สำนักพระราชวังประกาศว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13–17 พฤศจิกายน 2568 ตามคำทูลเชิญของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และวาระการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปีการเสด็จเยือนจีนครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จทอดพระเนตรสถานที่สำคัญต่างๆในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ วัดหลิงกวง ศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์กรุงปักกิ่ง ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษาสถาบันเทคโนโลยีด้านอวกาศจีน ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมวิทยาศาสตร์นักบินจีน และศูนย์ควบคุมการบินอวกาศกรุงปักกิ่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองระหว่างประเทศ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯ แม้จีนจะเป็นประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับสองของโลก แต่จีนก็ยังไม่ถือว่าตัวเองเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ล่าสุดพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพิ่งจะประกาศ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 15 (ปี 2026–2030)” โดยมีเป้าหมายยกระดับรายได้ต่อหัวของประชากรจีนให้ทัดเทียมสถานะของ “ประเทศพัฒนาปานกลาง” ภายในปี 2035 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญคือ “ประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัย” (Socialist Modernization)การเป็นประเทศพัฒนาปานกลาง ในความหมายของจีนคือ ประชากรมีรายได้ต่อหัวต่อปีที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจีนระบุว่าอ้างอิงมาจากตัวเลขของไอเอ็มเอฟที่เคยระบุว่า ปี 2020 กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่จะมีรายได้ต่อหัวสูงกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ นักเศรษฐศาสตร์จีนจึงเห็นพ้องที่จะ ใช้ตัวเลขจีดีพีต่อหัวที่ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเกณฑ์ชี้วัดความคืบหน้าทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งจีนจะต้องรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยที่ปีละ 4.17% ตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แม้จีนจะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจจากโควิดระบาด แรงกระแทกจากห่วงโซ่อุปทานโลก แต่จีนก็ยังสามารถรักษาการเติบโตเฉลี่ยต่อปีได้สูงถึง 5.5% ในปี 2025 นี้ จีนคาดว่าผลผลิตทางเศรษฐกิจรวมของประเทศจีนจะสูงประมาณ 140 ล้านล้านหยวน ประมาณ 19.76 ล้านล้านดอลลาร์ โดย นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนคาดว่า จีดีพีของจีนจะทะลุ 170 ล้านล้านหยวน ประมาณ 23.9 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 4.17% ต่อปีไปจนถึง 2573นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การเติบโตเฉลี่ย 4.17% ต่อปีมีความเป็นไปได้ เนื่องจากจีนมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง อาทิ ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ความพร้อมของแรงงาน ตลาดในประเทศมีขนาดใหญ่ มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีการลงทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา (R&D) มีนวัตกรรมที่เป็นหัวใจหลักของแผนยุทธศาสตร์ชาติ มีความสามารถในการปรับปรุงและปฏิรูปนโยบายเพื่อตอบสนองพลวัตทางเศรษฐกิจ ฯลฯสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพเรือจีน เพิ่งเปิดตัว เรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดลำใหม่ ซึ่งเป็น เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนที่ติดตั้งระบบดีดส่งเครื่องบินขึ้นจากเรือด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Catapults) ชื่อ “ฟู่เจี้ยน” มีความทันสมัยเทียบเท่า เรือบรรทุกเครื่องบินเจอรัลด์ อาร์.ฟอร์ด ของกองทัพเรือสหรัฐฯที่ทันสมัยที่สุด มีเครื่องบินขับไล่ประจำเรือ 3 รุ่น คือ J–35, J–15T, J–15D เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า KongJing–600 และเฮลิคอปเตอร์ Z–20 เพื่อปกป้องและขยายอำนาจเศรษฐกิจทางทะเลจึงไม่แปลกที่ สหรัฐฯ จะ กลัวจีน เอามากๆการเป็นมิตรกับ สองมหาอำนาจโลก จึงเป็นสมดุลที่ดีที่สุดของประเทศไทย.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม