ตำรวจไซเบอร์-ปปง.นำกำลังลุยค้น 36 จุดในกรุงเทพฯ-ตราด ยึดทรัพย์สินกว่า 400 ล้านบาท ของเครือข่าย “ลี ยงพัด” เจ้าพ่อสแกมเมอร์ชาวกัมพูชา มีทั้งคอนโดฯระดับลักชัวรีย่านสุขุมวิท ราคาห้องละ 40-120 ล้านบาท รถยนต์หรู โฉนดที่ดิน เงินสดในบัญชีกว่า 88 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวเผ่นหนีหมายจับไทย ไปซุกปีกลูกพี่ “ฮุน เซน” แล้วเจ้าหน้าที่เร่งปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ รายใหญ่ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พล.ต.ท.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ช่วยราชการ บช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล รอง ผบก.ช่วยราชการ บช.สอท. พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 พ.ต.อ.อติชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 สนธิกำลังตำรวจไซเบอร์ และเจ้าหน้าที่ปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 36 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ 5 จุด และจ.ตราด 31 จุดผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดและอายัดห้องชุดในคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี 2 แห่ง รวม 4 ห้อง ราคาห้องละ 40-120 ล้านบาท ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ, รถเบนซ์ รุ่น G 400 d ราคากว่า 12 ล้านบาท, รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท, โฉนดที่ดินในพื้นที่ จ.ตราด และเงินสดในบัญชีธนาคาร 88.2 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึด-อายัดกว่า 400 ล้านบาทการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้สืบสวนขยายผลปราบปรามการฟอกเงิน ของขบวนการสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายของนายก๊ก อาน นักธุรกิจชาวกัมพูชา คนใกล้ชิดนายฮุน เซน และเป็นเจ้าของคราวน์ กาสิโน รีสอร์ต, อาคาร 25 ชั้น, อาคาร 18 ชั้น และอาคาร HISO รังใหญ่ของขบวนการสแกมเมอร์จีนดำ ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เริ่มต้นจากการเข้าค้นคฤหาสน์หรูย่านประเวศ ของ น.ส.ภู เฌอหลิน ลูกสาวคนที่ 2 ของนายก๊ก อาน จากนั้นขยายผลเพิ่มเติมตรวจค้นเป้าหมายอีก 7 จุด ในกรุงเทพฯ 5 จุด และ จ.สระแก้ว 2 จุด เพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมเครือข่ายตามหมายจับศาลอาญา และตรวจหาพยานหลักฐาน รวมทั้งยึดทรัพย์สินที่ซุกซ่อนกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย ในกรุงเทพฯ ยึดตู้เซฟได้ 7 ใบ จ.สระแก้ว อีก 1 ใบ รวมตู้เซฟ 8 ใบ โฉนดที่ดินนับ 10 แปลง อายัดทรัพย์สินต่างๆ มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่อมาพบพยานหลักฐานว่าเครือข่ายของนายก๊ก อาน มีความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มเครือข่ายของนายพัด สุภาภา หรือนายลี ยงพัด อายุ 67 ปี เจ้าของบริษัท แอลวายพีกรุ๊ป (LYP Group) บริษัทขนาดใหญ่ของกัมพูชา และเป็นสมาชิกวุฒิสภากัมพูชา รวมทั้งเป็นคนสนิทของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ตำรวจพบหลักฐานเส้นเงินว่านายพัด สุภาภา หรือลี ยงพัด เป็นผู้รับผลประโยชน์จากขบวนการสแกมเมอร์ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และธุรกิจพนันออนไลน์ มีลูกสาวของนายพัด สุภาภา ครอบครองทรัพย์สินหลายอย่าง ในประเทศไทย ในลักษณะเป็นการฟอกเงินตำรวจไซเบอร์ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้กระทำผิดในเครือข่ายนี้รวม 5 ราย มีนายพัด สุภาภา หรือลี ยงพัด อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ 6503/2568 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 นายโชคชัย สุภาภา อายุ 37 ปี เป็นบุคคลใกล้ชิดกับนายพัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ 6540/2568 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 และชาวจีนอีก 3 ราย ในความผิดฐาน “สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ให้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ก่อนขออนุมัติหมายค้น เข้าตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดไว้ได้ทั้งหมด จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่าผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 5 ราย ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนแล้ว คาดว่าจะกลับไปกบดานในประเทศกัมพูชาประวัตินายพัด สุภาภา หรือนายลี ยงพัด เป็นชาวกัมพูชา เชื้อสายจีน เป็นเจ้าของบริษัทแอลวายพีกรุ๊ป (LYP Group) เป็นบริษัทขนาดใหญ่ของกัมพูชา ดำเนินธุรกิจหลากหลาย ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ นิคมอุตสาหกรรม บ่อนกาสิโน ยาสูบ พลังงานไฟฟ้า และการท่องเที่ยว มีธุรกิจหลักอยู่ในจังหวัดเกาะกง บ้านเกิด ธุรกิจของนายลี ยงพัด มักเชื่อมโยงกับข้อครหามากมาย อาทิ การใช้แรงงานเด็ก การบังคับขับไล่ที่ดิน มีชื่อเสียงด้านการหลอกลวงทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ นายลี ยงพัด ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.65ต่อมานายลี ยงพัด ได้รับสัญชาติไทย กลายเป็นบุคคลสองสัญชาติ มีชื่อไทยว่า นายพัด สุภาภา มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับนักการเมืองไทยหลายคนเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายทำธุรกิจสีเทาในหลายประเทศ แต่รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้เพราะมีผู้มากบารมีและมีอิทธิพลหนุนหลัง ต่อมานายลี ยงพัด ถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (OFAC) หน่วยงานของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ที่มีหน้าที่บริหารและบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการค้าต่อประเทศ องค์กร และบุคคลเป้าหมาย เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างประเทศและเป้าหมายด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ อเมริกา คว่ำบาตรและอายัดทรัพย์สิน หลังมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการฉ้อโกงประชาชน การค้ามนุษย์ และหลอกลวงไซเบอร์ และรัฐบาลไทยได้ถอนสัญชาติไทยของนายลี ยงพัด ไปแล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่