“บิ๊กก้อง” ตีปี๊บผลการประชุมร่วม 6 ชาติภาคี จีน ไทย เวียดนาม ลาว เมียนมาและกัมพูชา ปราบ สแกมเมอร์ ย้ำการปราบสแกมเมอร์ต้องปราบที่ต้นตอ ไม่ให้พื้นที่ไหนเป็นที่พักพิง ต้องไม่มี “Safe Haven” ให้แก๊งสแกมเมอร์ตั้งเป็นศูนย์ในประเทศภาคี จัดทีมปฏิบัติการร่วมเฉพาะกิจระหว่างประเทศเข้าปฏิบัติการทลายฐานสแกมเซ็นเตอร์ในพื้นที่จริงทันที ใช้กลไกระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ ตั้งเป้าตอบสนองต่อเบาะแสสำคัญภายใน 24 ชม. จัดทำระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกประเทศสามารถ “บล็อก-อายัด-ตรวจสอบ” ทรัพย์สินได้พร้อมกัน เพื่อให้ประชาชนในภูมิภาคปลอดภัยจากแก๊งคนร้ายเหล่านี้กรณีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเจ้าภาพประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6 ประเทศ ประเด็นการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะตำรวจไทยเข้าประชุม ชู 3 มาตรการเร่งด่วน แลกเปลี่ยนข้อมูลเรียลไทม์ จัดทำฐานข้อมูลบัญชีม้า เบอร์โทรศัพท์ และไอพีแอดเดรส ใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกประเทศสามารถบล็อก อายัด และตรวจสอบได้ทันที พร้อมแต่งตั้งผู้ประสานงานไซเบอร์ประจำการในประเทศที่เป็นฐาน งัดกฎเหล็กคุมเข้มลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบยืนยันตัวตน ทุกเบาะแสที่ได้รับจะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด พร้อมเป็นศูนย์กลางประสานงาน แสดงความจริงใจในการปราบปราม ขณะที่ 6 ชาติภาคีเห็นชอบแนวทาง วางกลไก 21 ข้อ รับมือสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 พ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์หลังจากเดินทางกลับถึงประเทศไทยว่า ผลการที่คณะตำรวจไทยร่วมประชุมรัฐมนตรี 6 ชาติ ขับเคลื่อนการปราบปรามสแกมออนไลน์ ย้ำไม่ให้มี “Safe Haven” แก๊งหลอกลวงในอนุภูมิภาค 6 ประเทศ ทั้งจีน เมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม นำไปสู่ข้อริเริ่มร่วมว่าด้วยการปราบปรามและจัดการอาชญากรรมฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ จัดตั้งทีมปฏิบัติการร่วม ทีมเฉพาะกิจระหว่างประเทศเข้าปฏิบัติการทลายฐานสแกมเซ็นเตอร์ในพื้นที่จริง ใช้กลไกระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ของ ACSC ตั้งเป้าตอบสนองต่อเบาะแสสำคัญภายใน 24 ชม.“เสนอการสร้างกลไกความโปร่งใสและความรับผิดชอบร่วมกัน รายงานความคืบหน้าต่อประเทศผู้ได้รับผลกระทบอย่างสม่ำเสมอ ให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่าความร่วมมือเกิดขึ้นจริง การปราบสแกมเมอร์ต้องปราบที่ต้นตอ ไม่ให้ใครเป็นที่พักพิงของแก๊งสแกมเมอร์ ประเทศไทยจะไม่ยอมให้สแกมเซ็นเตอร์มีที่ยืนในประเทศ ทุกเบาะแสที่ได้รับจะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยไม่ละเว้นผู้ใด” ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวพล.ต.ท.จิรภพกล่าวอีกว่า อาชญากรรมไม่มีพรมแดน การปราบปรามจะต้องไม่มีพรมแดน ยังเชื่อมั่นว่าตำรวจและผู้บังคับใช้กฎหมายทุกประเทศต้องการช่วยเหลือประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างจริงใจ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นพลเมืองประเทศใด จะขับเคลื่อนศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ให้เป็นศูนย์กลางประสานงานระดับภูมิภาค ปราบปรามสแกมเมอร์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและการปฏิบัติการร่วม 6 ประเทศให้เป็นรูปธรรม รวดเร็ว ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินประชาชนทุกประเทศผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ตำรวจไทยเสนอมาตรการเร่งด่วนระดับภูมิภาค มาตรการที่ 1 ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลเรียลไทม์ จัดทำฐานข้อมูลกลางของบัญชีม้า หมายเลขโทรศัพท์ และไอพีแอดเดรสที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม และใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกประเทศสามารถ “บล็อก-อายัด-ตรวจสอบ” ได้พร้อมกัน มาตรการที่ 2 แต่งตั้งผู้ประสานงานไซเบอร์ประจำการ (Cyber Liaison Officer) ให้แต่ละประเทศส่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไปประจำการในประเทศที่เป็นฐานปฏิบัติการสำคัญ ทำหน้าที่เป็นสายตรงเพื่อให้การขอข้อมูลและการปฏิบัติการร่วมเกิดขึ้นภายในวันเดียว และมาตรการที่ 3 กำหนดมาตรการร่วมควบคุมโทรคมนาคม เข้มงวดการลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบยืนยันตัวตน (รวมถึง Face Recognition) จำกัดจำนวนซิมต่อบุคคล ติดตามซิมต้องสงสัย หากพบพื้นที่ที่ใช้สัญญาณเพื่อหลอกลวงในวงกว้าง ให้ร่วมกันพิจารณาการตัดสัญญาณชั่วคราวจนกว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่