หนังสือพิชัยสงครามของซุนจื่อ และ 36 กลยุทธ์ (ธนานันท์ วงศ์บางพลู แปล แสงดาวพิมพ์ พ.ค.2568) บทที่ 1 คุณผมอ่านกัน จนจำได้...รู้จักตนเอง ล่วงรู้ข้าศึก รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งบทที่ 2 เข้าทำศึก...เนื้อหาไม่ยืดยาวเท่าไหร่...ผมจะตั้งใจคัด...ให้อ่าน ดังต่อไปนี้ซุนจื่อกล่าวว่า ในการทำศึกสงครามจะต้องใช้รถศึกนับพัน ต้องใช้พลรบถึงสิบหมื่น และเสบียงเพียงพอสำหรับเคลื่อนทัพให้ได้นับพันลี้ ต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศรวมแล้วต้องจ่ายเป็นทองนับพันตำลึงต่อวันเมื่อเข้าต่อสู้อย่างแท้จริง หากการเอาชนะศึกต้องยืดเยื้อ อาวุธ ของเหล่าพลรบจะทื่อ จิตใจของพวกเขาก็จะห่อเหี่ยว ถ้าเข้าปิดล้อมเมืองก็จะไร้ซึ่งพลัง หากการศึกยืดยาวออกไป ทรัพยากรของชาติก็ต้องเสียหายมากยิ่งขึ้นแม่ทัพฝ่ายอื่นก็ต้องฉวยโอกาสเข้าตีสุดกำลังผู้รอบรู้หรือผู้มีความสามารถสูงขนาดไหน ก็ไม่อาจปิดป้องผลลัพธ์ที่อาจตามมาได้เคยได้ยินว่ารวดเร็วนักมักเพลี่ยงพล้ำในสงคราม แต่ผู้ฉลาดจะไม่ยอมปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อ ไม่เคยมีชาติใดจะได้ประโยชน์จากการทำสงครามยืดเยื้อมีแต่เพียงผู้ที่คุ้นเคยกับความเลวร้ายของสงครามอย่างแท้จริง ที่จะเข้าใจถึงประโยชน์ในการทำสงคราม ทหารผู้ชำนาญศึกจะไม่เกณฑ์ไพร่พลซ้ำสอง อีกทั้งไม่จัดเสบียงซ้ำแล้วซ้ำอีกแม้จะนำยุทโธปกรณ์จากบ้านเมืองตน แต่เสบียงอาหารควรหาจากบ้านเมืองศัตรู กองทัพจึงจะมีเสบียงอาหารอย่างเพียงพอ การที่ประเทศชาติเกิดความฝืดเคืองก็เพราะต้องส่งสิ่งของบำรุงให้แก่กองทัพเป็นระยะทางไกลการส่งสิ่งบำรุงระยะทางไกลจะทำให้ราษฎรยากจนลง ขณะพวกใกล้ชิดกองทัพจะทำให้ราคาของสูงขึ้น ราคาของที่สูงขึ้นก็จะทำให้เงินทองของราษฎรเหือดแห้ง เมื่อเงินทองเหือดแห้ง ชาวนาชาวไร่ก็จะได้รับความทุกข์ยากจากแรงบีบคั้นของความยากลำบากและฝืดเคืองนี้ ก็จะทำให้ถังข้าวสารของแต่ละครัวเรือนนั้นว่างเปล่าเงินทองที่หาได้จะหายไป 3 ใน 10 ส่วนขณะรัฐจะต้องใช้จ่ายเงินไปกับความเสียหายของการศึก ม้าก็ต้องทำงานหนักจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง หมวก เสื้อเกราะ หอก ดาบ โล่กำบัง ลูกศร เกาทัณฑ์ วัวควาย และเกวียน รวมกันต้องจ่ายถึง 4 ใน 10 ส่วนของรายได้รัฐแม่ทัพที่ฉลาดต้องหาเสบียงกรังจากฝ่ายศัตรู เสบียง 1 เล่มเกวียนของศัตรูจะเท่ากับ 20 เล่มเกวียนของฝ่ายตนดังนี้แล้ว เมื่อสั่งให้ทหารสังหารศัตรู คนของเราก็ต้องถูกปลุกเร้าให้เกิดความโกรธเกรี้ยวเมื่อต้องสร้างความได้เปรียบในการเอาชนะศัตรูก็ต้องมีการตั้งบำเหน็จรางวัลดังนั้น ในการนำรถศึกเข้าโรมรัน หากยึดรถศึกมาได้ 10 คัน ก็ต้องปูนบำเหน็จให้แก่ผู้ที่ยึดรถมาได้ก่อน ธงของฝ่ายตนก็จะต้องถูกปักแทนที่ธงของฝ่ายศัตรู และรถศึกก็จะต้องถูกนำมารวมเข้าไว้กับฝ่ายตนทหารที่ถูกจับเป็นเชลยก็ต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีนี่จึงเรียกว่าการนำชัยชนะเหนือศัตรูมาเพิ่มพละกำลังให้แก่ฝ่ายตนในการทำศึกสงคราม ชัยชนะเป็นเป้าประสงค์หลักจะต้องไม่ทำศึกที่ยืดเยื้อ จึงอาจกล่าวได้ว่าผู้นำของกองทัพก็คือผู้กุมชะตาของเหล่าราษฎร เป็นบุคคลผู้ซึ่งจะนำมาได้ทั้งความสุขสงบหรือสามารถนำความวิบัติมาให้แก่ประเทศชาติก็ย่อมได้ซุนจื่อเขียนพิชัยสงครามฉบับนี้ไว้ สมัยชุนชิว 227 ปี ก่อน พ.ศ.ถึง พ.ศ.67 ปีครับอ่านแล้วก็จะเห็นว่า โดยหลักการรบ สมัยนี้ก็ยังใช้ได้ เพียงแต่ต้องไม่ลืมว่า วิชาซุนจื่อจะใช้ได้ผลควรเริ่มด้วยผู้นำต้องให้อำนาจแม่ทัพ สงครามโบราณ ไม่ว่าบ้านเมืองไหน หากผู้นำที่ไม่ไว้หน้าแม่ทัพ อยากได้หน้า หาเสียง...ไปวันๆ เสียเมืองไปแล้วนักต่อนัก.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม