ข่าวดี ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ความกดอากาศสูงแผ่จากประเทศจีนพาดผ่านประเทศไทยต้นสัปดาห์หน้า ทำให้จังหวัดตอนบน อีสาน ภาคกลาง อุณหภูมิลดลง 1—3 องศา สัมผัสได้ถึงอากาศเย็น แม้แต่คน กทม.ยังต้องเตรียมเสื้อกันหนาวเผื่อไว้ข่าวร้าย “ลานีญา” คือปัจจัยแทรก สภาพลมฟ้าอากาศแปรปรวน ทำฤดูกาลเพี้ยนไปจากอดีต เดือนสิบสอง น้ำนองทะลักตลิ่งท่วมเมือง เข้าหน้าหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว แต่พื้นที่ประสบอุทกภัยยังเป็นสีฟ้าพรึบในแผนที่ประเทศไทย ตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่าง กลางตอนบน ปริมณฑล กรุงเทพฯ ไล่ไปจนสุดอ่าวไทยแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน ไหลทะลักลงเจ้าพระยาตามภาวะฉุกเฉิน สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลเกินความจุ 100 เปอร์เซ็นต์ จำเป็นต้องเร่งระบายกันหูตาเหลือก เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ต้องเปิดบานประตูน้ำเกือบสุด พร่องน้ำปริมาณมหาศาลมวลน้ำมหึมาไหลทะลักแม่น้ำ ล้นคลองท่วมถนนพื้นที่ท้ายน้ำจมบาดาล ไล่ตั้งแต่จังหวัดสุโขทัย ที่รับน้ำยมเต็มๆแบบไม่มีเขื่อนชะลอ ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ที่แม่น้ำสายหลักไหลมาบรรจบ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กทม. สมุทรปราการด้านตะวันตก อุทัยธานี สุพรรณบุรี ตะวันออก ลพบุรี สระบุรี ภาพมหาอุทกภัยปี 54 ย้อนกลับมากระตุกต่อมผวา โดยเฉพาะที่จังหวัดอ่างทอง กับอยุธยา ที่ประชาชนในพื้นที่ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันวัดจากขั้นบันไดบ้าน น้ำท่วมสูงกว่าปี 54 ด้วยซ้ำไปแต่นั่นก็สวนทางกันกับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำระดับแถวหน้าที่ออกมาสะท้อนตัวเลขตรงกัน ปริมาณน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 54 กว่า 20 เปอร์เซ็นต์ตั้งเครื่องหมายคำถามถึงปัญหา “การบริหารจัดการ”พาดโยงไปถึงปมเรื่อง “น้ำการเมือง” ที่พรรคร่วมรัฐบาลต่างฝ่ายต่างคุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ กระจายไปคนละทาง แยกอำนาจสั่งการคนละทิศ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ไปจนถึงสำนักงานบริหารจัดการน้ำ (สนทช.)จ้องยึดหน่วยงานไปคุมขุมทรัพย์งบประมาณแต่พอเจอภัยพิบัติ “น้ำบาน” มองหาเจ้าภาพหลักไม่เจอและก็ตามฟอร์มถนัด รัฐบาลเปิดเซฟรออัดฉีดงบ ประมาณชดเชยความเสียหายให้ชาวบ้าน แบบที่ “นายกฯ หนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย เพิ่งลุยน้ำไปปลอบใจผู้ประสบภัยในจังหวัดอยุธยาที่พายเรือมาฟังประกาศดังๆต้องเพิ่มการเยียวยาให้คนที่เสียสละพื้นที่รับน้ำผู้นำโชว์ใจป้ำ สั่งเปิดคลังหลวงซับน้ำตา เรียกเสียงเฮฮากลบเสียงด่าขายผ้าเอาหน้ารอด ปัดสวะให้พ้นไปปีๆ ทั้งๆที่มาถึงตรงนี้ประชาชนส่วนใหญ่ส่งเสียงถามดังขึ้นทุกขณะ กระตุกเครื่องหมายคำถามตัวโตๆตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 ประเทศไทยต้องกันงบฯปีละกว่า 1 แสนล้านบาทถึงปี 2568 นับเป็นเวลา 14 ปี รวมตัวเลขกลมๆงบประมาณมหาศาลนับแสนนับล้านล้าน แต่น้ำท่วมก็ยังอ่วมอรทัย แถมหนักขึ้นอีกต่างหากเงินแผ่นดินละลายน้ำหายต๋อมหรือไหลไปเข้ากระเป๋า “จระเข้กินเมือง”ตัวอ้วน ตัวเขื่อง ไปไล่ดูได้ เริ่มชี้เป้าประจานกันเองแล้วตามเงื่อนไขสถานการณ์ เรื่องน้ำคือ “โจทย์ปัญหาหลัก” ของประเทศไทยที่ส่งผลโดยตรงกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวปัจจัยแปรผันต่อภาวะเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมโดยระดับความสำคัญต้องจัดเป็นลำดับต้นๆใน “วาระแห่งชาติ” ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ตามจังหวะเทียบเคียงกับโจทย์เฉพาะหน้าที่ตีคู่มาประชันวิกฤติชายแดนไทย—กัมพูชา ที่กลายเป็นเหมือนเชื้อ “โรคเริม” เป็นๆหายๆอาการเรื้อรัง 5 ปี 10 ปีกำเริบซะที ผลุบๆโผล่ๆไม่รู้เวล่ำเวลา เชื้อโรคอุบาทว์ล้อตามสันดาน “จอมโจรเขมรแดง” ที่ถนัดลอบกัดเป็นวิสัยล่าสุดซุ่มวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย ทำให้ทหารไทยลาดตระเวนไปเหยียบตูมสนั่น เหตุเกิดที่ช่องตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษขาขาดเป็นรายที่ 7 ไม่มีหลักประกันจะมีรายที่ 8 ที่ 9 จบสิ้นตอนไหนกองทัพไทยต้องสู้กับ “ชนชาติหน้าด้าน” สถานการณ์ไม่หนักหนาแต่น่ารำคาญ จำเป็นต้องใช้ความอดทน ลุ่มลึกในการเผชิญศึกกับเพื่อนบ้านชั่วๆยั่ว แหย่ ทำสงครามประสาท “มุกเก่า” ยุค “พระเจ้าเหา ใส่กางเกงหูรูด”ตื้นเขิน อ่านไต๋ “พ่อลูกตระกูลฮุน” อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ทะลุไปยันต่อมลูกหมาก ปากร้องแรกแหกกระเชอฟ้องโลก สวนทางกับพฤติการณ์กวนส้นบาทาไทยเขมรเล่นตามสันดานไม่แปลก แต่ที่ผิดหูผิดตาไปก็คืออาการผู้นำไทยจับอารมณ์ “นายกฯอนุทิน” ที่เลือดขึ้นหน้า ชักน้ำเสียงขึงขังดุดันในทันทีทันควันที่ได้ข่าวทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขาขาด ประกาศลั่นไปทั่วโลก“สันติภาพจบลงแล้ว”ลงมือฉีก “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” ล้มกระดานข้อตกลง “สงบศึก” กับกัมพูชา ที่เซ็นลงนามต่อหน้า “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาพูดกันชัดถ้อยชัดคำ ไม่จำเป็นต้องรีพอร์ตพี่เบิ้ม เพราะไทยเป็นประเทศอธิปไตย ถ้าถามผ่านเอกอัครราชทูต มา หากมีความจำเป็นก็จะตอบ แต่ถ้าไม่มีความจำเป็นก็ไม่ต้องตอบและย้ำกันอีกรอบบนเวทีวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ต่อหน้าขุนทหารและนักธุรกิจ ผู้นำรัฐบาลเซราะกราว ฮัมเพลง “my way”โชว์ลูกกร้าว ขอจัดการชายแดนเขมรด้วยแนวทางของตัวเองไม่เกรงบารมี “คาวบอยทรัมป์” จะงัดมาตรการภาษีมากดดัน ต่อให้โดนภาษีสหรัฐฯ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่เป็นไร ต้องแสวงหาตลาดใหม่รองรับ เอาชีวิตไปฝากกับอเมริกาประเทศเดียวไม่ได้“บทพระเอกชาตินิยม” เรียกเสียงปรบมือเกรียวถูกอกถูกใจพวกฮาร์ดคอร์ ตรงแนว “สายเหยี่ยว” ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยลุยจัดการขั้นแตกหักกับพ่อลูกตระกูลฮุน ถอนรากถอนโคนจอมโจรเขมรแดงแต่นั่นก็ย้อนแย้งกับหลัก “protocol” ตามระเบียบวิถีทางการทูตเพราะมันยังมีอีกหลายชั้นในขั้นตอนของอารยประเทศ จากเบาไปหาหนัก ท่ามกลางเสียงทักจากผู้รู้ถาม “นายกฯเซราะกราว” ทำไมรีบหงายไพ่แทนที่จะไล่ตีไพ่เด็ดในมือ ตั้งแต่การต่อสายตรงถึงผู้นำสหรัฐฯแสดงหลักฐานทุ่นระเบิดฟ้องประจานชัดๆถึงพฤติการณ์ลอบกัด ขัดหลักปฏิญญาสันติภาพคุยกันแบบลับๆแต่หนักแน่นในท่าทีของคนที่ถือความชอบธรรมการตอกย้ำด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์กับอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ผ่านเวทีผู้นำอาเซียนให้รู้เช่นเห็นชาติฝ่ายกัมพูชาเบิ้ล “แต้มต่อ” ชิงรุกไล่อริราชศัตรูในเวทีนานาชาติตรงกันข้าม เมื่อผู้นำรัฐบาลไทยรีบตีไพ่หมดมือทีเดียว หลงเหลี่ยมเขี้ยวเขมรที่ยั่วแหย่สำเร็จ เปลี่ยนเกมจากฝ่ายที่โดนกระทำพลิกเป็นพวกที่จ้องใช้กำลังเหนือกว่าในสายตานานาชาติที่มองจากข้างนอก ปราศจากปัจจัยชาตินิยมอารมณ์ท้าทายปมภาษีที่ทั่วโลกยังผวา ก็ต้องรอลุ้นลูกบ้า “คาวบอยทรัมป์”“นายกฯอนุทิน” ทำผู้ส่งออกไทยไปสหรัฐฯหนาวๆร้อนๆนอนไม่หลับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจส่อประเมินมูลค่าไม่ได้ มันจึงน่ากังขามากกว่าจะอินตามบท “พระเอกชาตินิยม” ของ “นายกฯอนุทิน”ไม่อินกับลีลา “โอเวอร์แอ็กชัน” จนดูฝืนธรรมชาติ ไม่เนียนตาและคนที่มองทะลุ อ่านไต๋ขาดเลยก็หนีไม่พ้นนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ มือปราบสแกมเมอร์ตัวกลั่นของรัฐสภาไทย ที่ฟันธง กันตรงๆ “นายกฯอนุทิน” หลงกลเกมจุดชนวนทุ่นระเบิด เบี่ยงกระแส “โจรสแกมเมอร์” ที่กำลังไล่ต้อน “พ่อลูกตระกูลฮุน”จนมุมส่อโดนล้าง “แผ่นดินบาปเงินเทา”แถมมองทะลุไปอีกชั้น มันก็ยิ่งเข้าเค้า ในท่ามกลางกระแส “โจรสแกมเมอร์” ที่ลามข้ามชายแดนมานัวเนียการเมืองไทย ล้อมผู้นำรัฐบาลเซราะกราวยุทธการลุยล้างเงินเทากำลังเดือดพล่านควันโขมงถึงจุดเชื่อมโยงนักการเมืองระดับชาติ แก๊งวัยรุ่นสร้างตัวที่นัวเนียมาเฟียขาใหญ่ ชัดในระดับที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลุยอายัดจ่อยึดทรัพย์นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ตามความผิดมูลฐานฟอกเงินจากคดีพนันออนไลน์เป็นชนวนไวไฟลามไหม้ ลวกพรรคร่วมรัฐบาล ต่อเนื่องกับจังหวะตัดไฟลัดวงจร จากการไขก๊อกของนายวรภัค ธัญญาวงษ์ ที่ลาออกจาก รมช.คลัง เซ่นกระแสร้อน “แบล็กลิสต์” สแกมเมอร์เขมรคนของรัฐบาลเซราะกราว ต้องเซ่นแบล็กลิสต์สแกมเมอร์ต่อเนื่องตามท้องเรื่อง “ผีเห็นผี” ที่เรตติ้งกระฉูด ประชาชนคนไทยติดตามดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ที่พลิกบทมารับเล่นเป็น “มือระเบิดพลีชีพ” ปล่อยข้อมูลผ่านทีมไล่ล่าเงินเทาของกองทัพส้มโดนตำรวจทั้งกรมดาหน้าถล่ม จ้องรุมกระทืบฐานเผาบ้านตัวเอง“บิ๊กโจ๊ก” ละเลงโพยประจาน แฉยับบิ๊กตำรวจรับส่วยแก๊งสแกมเมอร์ ตัวเอ้เบื้องหลัง นำมาซึ่งการล็อกคอนักการเมือง “ช” กำลังจะต่อด้วยนักการเมือง “ส”โจรสแกมเมอร์ฝังตัวอยู่ในทุกมิติอำนาจ การเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคงเรื่องจริง ภาพเมืองไทยกำลังจะกลายเป็นแดนบาป สวรรค์แก๊งนรกสุ่มเสี่ยงอันตราย เงินเทาจ่อซื้ออำนาจยึดประเทศไทยเป็นฐาน.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม