“รวมพล” คนการเมือง... แต่ละพรรคต่างก็ระดมนักการเมืองเข้าสู่สังกัด อยู่ที่ว่าพรรคไหนจะดีลสำเร็จก็จะได้ตัวเด็ดมากหน่อย “ภูมิใจไทย” วันนี้เหมือน “แม่เหล็ก” ดูดมาได้ไม่น้อยล่าสุด “บ้านใหญ่สุพรรณบุรี+นครปฐม” มาแล้วพูดง่ายๆยกตระกูล “ศิลปอาชา+สะสมทรัพย์” พร้อมเพรียงที่เป็นของแท้ได้แน่ๆ 40 เสียงขึ้นไปหากปรุงโฉมอัดกระสุนเต็มที่ก็มีสิทธิได้มากขึ้นแน่นอนว่าพรรคชาติไทยพัฒนาที่ “บรรหาร ศิลปอาชา” ปลุกปั้นขึ้นมาจาก “ชาติไทย” โดย “วราวุธ” ลูกชายได้รับมรดกตกทอดความเป็นอิสระของพรรคนี้หลังจากแยกตัวมาจากกลุ่มราชครู “หลงจู๊บรรหาร” ก็นำพรรคโดดเด่นจนได้เป็นนายกรัฐมนตรีถือว่าไม่ธรรมดา!แต่การเมืองหากไม่พร้อมมีแต่ชื่อเสียงเก่าๆคงไม่พอที่จะผงาดขึ้นมาได้ก็ต้องไปไต่บันไดการเมืองจากพรรคที่มีความพร้อมกว่าความจริง “ภูมิใจไทย” กับ “ชาติไทยพัฒนา” นั้นก็ไม่ใช่อื่นไกลเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาก่อนแต่เมื่อเปลี่ยนรุ่นก็แยกย้ายกันไปที่สุดก็หวนกลับมาอยู่ด้วยกันในบรรยากาศใหม่ๆจึงไม่แปลกที่จะกลมกลืนกันได้“สะสมทรัพย์” บ้านใหญ่แห่งนครปฐม ระยะหลังถูก “สีส้ม” กินเกือบทั้งจังหวัดต้องมาขอกินใบบุญกับ “ศิลปอาชา”แต่ก็ไปไม่ไหว!ทำให้ 2 บ้านใหญ่ต้องไปอาศัย “สีน้ำเงิน” ที่มีความพร้อมกว่าทุกรูปแบบ ผนึกรวมกันเพื่อที่จะอยู่บนเวทีอย่างสง่างามได้เพราะถ้าไม่ปรับเปลี่ยนระวัง “สีส้ม” จะกลืนกินทั้งหมดได้การทำพรรคการเมืองในวิถีเดิมนั้นความจำเป็นที่จะต้องมี “กระสุน” เพื่อให้การบริหารและจัดการราบรื่นเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้!“ภูมิใจไทย” นั้นพร้อมทุกด้านจึงเหมาะสมที่สุด ล่าสุดก็ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น “คนนอก” ที่เด่นดังโอกาสที่จะชนะเลือกตั้งจึงมีสูงลำพังแค่ “ชาติไทยพัฒนา” ที่เป็นพรรคเล็กๆ แม้จะได้ สส.แน่นอนแต่ก็ไม่มีพลังที่จะไปสู้กับพรรคใหญ่ได้ได้แค่เป็น “ลูกน้อง” เขาเท่านั้น“ลูกท็อป” จะเก่งแค่ไหนก็แค่นั้นการได้ร่วมรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรีย่อมมีความรู้สึกต่างๆนานาเพราะเขาเก่งกว่าเป็นแค่รัฐมนตรีกระทรวงเล็กๆแต่ “ลูกสาว” เจ้าของพรรคแกนนำรัฐบาลที่ “พ่อ” ผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีมันง่ายดายเสียเหลือเกินนี่มันคือความยุติธรรมหรือ?แน่นอน “วราวุธ” ยังต้องผ่านประสบการณ์และเติบโตทางการเมืองด้วยการสะสมให้มีความพร้อมทุกอย่างอีกระยะหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เป็นของเขาแล้วก็มีสิทธิและโอกาสที่จะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ได้!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม