เมื่อ แรร์เอิร์ธ หรือ แร่หายาก กลายเป็น อาวุธทางเศรษฐกิจ ที่มีพลังมากกว่า เชื้อเพลิง แร่หายากเหล่านี้ เป็นแร่ที่หาได้ โดยทั่วไป ขึ้นอยู่กับการ ถลุงแรร์เอิร์ธ ที่ต้องใช้เทคนิคและเทคโนโลยีชั้นสูง สหรัฐฯ คิดได้ก่อน จีน คิดได้ต่อมา แต่เทคโนโลยีการผลิต และแหล่งแรร์เอิร์ธดีกว่า ใครที่ครอบครอง แร่หายาก ได้มากที่สุด ย่อมถือกุญแจสำคัญสู่เทคโนโลยีโลก และเมื่อถือกุญแจสำคัญสู่เทคโนโลยีโลก ก็เป็นมหาอำนาจต่อไปได้กลายเป็นว่า ไทย เป็นประเทศที่ซุกซ่อน ความลับ สำหรับคนไทย ในการ ผลิตแรร์เอิร์ธ หลังจากปรากฏรายงานของ USGC และ Investing News Network เมื่อปี 2024 จัดอันดับให้ ไทยเป็นประเทศผู้ผลิต แร่หายาก อันดับ 6 ของโลก ด้วยปริมาณกว่า 1.3 หมื่นเมตริกตันต่อปี เพิ่มขึ้นถึง 261% ภายในปีเดียว ระบุ ด้วยว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยเฉพาะ นครราชสีมา และ บุรีรัมย์ กำลังถูกจับตาว่ามีแหล่งแร่หายากธรรมชาติที่มีศักยภาพสูง ที่อุดมไปด้วย นีโอไดเมียม พราซิโอดิเมียม ดิสโพรเซียม และ อิตเทรียม ที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับเทคโนโลยีทันสมัย เช่น มอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม ชิปคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือระบบดาวเทียม เป็นต้นคำถามคือเราได้อะไรจากการทำข้อตกลงสันติภาพกับกัมพูชา เราได้อะไรกับการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ถึง ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาฯ กฤษฎีกา จะอ้างว่า การทำ MOU แรร์เอิร์ธ กับสหรัฐฯ ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ถือเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่มีอะไรมากมายสหรัฐฯ ยังคง ภาษีศุลกากร ที่ 19% เพียงแต่ยาหอมว่า จะลด ภาษีนำเข้า 0% ให้กับสินค้าบางประเภท พอจะตีความได้ว่า เป็นสินค้า ที่สหรัฐฯต้องการนำเข้าหรือไม่ เราก็ยังไม่ได้ประโยชน์อะไรทั้งขึ้น ทั้งล่องอยู่ดีเรื่องของ สันติภาพไทย-กัมพูชา ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นลบกับทั้งสองประเทศเท่านั้น สหรัฐฯหรือมาเลเซีย ก็คงไม่มีผลกระทบ อะไรมากมาย แต่ สงครามเขตแดนทั้งสองประเทศ ถูกปลุกปั้นขึ้นมา เป็นเงื่อนไขให้ สหรัฐฯ สามารถเข้ามาแทรกแซง ไทย ได้อย่างเต็ม รูปแบบ ดูจากภาษากายแล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ผู้นำมาเลเซีย ให้ความสนิทสนมกับ ผู้นำกัมพูชา เป็นพิเศษด้วยซ้ำ คิดในมุมกลับกัน กัมพูชา ก็ไม่ได้อะไรจากความขัดแย้งเขตแดนกับไทย มีแต่ความสูญเสียนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ไปได้ของแถมมาจากการลงนาม ข้อตกลงสันติภาพ ที่ไปให้สัมภาษณ์สื่อว่า เขตแดนที่พิพาทก็มีทั้ง ที่กัมพูชาล้ำแดนไทยและไทยก็ล้ำแดนกัมพูชา อีกกรณีที่ไทยไป อาสาเป็นเจ้าภาพปราบสแกมเมอร์ ฮุน มาเนต โล่งอกไปเยอะ ฉวยโอกาสให้ความร่วมมือ ทั้งที่แหล่งสแกมเมอร์อยู่ในกัมพูชาทนโท่ ทำไปทำมา จะเข้าทำนอง กัมพูชาผลิต ไทยนำเข้าและตัวแทน จำหน่าย จากที่ไทยแค่ถูกเพ่งเล็ง เลยเข้ามาแทรกแซงกันใหญ่การที่ต่างชาติจะเข้าไปครอบงำประเทศใดประเทศหนึ่งได้ มีปัจจัยสำคัญจากความอ่อนแอ และความขัดแย้งภายในประเทศเป็นสำคัญ สงครามการค้าเราต้องซื้อสินค้าการเกษตร พลังงาน และ เครื่องบินจากสหรัฐฯมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และต้องยกเลิกภาษีเกือบ 99% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ ส่วนอธิปไตยก็อย่างที่เห็น.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม