ตั้งแต่ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เมื่อเดือนมีนาคม 67 ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ก็ใช้ประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการเงินการคลัง ลุยงาน กบข. ดูแลบริหารเงินออมของข้าราชการทั้ง 2 ส่วน คือ เงินสำรอง ที่รัฐจ่ายเข้า กบข. ทุกปีไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการประจำปี และผลประโยชน์จากเงิน โดยเงินสำรองนี้ ถ้าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐอาจสั่งให้ กบข. ส่งคืนแผ่นดิน เพื่อเอาไปจ่ายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (แต่รัฐจะต้องจัดสรรงบคืน กบข. ในปีงบประมาณถัดไป) กับ เงินสะสมของสมาชิก กบข. ประมาณ 1.2 ล้านคน--เลขาฯอั๋น-ทรงพล จึงมีเงินที่ต้องบริหารตัวเป็นเกลียว 1,470,000 ล้านบาท จากประสบการณ์ที่เคยเป็น ผอ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เกือบ 2 วาระ และงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง อาทิ รองกรรมการผู้จัดการ ธ.กสิกรไทย, รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงไทย, กรรมการบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ และกรรมการบริษัทมหาชนหลายแห่ง อาทิ เมืองไทยประกันภัย บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย ฯลฯ ทำให้ทำงานกับทีมผู้บริหาร นำ กบข.ซึ่งก่อตั้งมา 28 ปี เข้าสู่มิติใหม่ๆในการลงทุนที่กว้างขึ้น เพื่อให้สมาชิกมีโอกาสได้รับผลประโยชน์มากขึ้นจากโครงการต่างๆ ล่าสุดโครงการที่สมาชิกกำลังสนใจคือ การออมเงิน เพื่อการเกษียณอายุ ตามเป้าหมายหลัก เกษียณมีสุข-Freedom for Living ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็น “ชีวิตในอนาคต หลังเกษียณ” โดยใช้ Application ที่ กบข. พัฒนา คือ My Digital Twin ซึ่งจะคำนวณให้ว่า สมาชิกต้องสะสมเท่าไหร่ เพื่อชีวิตหลังเกษียณ 3 ไลฟ์สไตล์ คือ ระดับพื้นฐาน (P50) ซึ่งสมาชิกต้องมีเงินเป็นค่าใช้จ่าย 26,142 บาทต่อเดือน และใช้ชีวิตเรียบง่าย ต้องทำอาหารเองได้ และออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ ถัดมาคือ ระดับ P75 ชีวิตสบายขึ้น อาหารไม่ต้องทำเองก็ได้ โดยสั่ง delivery ออกกำลังที่ฟิตเนสได้ โดยต้องมีค่าใช้จ่าย 36,288 บาทต่อเดือน และ ระดับพรีเมียม P90 กินอาหารนอกบ้านได้ ไปเที่ยวเมืองนอกได้ (ใกล้ๆ) และยังทรีตเมนต์เลเซอร์ทำสวยหล่อได้ (แต่ไม่ถึงขนาดบินไปขึงหน้าที่เกาหลี) โดยสมาชิกต้องมีเงินสำหรับใช้จ่ายเดือนละ 58,247--ซึ่งตัวเลขนี้ คำนวณโดยเผื่อเงินเฟ้อไว้ล่วงหน้า 20 ปีแล้ว วันก่อน ที่เปิดตัวโครงการ เกษียณมีสุข จึงมีผู้แทนสมาชิกไปฟังถึง 300 กว่าคน เพื่อเลือก เป้าหมายที่อยากใช้ชีวิต และรับคำแนะนำ แผนการออม ต่างๆ ซึ่งล่าสุด คุณอั๋น ได้ออกอีก 2 แผนคือ แผนเกษียณสบายใจ 2569 ซึ่งเน้นรักษาเงินต้น ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ และให้การคุ้มครองชีวิตในวงเงิน 100,000 บาท กับ แผนชาริอะห์ สำหรับสมาชิกเพื่อเป็นทางเลือกลงทุน ตามหลักศาสนาอิสลาม เพราะซอกแซก ขยันหาช่องทางลงทุนที่มั่นคง ผลตอบแทนดี และมีพันธมิตรที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน เพื่อบริหารเงินสมาชิกให้งอกเงยมากที่สุด และขยันศึกษาดูงานด้านนี้เพื่อเป็นไอเดีย เช่น ออสเตรเลีย ซึ่งทำได้ดีมาก ทำให้ปีนี้ กบข. ซึ่งนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ 18 ประเภท ทั้งในและนอกประเทศ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสาร ตลาดหลักทรัพย์ โครงการ โครงสร้างพื้นฐาน อาคาร สำนักงาน โรงแรม ทองคำ ฯลฯ จึงมีผลงานเด่น ได้ผลตอบแทนโดยรวมดี แม้ว่าภาวะการลงทุนยากและท้าทายกว่าปี 67 โดยการให้สมาชิกเข้าใจ ทางเลือกในการลงทุน ตามเป้าหมาย การออมเพื่อเกษียณอายุ โดยเน้นการลงทุนระยะปานกลาง ถึงระยะยาวๆๆ ซึ่ง กบข. มีแผนลงทุนให้เลือกรองรับไว้แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับอายุคนไทยที่ยืนยาวขึ้น ถึงจะแก่ง่าย แต่ตายยาก เพราะอยู่กันเกิน 80 ปี--แต่มีคนถามว่า ถ้าอยู่เกิน 100 ขวบ จะทำยังไง ถึงจะมีชีวิตหลังเกษียณที่ไม่แก่ด้วยจนด้วย--เลขาฯ กบข. ตอบทันทีว่า ให้ไปดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และอยู่มีเงินใช้ให้ถึง 80 ก่อนแล้วกัน กบข.ค่อยหาแผนใหม่ๆที่เหมาะสมให้คุณทวด.โสมชบาคลิกอ่านคอลัมน์ "ของว่างวันอาทิตย์" เพิ่มเติม