“ทุนจีนเทา” หรือ “Grey Capital” กลายเป็นประเด็น ร่วมสมัยที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในสังคมไทย ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจผิดกฎหมายเท่านั้น แต่หมายถึงการลงทุนข้ามชาติที่เป็นส่วนผสมระหว่างธุรกิจที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย (กึ่งถูกกึ่งผิด)น่าสนใจว่าทุนสีเทาที่ว่านี้เข้ามามีอิทธิพลและส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศย้อนอดีต..รากฐานของการแทรกซึมสะท้อนภาพปัญหา “ทุนจีนสีเทา” ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากแต่มีรากฐานมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศของไทย โดยมีปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการเกิดขึ้นและเติบโตมุมมองจากผู้สันทัดกรณีแวดวงความสัมพันธ์ไทย-จีนสะท้อนความจริง บอกว่า ทั้งไทยและจีนมีลักษณะโครงสร้างทางสังคมและการเมืองที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะ “ระบบอุปถัมภ์” และ “ความไม่เป็นทางการ” ที่สร้างช่องโหว่และพื้นที่ให้เครือข่ายธุรกิจสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่รัฐ...ในลักษณะที่นำไปสู่ “การทุจริต” และ “การเอื้อประโยชน์” ได้ง่าย?อดีตวันวานที่ผ่านๆมาคือการเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะกลายเป็นข่าวใหญ่ในปัจจุบัน กลุ่มทุนจีนเทาได้รุกคืบเข้ามาในอาเซียนรวมถึงไทยอย่างเงียบๆผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น ทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการปลอมแปลงเส้นทางการเงินและกวาดซื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวผนวกกับการแสวงหาช่องทาง..ด้วยมาตรการต่อต้านการทุจริตที่เข้มข้นขึ้นในจีน ทำให้กลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมสีเทาต้อง “ย้ายฐาน” มาแสวงหาแหล่งฟอกเงินและขยายอิทธิพลในประเทศที่มีกฎหมายและระบบการบังคับใช้ที่ไม่เข้มงวดพอ? การค่อยๆคืบคลานของทุนจีนเทากลายเป็นฝีในเนื้อร้ายที่กัดกินประเทศไทยเงียบๆมานาน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า..วันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่วงการท่องเที่ยว แต่ได้ยกระดับสู่การเป็น “ทัพหน้าอาชญากรรมข้ามชาติ” ครอบคลุมธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่ผับบาร์เถื่อนไปจนถึงการฟอกเงินข้ามประเทศ?ย้ำว่า..ปัญหาทุนจีนเทาเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงที่การท่องเที่ยวบูมสุดขีด..“ทัวร์ศูนย์เหรียญ” คือสัญญาณเตือนแรกที่กลุ่มทุนนี้เข้ามาผูกขาดธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ กวาดรายได้ออกนอกประเทศทั้งหมด แต่เบื้องหลังคือการปลอมแปลงเส้นทางการเงินและหลีกเลี่ยงภาษีอดีต..เน้นธุรกิจท่องเที่ยว การผูกขาดร้านค้าและบริการ..เพื่อควบคุมเงินหมุนเวียน ปัจจุบัน..ขยับสู่ธุรกิจที่มีวงเงินหมุนเวียนสูงกว่าและซ่อนเร้นง่ายกว่า ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรูสถานบันเทิงผิดกฎหมาย (ผับวีไอพี) การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้ไทยเป็นฐานบัญชาการประเด็นที่น่าตกใจที่สุดคือการที่กลุ่มทุนเหล่านี้สามารถแทรกซึมและขยายอาณาจักรได้อย่างรวดเร็ว โดยมีเครื่องมือสำคัญ 2 อย่าง นั่นก็คือ..การใช้ “นอมินีคนไทย” ทุนจีนใช้ คนไทยเข้ามาถือหุ้นแทน เพื่อเลี่ยงกฎหมายการลงทุนจากต่างชาติ ทำให้การตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินเป็นไปอย่างยากลำบาก ถัดมาคือ..ระบบ “ส่วย” และ “อุปถัมภ์” การเปิดโปงหลายกรณีชี้ชัดว่าทุนสีเทาสามารถดำรงอยู่ได้เพราะความรู้เห็น เป็นใจของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่ได้รับผลประโยชน์จากระบบส่วยเป็นรายเดือนรายปี ทำให้การบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอและกลุ่มอาชญากรข้ามชาติเหล่านี้จึงไม่เกรงกลัวน่าสนใจว่า..“เงินที่ไหลเข้าประเทศเหล่านี้ไม่ใช่การลงทุน แต่คือน้ำชะล้างเงินสกปรกจากธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้านและในจีนเอง หากเรายังปล่อยช่องโหว่แบบนี้ อีกไม่นานกรุงเทพฯจะไม่ใช่ศูนย์กลางการท่องเที่ยว แต่จะกลายเป็นวอลล์สตรีทแห่งการฟอกเงินระดับโลก”หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เร่ง “ผ่าตัดใหญ่” โครงสร้างที่เอื้อต่อการทุจริต ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ร้ายแรงเกินกว่าจะประเมินได้...เมื่ออาชญากรรมข้ามชาติฝังรากลึก กลุ่มทุนจะเปลี่ยนไทยจาก “ฐานพัก” เป็น “ฐานหลัก” ในการก่ออาชญากรรมที่ซับซ้อน เช่น การเงินดิจิทัล ยาเสพติด การค้ามนุษย์เศรษฐกิจถูกบิดเบือน..ราคาอสังหาริมทรัพย์และค่าครองชีพจะถูกปั่นขึ้นจากเงินผิดกฎหมาย ทำให้คนไทยเข้าถึงยากขึ้น เกิดความมั่นคงสั่นคลอน ด้วยว่าการที่กลุ่มทุนเหล่านี้สามารถซื้อตัวเจ้าหน้าที่รัฐได้? สะท้อนให้เห็นว่าความมั่นคงของประเทศอยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างแท้จริง? ผู้สันทัดกรณีรายเดิมย้ำว่า วิกฤติความอ่อนแอภายในคือสาเหตุแท้จริงที่ “ทุนจีนเทา” ฆ่าไม่ตายในไทย อย่าหลอกตัวเองว่าเรากำลังสู้กับ “อาชญากรรมข้ามชาติ” เท่านั้นปัญหาที่แท้จริงคือ “ความอ่อนแอเชิงโครงสร้าง” ของเราเองที่เปิดประตูต้อนรับเงินสกปรกอย่างเต็มใจหรือเปล่าการกวาดล้าง “ทุนจีนเทา” ที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย ดูเหมือนจะเป็นเพียงการปราบปรามอาชญากรรมรายคดี แต่ในความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ต่างชี้ตรงกันว่า ปัญหานี้ได้เปลี่ยนสถานะจาก “ภัยคุกคามภายนอก” กลายเป็น “วิกฤติความอ่อนแอภายใน” ของชาติอย่างสมบูรณ์เรากำลังเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า “ทุนสีเทา” เหล่านี้อยู่รอดได้ ไม่ใช่เพราะความเก่งกาจในการหลบหนี แต่เพราะความสามารถในการ “ซื้อ” และ “แทรกซึม” เข้าสู่กลไกที่ควรจะทำหน้าที่ปกป้องประเทศ จนทำให้ภารกิจกวาดล้างกลายเป็น “งานสุดหิน” ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคทางโครงสร้าง “ทุนจีนเทา” จึงไม่ใช่ผู้ร้ายที่แข็งแกร่ง แต่เป็นเชื้อโรคที่เติบโตได้ดีใน “ร่างที่อ่อนแอ” ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการ “ล้างบาง” เครือข่ายนอมินี..ปิดช่องฟอกเงิน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม