอร์ได้เชิญสองแม่ลูกมาให้ปากคำจากการตรวจสอบเอกสารที่คนร้ายนำมาแสดงให้ผู้เสียหายดู เป็นการทำเลียนแบบเอกสารหน่วยงานราชการหลายแห่ง ทำให้เห็นว่าคนร้ายตั้งใจหลอกเหยื่อให้หลงเชื่อ เริ่มต้นจากแสดงตนเป็นตำรวจ สภ.บึงกาฬ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ ปปง. และโชว์หมายจับของศาล แม้แต่ของตำรวจไซเบอร์ ยังถูกนำไปแอบอ้างด้วย ขณะที่ผู้เสียหายอายุยังน้อย อาจแยกแยะไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ประกอบกับผู้ปกครองให้ข้อมูลว่าลูกชายเป็นคนเก็บตัว คนร้ายอาศัยจังหวะนี้ค่อยๆหลอก อ้างว่ามีหมายจับต้องไปให้การที่ จ.บึงกาฬ ประกอบกับผู้เสียหายเป็นห่วงแม่ เกรงว่าถ้าถูกดำเนินคดีแล้ว แม่อาจถูกพ่วงดำเนินคดีไปด้วย เลยยอมทำตามที่คนร้ายบอก ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมากหลังทราบข้อมูล ชุดสืบสวน บช.สอท.2 ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและค้นหาพยานหลักฐานตามจุดที่ผู้เสียหายได้ให้การว่านำทรัพย์สินไปวางไว้ กระทั่งติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องเป็นชายชาวจีน 1 ราย ขอสงวนชื่อและนามสกุลไว้ก่อน เพื่อขยายผลการสืบสวนสอบสวน ชายชาวจีนคนนี้ทำหน้าที่นำทรัพย์สินออกมาจากจุดที่ผู้เสียหายนำมาวางไว้ ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำอย่างละเอียด และติดตามคนร้ายในขบวนการเพื่อนำทรัพย์สินกลับคืนมา เบื้องต้นสแกมเมอร์กลุ่มนี้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งคนจีนและคนไทย กำลังเร่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่