“นายกฯหนู” หน้าบาน เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการ “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers หลังประกาศยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ ตำรวจเด้งรับลุยจับคดีสแกมเมอร์เพียบ แค่ 13 วันดำเนินการ 7,044 คดี ผู้ต้องหารวม 7,174 คน ยึดอายัดเงินสดและทรัพย์สินกว่า 4 หมื่นล้านบาท ชมตำรวจทำงานเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน ยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจรับฟังทุกเสียงสะท้อน กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ วอนประชาชนส่งข้อมูลหากพบนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐพัวพัน เพื่อดำเนินการอย่างเฉียบขาด ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น ยืนยันฐานะหัวหน้ารัฐบาล “เรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีการเคลียร์”ที่ห้องประชุมแจ้งยอดสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานแถลงข่าวป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers โดยมี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร. รวมถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.และผู้ที่เกี่ยวข้อง หลังนายกรัฐมนตรีสั่งยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นวาระแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ต.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกระดับเป็นงานสำคัญต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยในสังกัดระดมสรรพกำลังทำการป้องกันและปราบปรามทุกมิติอย่างเข้มข้นในการแถลงข่าว “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers มีผลระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีล่าสุดห้วงวันที่ 27 ต.ค. ถึงวันที่ 8 พ.ย. รวม 13 วัน จับกุมรวม 7,044 คดี ผู้ต้องหา 7,174 คน ดังนี้ 1.จับกุมคดีสำคัญที่เป็นองค์กรเครือข่ายรวม 90 คดี ผู้ต้องหา 315 คน 2.จับกุมคดี 14 ประเภทรวม 2,580 คดี ผู้ต้องหา 2,432 คน 3.จับกุมคดีเกี่ยวกับซิมผีบัญชีม้ารวม 795 คดี ผู้ต้องหา 759 คน 4.จับกุมอุปกรณ์การสื่อสารผิดกฎหมาย เช่น SIMBOX, False base station รวม 11 คดี ผู้ต้องหา 7 คน 5.สำรวจเสาส่งสัญญาณและสายสัญญาณอินเตอร์เน็ตแนวชายแดนทั่วประเทศ แยกเป็นเสาส่งสัญญาณ 1,575 จุด และสายสัญญาณอินเตอร์เน็ต 105 จุด ส่งข้อมูลให้ กสทช.ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย6.ตรวจสอบโกดังสินค้าทุกพื้นที่ที่เชื่อมโยงขบวนการหลอกลวงส่งสินค้าโดยที่ประชาชนไม่ได้สั่งซื้อจริง หรือได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่โฆษณาซึ่งเป็นประเภทคดีที่มีผู้เสียหายมากที่สุดขณะนี้ 7.ติดตามเงินคืนให้ผู้เสียหาย (Money Cash Back) รวม 234 ราย จับกุมผู้ต้องหา 224 คน วันนี้มีผู้เสียหายมารับเงินคืนในงานแถลงข่าว 31 ราย เป็นเงินรวม 14,604,248 บาท ตั้งแต่เริ่มโครงการ Money Cash Back ก.พ.68 ถึงปัจจุบันคืนเงินผู้เสียหายแล้ว 322 ราย เป็นเงิน 312,014,202.15 บาท 8.สกัดกั้นคนไทยที่จะเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อร่วมขบวนการสแกมเมอร์ 123 ครั้ง 201 คน 9.ปฏิบัติการขยายผลเส้นทางการเงินต้องสงสัยจากศูนย์ War Room รวม 128 ราย ผู้ต้องหา 133 คน 10.มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่อเนื่อง ห้วงวันที่ 1-8 พ.ย. รวม 8 วัน จับกุม 965 คน 11.จับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การพนันออนไลน์ ขายปืนออนไลน์ 3,083 คดี ผู้ต้องหา 3,103 คน12.สืบสวนจับกุมเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆที่โฆษณาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ เน้นจับกุมผู้จัดให้เล่นและผู้ประกาศโฆษณาชักชวน โดยเฉพาะอินฟลูเอนเซอร์มีชื่อเสียง ขยายผลยึดและอายัดทรัพย์สิน ห้วงวันที่ 1-8 พ.ย. รวม 8 วัน จับกุมผู้จัดให้เล่นและผู้โฆษณาชักชวนบนสื่อออนไลน์ 22 ราย ผู้ต้องหา 27 คน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-8 พ.ย.จับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์รายใหญ่ 26 ราย ผู้ต้องหา 196 คน ยึดทรัพย์สิน 41,720,000 บาท 13.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เสนอปิดกั้นเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม สื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆที่โฆษณาชักชวนหรือเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ รวมทั้งที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า อาวุธปืน วันที่ 1 ต.ค.-5 พ.ย.เสนอปิดกั้นที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์และที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ วันที่ 1-31 ต.ค. ปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ 22,416 URL ปิดแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์และที่ผิดกฎหมายอื่นๆ (Facebook/ YouTube/X/TikTok/Line) 4,984 ครั้งการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์ United Thailand Against Scammers” แบ่งพื้นที่งานเป็น 5 โซนคือ 1.วอร์รูม (War Room) ศูนย์ต่อต้าน การฉ้อโกงออนไลน์ 2.การคืนเงินให้กับผู้เสียหาย (โครงการ Money Cash Back) 3.ผลการป้องกันปราบปรามที่มีความสำคัญและความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน 3.1.ผลการปฏิบัติที่สำคัญของกองบัญชาการต่างๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3.2. เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ “เตือนภัยไซเบอร์” เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยในโลกออนไลน์ 3.3.ความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ 4.บรรยายพิเศษเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ 5.นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวช่วงหนึ่งในการแถลงว่า ตนยังเชื่อมั่นว่าหากได้รับความร่วมมืออย่างจริงใจจาก 3 ประเทศที่เป็นฐานที่ตั้งสแกมเมอร์จะสามารถแก้ปัญหาได้ถาวร ตำรวจไทยจะเชิญชวนประเทศพันธมิตรลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อสร้างรูปแบบให้นานาชาติร่วมกันกดดัน ตนมองว่าวิธีการตัดระบบสาธารณูปโภคจะเป็นอีกแนวทางช่วยยุติการทำงานของขบวนการคอลเซ็นเตอร์แม้ประเทศที่ตั้งสแกมเมอร์จะยังไม่ร่วมมือ ตำรวจไทยจะไม่นิ่งเฉย สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งวอร์รูมรวมตำรวจทุกหน่วยงาน ภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างประเทศมาช่วยกัน เนื่องจากอาชญากรรมประเภทนี้ไร้ขอบเขต ความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งในและนอกประเทศจะนำไปสู่ความสำเร็จในการปราบปราม แม้ต้องใช้เวลายืนยันว่าช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเห็นการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นแล้วพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติงาน รวมทั้ง การแจ้งเบาะแสต่างๆ และร่วมเป็นกำลังสำคัญในการ ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีด้วยดีตลอดมา พวกเราทุกคนขอยืนยันว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส เข้มแข็ง และมุ่งมั่น เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกและความปลอดภัยในสังคมออนไลน์ของประชาชนทุกคนด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลจัดตั้งคณะอำนวยการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้น มีตนเป็นประธาน รวมอีก 15 องค์กร เพื่อเปลี่ยนจากการตั้งรับมาเป็นการรุกไล่ติดตามผลงานของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างชัดเจน อาทิ การอายัดทรัพย์สินหลายหมื่นล้านบาท การเพิกถอนวีซ่า และการกำจัดบัญชีม้าจำนวนมาก ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์จากการมุ่งมั่นปราบปรามอย่างจริงจังส่วนประเด็นที่ประชาชนตั้งข้อสงสัยว่ามีคนของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมลักษณะนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและรับฟังทุกเสียงสะท้อน พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาของทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ และขอความร่วมมือประชาชนให้ส่งข้อมูล หากพบว่ามีนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพัวพัน เพื่อดำเนินการอย่างเฉียบขาดและเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น ยืนยันในฐานะหัวหน้ารัฐบาลว่า “เรื่องนี้เคลียร์ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีการเคลียร์” แต่จะดูจากพฤติกรรมและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนภารกิจของตำรวจอย่างเต็มที่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่