ถ้าวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต คุณจะใช้มันอย่างไร? เป็นคำถามแสนเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่บ่งบอกว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน หลายคนเชื่อว่าชีวิตมีพรุ่งนี้เสมอ แต่ความจริงคือทุกๆ วินาที...เวลากำลังนับถอยหลังบางครั้งชีวิตคนเราไม่ต้องการคำสอนใหม่ๆ แค่เสียงเตือนที่ดังพอจะปลุกหัวใจให้ตื่น หนังสือขายดีต่อเนื่องนานกว่า 10 ปีในญี่ปุ่น “พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ” ของ “ฮิซุย โคทาโร” ช่วยให้เราฉุกคิดแล้วเปลี่ยนมาใช้ชีวิตในแบบที่จะไม่ต้องเสียใจในภายหลัง เพราะพรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะคุณอาจไม่มีวันพรุ่งนี้ แต่คุณยังมีวันนี้อยู่เต็มมือ ฮิซุยไม่ได้เขียนเพื่อให้เรากลัวตาย แต่เขาเขียนเพื่อให้เรากล้ารัก กล้าให้อภัย และกล้าทำสิ่งดีๆตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ “มรณสติ” คือกระจกใสที่สะท้อนให้เห็นว่าทุกลมหายใจคือของขวัญ ไม่ใช่ของตาย!!เมื่อคุณรู้ว่าเวลาอาจหมดลงได้ทุกเมื่อ คุณจะเริ่มเห็นคุณค่าของ “ข้าวเช้าในบ้าน”...“ข้อความสั้นๆจากเพื่อนเก่า”...หรือ “รอยยิ้มของคนที่ยังอยู่ตรงหน้า” สิ่งที่เมื่อก่อนเราเคยมองข้ามและไม่ให้ความใส่ใจถ้าวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิต คุณจะใช้มันอย่างไร? ความคิดนี้แวบขึ้นมาในวันที่เพื่อนคนหนึ่งของผู้เขียนได้จากไปโดยไม่ทันร่ำลา ความสูญเสียครั้งนั้นทำให้ตระหนักว่าเรามักใช้ชีวิตเหมือนจะมีเวลาเหลืออีกมาก ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีใครรู้เลยว่า พรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ฉันจะพอใจกับชีวิตนี้ไหม? คำถามนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้ผู้เขียนเริ่มมองชีวิตในมุมใหม่และหันมาเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กๆที่เคยมองข้าม เช่น การได้พูดคุยกับครอบครัว, การเห็นท้องฟ้าในตอนเช้า หรือรอยยิ้มของคนแปลกหน้าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อให้คนกลัวตาย แต่เพื่อให้คนมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีสติทุกลมหายใจ อยากให้ทุกคนได้หันกลับมามองว่า ความตายไม่ใช่เส้นสิ้นสุด แต่เป็นเครื่องเตือนใจให้เราเลือกใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่า การตระหนักว่าพรุ่งนี้อาจไม่มีจริง ทำให้เราใช้ชีวิตวันนี้อย่างอ่อนโยนที่สุด ทะนุถนอมทุกคืนวันของชีวิตฝากบทเรียนและข้อคิดจากคนที่เข้าใจความตาย และอยากนำมาแบ่งปันเพื่อเป็น “มรณสติ” ฉบับใช้งานจริง ไม่ใช่ให้กลัวตาย แต่ให้เห็นคุณค่าของทุกลมหายใจ“ทุกวันคือของขวัญ ไม่ใช่ของใช้สิ้นเปลือง” เลิกพูดว่าไว้วันหลัง เพราะวันหลังอาจไม่มีอยู่จริง“ชีวิตคือของขวัญ ไม่ใช่ของตาย” ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาคือโอกาสใหม่“เลือกสิ่งสำคัญ แล้วปล่อยที่เหลือไป” ความสุขไม่ได้มาจากการได้ทำทุกอย่าง แต่มาจากการเลือกทำสิ่งดีๆ“อย่าผัดวันแห่งความรักและคำขอบคุณ” เพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะยังได้พูดอีกไหม“ขอบคุณให้มากกว่าบ่น” การขอบคุณทำให้สมองจำได้ว่าชีวิตเรายังมีสิ่งดีๆ“ทำดีหนึ่งอย่างต่อวัน” แม้เล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่สูญเปล่า เพราะโลกใบนี้เปลี่ยนได้ด้วยมือธรรมดาๆที่ทำอย่างตั้งใจ“กล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจ” ความรักที่ไม่ได้พูดออกมาอาจไม่มีวันถึงปลายทางผู้รับ“ให้อภัยเร็วขึ้น สบายใจเร็วขึ้น” การปล่อยวางไม่ใช่แพ้ แต่คือการพักใจ“อยู่กับปัจจุบันอย่างอ่อนโยน” ไม่ต้องรีบเร่งไปไหน แต่ซึมซับทุกช่วงเวลาของชีวิตให้มากที่สุด“ความตายคือครูผู้ซื่อสัตย์” มันเตือนให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน“อย่ารอให้พร้อมค่อยเริ่ม” เพราะความพร้อมที่แท้จริงคือการเริ่มต้นตอนนี้จงใช้ชีวิตให้เหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้ กล้าที่จะรัก, กล้าที่จะขอบคุณ และกล้าที่จะทำสิ่งดีๆแม้เพียงเล็กน้อย เพราะพรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ วันนี้ควรเป็นวันงดงามที่สุดเท่าที่เราจะทำได้.มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม