ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหาร สินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) จัดงานสัมมนา BAM Symposium ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ “New Era of AMC 2025 พลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ที่โรงแรมดุสิตธานี วันก่อน โดยเชิญ คุณวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการแบงก์ชาติ มาเป็นประธานเปิดงาน ซึ่งเป็นการออกงานครั้งแรกของผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ ผู้ว่าการ ธปท.วิทัย กล่าวว่า จีดีพีปีนี้คาดว่าจะเติบโต 2.2% แต่ปี 2569 จะลดลงมาเหลือ 1.6% ซึ่งเป็นผลจาก “ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศจริงๆ” ทั้งเรื่อง สังคมสูงวัย ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความเหลื่อมล้ำทางการเงิน ปัญหาเรื่องบรรษัทภิบาล (CG) ปัญหาเรื่องการศึกษา และอีกมากมายปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญจริงๆ ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีกินดีของประชาชน จะมีปัญหาลำบากไปเรื่อยๆ นั่นคือ ปัญหาเรื่อง “หนี้ครัวเรือน”คุณวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ระบุว่า หนี้ครัวเรือนปัจจุบันลดลงมาเหลือ 86% ต่อจีดีพี จากยอดหนี้ที่เติบโตชะลอลง แต่หนี้ครัวเรือนมีผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย (Demand) ของทั้งประเทศลดลง ท่ามกลางกำลังซื้อที่ไม่ได้แข็งแรง และไม่มีการลงทุนเพิ่ม หนี้ครัวเรือน 86% มีส่วนที่น่าสนใจคือ เริ่มมีปัญหาผิดนัดชำระ ทั้ง ส่วนที่เป็นหนี้เสียแล้วประมาณ 4% และ ส่วนที่เริ่มผิดนัดชำระ (หนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน) ประมาณ 8—9% รวมเป็น 11—12% เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกดดันการบริโภคและการลงทุน แต่เป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคน เป็นเรื่องความสามารถในการประกอบธุรกิจของเอสเอ็มอีรายย่อย เรื่องนี้ถ้าไม่รีบแก้อย่างจริงจัง มีโอกาสที่ระดับหนี้ต่อจีดีพีจะสูงขึ้นผู้ว่าการ ธปท.วิทัย กล่าวว่า ปัญหาคือ จะทำยังไงมากกว่าแล้วใครจะเป็นคนทำ?และ ผู้ว่าการ ธปท.วิทัย ก็เฉลยเสียเองว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) จะมีบทบาทอย่างมากๆ ภาพรวม AMC ทั้งประเทศมีประมาณ 90 แห่ง แต่ที่แอ็กทีฟจริงๆมีประมาณ 45 ราย AMC มีบทบาทในการดูดซับ NPL ในอดีตเอเอ็มซีเคยดูดซับเอ็นพีแอลได้สูงสุดถึง20% ของเอ็นพีแอลในปีนั้น แต่ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 10% เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยากเห็นต่อไปในอนาคตคือ AMC มีบทบาทมากขึ้น AMC เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะแก้ปัญหาหลังจากปล่อยสินเชื่อแล้วมีปัญหาหนี้ ธปท.อยากเห็น AMC ขยายตัวและแอ็กทีฟกว่าปัจจุบัน ภายใน 2—3 วันนี้ ธปท.จะออกประกาศเรื่อง Joint Venture AMC โดย ให้สถาบันการเงินร่วมลงทุนจัดตั้ง JV—AMC กับ AMC ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ อยากเห็นการดูดซับ NPL มากกว่า 10% เป็น 20—25% หรือ 30% ของยอด NPLBAM มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 45% ขณะที่ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) ของกองทุนฟื้นฟูฯ แบงก์ชาติ มีส่วนแบ่ง 15% อยากให้เจรจากับลูกหนี้แบบผ่อนปรนมากขึ้น ช่วยสังคม ช่วยเอสเอ็มอี ช่วยลดหนี้ให้ก็จะแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ธุรกิจมีกำไรพอเหมาะสมก็พอแล้ว อันนี้จะทำให้เกิดความยั่งยืน อยากเห็น BAM เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนจิ๊กซอว์ตัวนี้นอกจากนี้ ผู้ว่าการ ธปท.วิทัย ยังอยากให้ AMC เข้าไปอยู่ในระบบ “บริษัทข้อมูลแห่งชาติ” หรือ “เครดิตบูโร” แบบสมัครใจ จะทำให้ฐานข้อมูลชัดเจนขึ้น เมื่อแก้หนี้สำเร็จลูกหนี้สามารถกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ทันที เป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ธปท.ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง สมาคมธนาคารไทย ผลักดันให้ AMC แก้หนี้เสียประชาชนที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท ประมาณ 1.5—2 ล้านคน คาดว่าจะทำได้จริงในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า ส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่ SAM ถ้าทำสำเร็จ SAM จะถูก เปลี่ยนเป็น AMC ของแบงก์ชาติเชิงสังคม หรือ Social AMCเป็นการนำแนวคิด Social Bank ธนาคารออมสิน มาใช้กับ Social AMC ของแบงก์ชาติผมสนับสนุนเต็มที่ครับ ปีหน้า AMC จะเพิ่มพอร์ตจาก 1 ล้านล้านบาท เป็น 2 ล้านล้านบาทแล้ว ถ้าสามารถลดหนี้ครัวเรือนลงได้มาก คุณภาพชีวิตคนไทยก็จะดีขึ้นมาก และส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยมาก กำลังซื้อจะกลับมาอย่างมหาศาลทีเดียว จีดีพีจะเติบโตได้มากกว่า 1.6% ที่คาดไว้แน่นอน.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม