ฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) ตั้งอยู่ในจังหวัดพระสีหนุของเขมร เริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ.1968 ผู้สร้างคือรัฐบาลเขมรภายใต้รัฐบาลของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ โดยได้รับการสนับสนุนทาง เทคนิคและเงินทุนจากสหรัฐฯ (U.S.Military Assistance Program)สหรัฐฯต้องการจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลในอ่าวไทยเพื่อสนับสนุน ปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม สหรัฐฯช่วยสร้างท่าเรือ อาคารฝึกระบบ สื่อสาร และที่พัก มีการส่งที่ปรึกษาทางทหารอเมริกันมาช่วยฝึกเจ้าหน้าที่เขมร ช่วงเขมรแดงยึดอำนาจ ฐานทัพเรือเรียมถูกยึดและปิดการใช้งานทางทหารเกือบทั้งหมด23 ตุลาคม 1991 มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เรียกว่าข้อตกลงสันติภาพปารีส 1991 เป็นการยุติสงครามเขมร-เวียดนาม และเป็นการยุติสงครามอินโดจีนครั้งที่ 3หลังข้อตกลงสันติภาพปารีส 1991 สหรัฐฯเริ่มให้ความช่วยเหลือ ด้านเศรษฐกิจและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เขมรอีกครั้ง เริ่มมีโครงการฝึกทหารชั้นผู้น้อย และส่งนายทหารเขมรไปเรียนต่อในสหรัฐฯค.ศ.2007-2010 เขมรอนุญาตให้สหรัฐฯเข้ามาช่วยซ่อมแซมท่าเรือและอาคารภายในฐานทัพเรือเรียม ภายใต้โครงการความร่วมมือทางทหาร ใช้งบราว 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและเขมรเบ่งบานถึงขีดสุดเมื่อ ค.ศ.2010 ที่สหรัฐฯและเขมรเริ่มการซ้อมรบร่วมชื่อ Angkor Sentinel ภายใต้กรอบ U.S.Pacific Command เป็นการฝึกซ้อมร่วมต่างๆ ทั้งในระดับกองพันหรือทางการแพทย์ มุ่งเน้นไปที่การฝึกกองกำลังสหรัฐฯและเขมร เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการรักษาสันติภาพและความมั่นคงแม้ว่าสหรัฐฯสนับสนุนเขมรอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่เขมรก็คือ เขมร ค.ศ.2017 จู่ๆรัฐบาลเขมรก็ยกเลิกการซ้อมรบร่วม Angkor Sentinel โดยบอกว่าต้องการมุ่งเน้นภารกิจภายในประเทศ แต่แค่ สหรัฐฯใช้ตาซ้ายชำเลืองก็ดูออกว่า เขมรเริ่มหันไปซบจีนอย่างชัดเจน โดยให้จีนเข้ามาช่วยสร้างและปรับปรุงฐานทัพเรือเรียมแทนสหรัฐฯหลังจากนั้นมาความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เขมร ก็กระท่อนกระแท่น สหรัฐฯกล่าวหาว่าการที่เขมรอนุญาตให้จีนใช้ฐานทัพเรือเรียมกระทบต่อเสถียรภาพของภูมิภาค จากนั้น ค.ศ.2021 สหรัฐฯก็ประกาศ ห้ามขายอาวุธให้กัมพูชา พร้อมขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่กัมพูชาบางคน และตัดงบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลของเขมรที่กลับไปกลับมาได้ตลอดเวลา ตามแต่ผลประโยชน์ที่ตัวเองได้รับ แม้ว่าจะเอาประเทศตัวเองไป อิงแอบแนบชิดกับจีน และโดนสหรัฐฯประกาศห้ามขายอาวุธ แต่ฮุน เซน ก็มักจะโพนทะนาสาธยายถึงลูกชายตัวเอง ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นนายทหาร กัมพูชาคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาจาก United States Military Academy at West Point หรือโรงเรียน นายร้อยทหารบกสหรัฐฯ (เวสต์พอยต์) เหมือนกับจะบอกว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯยังไม่ขาดสะบั้น เพราะยังมีเครือข่ายสหรัฐฯจากเส้นสายของลูกชาย26 ตุลาคม 2025 มีการลงนามในเอกสารปฏิญญาร่วมเพื่อสันติภาพและความมั่นคง หรือ Joint Declaration ระหว่างนายกฯ ไทยและนายกฯเขมร โดยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกฯมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียภาพที่คนทั้งโลกเห็นคือความสนิทสนมกลมเกลียว การหัวร่อ ต่อกระซิกของทรัมป์และฮุน มาเนต จนหลายคนสงสัยว่าอะไร ที่ทำให้คนทั้งคู่ม่วนชื่นได้ขนาดนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เราก็ถึงได้รู้ว่าสหรัฐฯยอมยกเลิกคำสั่งแบน อาวุธต่อเขมร แถมยังจะเปิดโอกาสให้นายทหารเขมรเข้าศึกษาในสถาบันทหารสหรัฐฯได้ ทั้งในเวสต์พอยท์และโรงเรียนนายเรืออากาศ นอกจากนั้น ยังจะมีการฟื้นการซ้อมรบร่วม Angkor Sentinel ที่หยุดไปนานกว่า 8 ปีอีกด้วยผู้อ่านท่านครับ แม้แต่ไอ้ปื๊ดลูกเจ้น้องก้นซอยสองก็มองออกว่า นี่คือเกมภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ทรัมป์ ยิ้มจนปากฉีกถึงใบหูก็เพราะเขมรอ้าขา เอ๊ย อ้าแขนต้อนรับสหรัฐฯ อย่างเต็มใจต่อจากนี้ไป เขมรจะได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารจาก สหรัฐฯมากขึ้น แต้มต่อของเขมรคือการเหยียบเรือสองแคม ได้ทั้ง สหรัฐฯและจีน ได้ทั้งบนดินและใต้ดินนี่คือความเสี่ยงต่อความมั่นคงของไทยในฐานะประเทศข้างเคียง ที่ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นหรือไม่เกมการเมืองระหว่างประเทศที่มีเขมรเป็นคู่เจรจาประมาทไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม