พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯทรงร่วมขบวนเชิญพระบรมศพ “สมเด็จพระบรมราช ชนนีพันปีหลวง” ท่ามกลางพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศเฝ้ารับเสด็จเนืองแน่นและร่วมส่งเสด็จตลอดเส้นทางเคลื่อนขบวนรถเชิญพระบรมศพจาก รพ.จุฬาฯ ถึงพระบรม มหาราชวัง ต่างร่ำไห้ ถวายความอาลัย “พระแม่ของแผ่นดิน” ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขณะที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเฝ้าฯกราบถวายบังคมพระบรมศพ ตั้งแต่ 9 พ.ย.นี้เป็นต้นไปวันที่พสกนิกรไทยต่างโศกเศร้าต่อการสูญเสีย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เปรียบประดุจดังพระแม่ของแผ่นดิน ด้วยทรงมีพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นรอเฝ้าฯส่งเสด็จเนืองแน่นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 26 ต.ค. พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศ แต่งกายไว้ทุกข์สีดำ เดินทางมาร่วมพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางความโศกเศร้า ในจำนวนนี้มีประชาชนบางส่วนมาปักหลักค้างคืน บริเวณอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ เพื่อรอเฝ้าฯ ส่งเสด็จพระบรมศพ ขณะเดียวกันที่บริเวณโถงชั้น 1 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ ตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนเดินทางถวายสักการะ และทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้สด เบื้องหน้าพระฉายา ลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระ บรมราชชนนีพันปีหลวง และลงนามถวายความอาลัยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนบางรายถือพระฉายาลักษณ์ พระพันปีหลวงไว้แนบอกและร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งในหลวง–พระราชินีเสด็จฯยัง รพ.กระทั่งเวลา 15.42 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี ออกจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังชั้น 29 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาด ไทย โดยมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา พรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทร กิติคุณ และท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน รอรับเสด็จเชิญพระบรมศพขึ้น ร.ย.ล.จากนั้น สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เดินนำขบวนเชิญพระบรมศพลงจากอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ คณะแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาพยาบาลเลื่อนพระแท่นพยาบาล เชิญพระบรมศพเข้าสู่ลิฟต์ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จตามพระบรมศพ เมื่อเชิญพระบรมศพถึงชั้นล่างของอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ คณะแพทย์และพยาบาลเชิญพระแท่นพยาบาลพระบรมศพขึ้นรถยนต์หลวง ทะเบียน ร.ย.ล.1ด-0929 เชิญพระบรมศพที่จอดเทียบหน้าอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ คณะแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาฯ ตามเสด็จฯในรถยนต์หลวงอัญเชิญพระบรมศพเสียงร่ำไห้ระงมทั่ว รพ.เวลา 16.26 น.ขบวนรถเชิญพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระบรมมหาราชวัง มีรถสมเด็จพระมหาวีรวงศ์นำขบวน ตามด้วยรถเชิญพระบรมศพ และขบวนรถพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เคลื่อนออกจากหน้าอาคารภูมิสิริ มังคลานุสรณ์ ท่ามกลางคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยนิสิตแพทย์ นักศึกษาพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และประชาชน พร้อมใจยกมือพนมถวายราชสักการะเป็นครั้งสุดท้าย รวมถึงก้มกราบถวายความอาลัยเสียงร่ำไห้ดังระงมไปตลอดเส้นทางที่ขบวนเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่านพสกนิกรพร้อมใจน้อมส่งเสด็จสำหรับเส้นทางเคลื่อนพระบรมศพออกจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เลี้ยวซ้ายออกถนนอังรีดูนังต์ เข้าถนนพระราม 4 ผ่านวัดหัวลำโพง เลี้ยวขวาที่แยกสามย่าน เคลื่อนเข้าถนนพญาไท ผ่านศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ประชาชนที่เฝ้าฯส่งเสด็จต่างนั่งพนมมือส่งเสียงสะอื้นร่ำไห้สลับกับความเงียบงันที่ต่างอยู่ในความสงบ จนรถท้ายขบวนคันสุดท้ายเคลื่อนผ่านไปในเวลา 16.38 น. ซึ่งตลอดเวลานั้นทุกคนต่างตั้งใจน้อมถวายความอาลัย และบางรายได้ใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอขบวนเคลื่อนพระบรมศพเพื่อเก็บไว้รำลึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้มารวมใจน้อมส่งเสด็จสมเด็จพระพันปีหลวงสู่สวรรคาลัยต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจากนั้นขบวนเชิญพระบรมศพเลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อตรงไปยังแยกพญาไท มีประชาชนจากทุกสารทิศมารอส่งเสด็จสมเด็จพระพันปีหลวง ตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงท่ามกลางสภาพอากาศร้อนระอุ แทบทุกคนถือภาพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวงที่นำมาจากบ้านเพื่อน้อมส่งเสด็จ และนำกลับไปสักการบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทย จนถึงเวลาก่อนเคลื่อนขบวนพระบรมศพประมาณ 30 นาที ท้องฟ้าที่ร้อนระอุได้ถูกเมฆก้อนใหญ่เข้ามาบดบังทำให้แดดร่มลมตก มีสายลมพัดเย็นตลอดเวลา และเมื่อขบวนเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่านหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เหล่านิสิตและคณาจารย์ ที่มารอส่งเสด็จ ได้ยกมือถวายบังคมเหนือเกล้า เป็นการถวายราชสักการะเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จนขบวนรถเคลื่อนลับตาก้มกราบลาด้วยความอาลัยเมื่อถึงแยกพญาไท ขบวนอัญเชิญพระบรมศพ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนศรีอยุธยา เดินทางผ่านบริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ และวัดเบญจม บพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร จากนั้นเลี้ยวซ้าย เข้าสู่ถนนราชดำเนิน มุ่งหน้าสู่พระบรมมหาราชวัง รวมระยะทาง 10 กม. ใช้เวลา 20 นาที ซึ่งตลอดเส้นทางที่ขบวนเคลื่อนพระบรมศพ ประชาชนแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยชุดดำ ต่างพนมมือถวายความอาลัย รวมถึงก้มกราบกับพื้น น้ำตาไหลนองหน้าด้วยความอาลัย เช่นเดียวกับสองฟากถนนราชดำเนินในและถนนหน้าพระลาน ตามเส้นทางเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระบรมศพต่างแน่นขนัดไปด้วยประชาชนสวมชุดดำมารอเฝ้าฯส่งเสด็จมารอรับเสด็จข้ามคืนอีกด้านหนึ่งที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรม มหาราชวัง ตามที่สำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชน เข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. ทันทีที่สำนักพระราชวังเปิดประตูมณีนพรัตน์ ถนนสนามไชย มีข้าราชการ คณะบุคคล และประชาชนแต่งกายด้วยชุดดำมาต่อแถวเพื่อเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ และลงนามถวายความอาลัย น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ภายในศาลาสหทัยสมาคม และด้านหน้าอาคารศาลาลูกขุนใน ในพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่อง อาทิ หน่วยราชการในพระองค์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และภริยา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีต หน.พรรคเพื่อไทย นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมนายศุภชัย และนายณรงค์ เจียรวนนท์ นางปวีณา หงสกุล นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ราชสกุลเทวกุล เป็นต้น ขณะที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังมีประชาชนจำนวนมากมาจับจองพื้นที่เพื่อเฝ้าฯ รับเสด็จ ขบวนพระบรมศพ ตั้งแต่เย็นวันที่ 25 ต.ค. ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 26 ต.ค.ถวายราชสักการะครั้งสุดท้ายส่วนที่ท้องสนามหลวง ประชาชนใส่ชุดดำเดินผ่านจุดกรอง เข้าพระบรมมหาราชวัง ผ่านทางประตูมณีนพรัตน์ เพื่อเข้าถวายน้ำสรงพระบรมศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวง บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า บางรายถือพระฉายาลักษณ์และพระสาทิสลักษณ์ไว้แนบอก ขณะที่ถวายน้ำสรงฯบางคนถึงกับร่ำไห้หลั่งน้ำตาแห่งความเสียใจออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นไว้ได้ โดยนางมยุรี บรรดาศักดิ์ อายุ 77 ปี กล่าวด้วยใบ หน้าโศกเศร้าและมีน้ำตาคลอเบ้าว่า ออกจากบ้านบางเขนตั้งแต่เช้า ตั้งใจมาเพื่อมาถวายราชสักการะพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย รักพระองค์มาก ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทยโดยไม่แบ่งแยก พระราชทานอาชีพให้คนไทย ทรงเปรียบดั่งร่มโพธิ์ร่มไทรที่เคียงคู่กับในหลวงรัชกาลที่ 9 มาตลอด 70 ปีคนบันเทิงร่วมถวายความอาลัยขณะเดียวกับที่เหล่าคนบันเทิงแต่งกายไว้ทุกข์มาเฝ้าฯรับเสด็จเคลื่อน “พระบรมศพ” สมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง น้อมถวายความอาลัย อาทิ ตุ๊ก-เดือนเต็ม สาลิตุลย์ เล็ก-วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ นก-สินจัย หงส์ไทย หน่อย-บุษกร วงศ์พัวพันธ์ ฯลฯ ร่วมส่งเสด็จที่บริเวณ รพ.จุฬาฯ ส่วนปิยะ เศวตพิกุล ท็อป-ดารณีนุช ปสุตนาวิน ปู-ปริศนา กล่ำพินิจ หมอก้อง-สรวิชญ์ สุบุญ มาอยู่บริเวณรอบสนามหลวง และหมิง จิรกิติยา บุญครองทรัพย์ เฝ้าฯรับเสด็จอยู่บริเวณวัดเบญจมบพิตรฯ นอกจากนี้ กลุ่มดาราจิตอาสา อาทิ ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร นำทีมจิตอาสาตั้งจุดบริการประชาชนแจกน้ำดื่ม ขนม และปฐมพยาบาล คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนบริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1 รวมทั้ง อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม รวมพลจิตอาสานำรถมอเตอร์ไซค์ มาอำนวยความสะดวกรับ-ส่งประชาชนบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ รวมทั้ง หยวน-กวินรัฎฐ์ ยศอมรสุนทร มาคอยอำนวยความสะดวกที่บริเวณ รพ.จุฬาฯเชิญพระบรมศพยังพระบรมมหาราชวังจากนั้นในเวลา 17.05 น.ขบวนรถยนต์หลวงเชิญพระบรมศพมาถึงพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี รถยนต์หลวงเชิญพระบรมศพเทียบด้านซ้ายประตูพรหมโสภา รถยนต์พระที่นั่งเทียบที่ประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพระดำเนินตามพระบรมศพขึ้นพระที่นั่งพิมานรัตยา เมื่อถึงที่พระแท่นสรงพระบรมศพ คณะแพทย์และพยาบาลเชิญพระบรมศพขึ้นบรรทมบนพระแท่น ซึ่งปูลาดด้วยพระยี่ภู่ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ถวายพระภูษาตาดระกำคลุมพระบรมศพและเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระราชอาสน์ที่นอกพระฉาก เพื่อรอสรงน้ำพระบรมศพถวายน้ำสรงพระบาทพระบรมศพลำดับต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าในพระฉาก ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพ บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงคม จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมศพ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ถวายน้ำสรงที่พระบาทพระบรมศพ ขณะที่สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงรับขวดน้ำพระสุคนธ์ จากเจ้าพนักงานกองราชการฝ่ายในและงานฝ่ายในพระบรมมหาราชวัง ทรงสรงที่พระบาทพระบรมศพทหารปืนใหญ่ยิงสลุตต่อเนื่องต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับหม้อทองคำลายกลีบบัวบรรจุน้ำสรง ผอบแก้วบรรจุน้ำขมิ้น และผอบแก้วน้ำพระสุคนธ์จากเจ้าพนักงานสนมพลเรือน ทรงสรงที่พระอุระพระบรมศพ ทรงหวีพระเกศาขึ้นครั้งหนึ่ง หวีลงครั้งหนึ่ง แล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วทรงหักพระสางนั้น วางไว้ในพานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่ เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงปืนถวายพระเกียรติ นาทีละ 1 นัดตลอดเวลา จากนั้นเจ้าพนักงานสนมพลเรือนเชิญพระหีบพระบรมศพมาเทียบข้างพระแท่นด้านทิศใต้ คณะแพทย์และพยาบาลเชิญพระบรมศพลงพระหีบ โดยมีเจ้าพนักงานภูษามาลาถวายเครื่องพระสุกำพระบรมศพ เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าในพระฉาก ไปทรงวางซองพระศรีทองคำลงยา บรรจุดอกบัวตูม และธูปเทียน ที่พระอุระพระบรมศพ ทรงปิดพระพักตร์พระบรมศพ ด้วยแผ่นทองคำจำหลักลายดุนมีพระกรรณ และทรงวางพระชฎาทองคำลงยาข้างพระเศียรพระบรมศพทรงคม แล้วเสด็จออกไปประทับพระราชอาสน์ที่นอกพระฉากเชิญหีบพระบรมศพยังพระที่นั่งดุสิตฯเมื่อเจ้าพนักงานสนมพลเรือนปิดฝาพระหีบพระบรมศพเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวง ศานุวงศ์ ประทับยืนที่หน้าพระราชอาสน์ ขณะที่ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 10 นาย เชิญหีบพระบรมศพ มีพระตำรวจหลวง 4 นาย นำไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่กลองชนะ ปี่พาทย์ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพระดำเนินตาม จากนั้นทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์เชิญพระหีบพระบรมศพขึ้นประดิษฐานบนพระแท่นแว่นฟ้าทอง พระตำรวจหลวงคลุมผ้าเยียรบับบนพระหีบพระบรมศพ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ คลุมพระหีบพระบรมศพด้วยธงสมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวงใหญ่ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์กราบพระบรมศพ ทหารปืนใหญ่หยุดยิงถวายพระเกียรติสูงสุดแด่พระพันปีหลวงต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศทองใหญ่ ภายใต้พระเศวตฉัตร 9 ชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง มีชุมสายฉัตร 5 ชั้น บังแทรกฉัตร 7 ชั้น ต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ซึ่งเป็นการถวายพระเกียรติสูงสุดแด่พระบรมราชวงศ์ฝ่ายใน ขณะนั้นเจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 11 รูป ในจำนวน 93 รูป เท่าพระชนมพรรษาสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารองและทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพเมื่อประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานลาดพระภูษาโยง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร 11 ไตร เที่ยวแรก พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งแล้ว เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์อีกเที่ยวละ 11 รูป จำนวน 2 เที่ยว และเที่ยวละ 10 รูป จำนวน 6 เที่ยว ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ จากนั้นได้เสด็จฯไปทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงปฏิบัติเช่นนี้จนเที่ยวสุดท้าย พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก ณ มุขเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงคม พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมครบ 4 จบ เจ้าพนักงานนิมนต์พระราชาคณะ 1 รูป ที่ถวายอดิเรกและพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 8 รูป นั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้ว เจ้าพนักงานลาดพระภูษาโยง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปที่หน้าพระโกศ ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราช ดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร และเจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีทั่วหล้าร่วมพิธีถวายความอาลัยขณะที่บรรยากาศในแต่ละจังหวัด ทั่วประเทศ ได้จัดพื้นที่ทั้งที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และในหน่วยงานราชการสำคัญ ต่างจัดพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมพิธีสรงน้ำพระบรมศพ และลงนามแสดงความไว้อาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ แสดงออกถึงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ เป็นประธานเปิดให้ถวายบังคมพระบรมศพสำนักพระราชวังเผยแพร่ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระ บรมราชชนนีพันปีหลวง ความว่า ด้วยสำนักพระราชวังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดังนี้ 1.พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทุกวัน เวลา 08.30-16.00 น. เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ในการนี้ ได้จัดสมุดหลวงลงนามถวายความอาลัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย 2.พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน ทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น. เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 3.พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ราชสกุล คณะองคมนตรี คณะรัฐบาล คณะบุคคล ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 100 วันจัดพระสงฆ์สวดมนต์ตลอดวัน วันเดียวกัน น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยถึงการได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารในสังกัดเพื่อหารือแนวทางปฏิบัติและมอบหมายภารกิจ การจัดพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรม ราชชนนีพันปีหลวง โดยให้ทุกภารกิจดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติสูงสุด และถูกต้องตามโบราณราชประเพณี โดยมีการมอบหมายภารกิจเบื้องต้น ดังนี้ กรมการศาสนา นิมนต์พระสงฆ์ สดัปกรณ์ จำนวน 93 รูป ในวันที่ 26 ต.ค. รวมถึงนิมนต์พระสงฆ์วันละ 4 สำรับ สวดตลอดทั้งวัน เวลา 07.00-21.00 น. ตั้งเเต่วันที่ 26 ต.ค.เป็นต้นไป ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทประสานทุกศาสนาจัดพิธีรำลึกฯนอกจากนี้ ประสานองค์การทางศาสนา จัดพิธีตามหลักศาสนบัญญัติของเเต่ละศาสนา เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ได้แก่ ศาสนาพุทธ จัดพิธีสวดพระอภิธรรมถวายพระราชกุศล ศาสนาอิสลาม พิธีรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และประกอบพิธีดุอาอ์ ขอพรให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเเละสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ยังมีชีวิต ศาสนาคริสต์ ประกอบพิธีขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ประกอบพิธีสวดมนต์ขอพรต่อเทพเจ้า เเละศาสนาซิกข์ ประกอบพิธีกีรตันและอัรดาส พร้อมกันนี้ทุกองค์การทางศาสนาได้จัดให้มีการลงนามถวายความอาลัยหลังจากเสร็จพิธีทางศาสนาแล้วจัดสร้างเมรุฯจำลองทั่วประเทศรมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กรมศิลปากร ดำเนินการด้านรูปแบบพิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมทั้งอาคารประกอบ ซึ่งรูปแบบจะเป็นไปตามจารีตประเพณีแต่โบราณ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สถาปนิก มัณฑนากร วิศวกร และช่างสิบหมู่ของกรมศิลปากร ร่วมกันจัดทำแบบร่างให้ถูกต้อง เพื่อเสนอให้คณะกรรมการที่ปรึกษาพิจารณาและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยในเบื้องต้น นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังมีแนวทางในการจัดสร้างพระเมรุมาศจำลองและซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ ในระดับภูมิภาค สำหรับจังหวัดนำไปจัดสร้างเพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมถวายความอาลัยโดยพร้อมเพรียง พร้อมทั้งจัดทำจดหมายเหตุ พระราชพิธี และหนังสือที่ระลึก สำหรับเผยแพร่ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมงานพระราชพิธีเตรียมออกแนวทางปฏิบัติทุกมิติน.ส.ซาบีดากล่าวอีกว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้ประสานศิลปินแห่งชาติสาขาต่างๆ ร่วมจัด กิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและแสดงความอาลัยของประชาชนชาวไทย ส่วนแนวปฏิบัติในงานประเพณีลอยกระทง และประเพณีอื่นๆ ให้ประสานแนวทางการปฏิบัติร่วมกับสำนักพระราชวัง และสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมจัดทำคู่มือเผยแพร่ข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องให้หน่วยงานและประชาชนทราบโดยเร่งด่วน ที่สำคัญให้เผยแพร่ข้อมูลแนวทางการแต่งกายชุดไทยพระราชนิยมอย่างถูกต้อง ส่วนหอภาพยนตร์ เผยแพร่ภาพยนตร์และสื่อเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในทุกแพลตฟอร์มของหอภาพยนตร์ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงพระราชจริยวัตรอันงดงามและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยจะประสานความร่วมมือกับกรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานในสังกัด วธ. รวมทั้งภาคีเครือข่าย เพื่อขยายผลการเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างทั่วถึงออกแบบพระเมรุฯตามราชประเพณีด้านนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยภายหลังการประชุมหน่วยงานสังกัดของกรมศิลปากร เพื่อเตรียมการดำเนินงานพระบรมศพ ว่า น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม มีข้อสั่งการให้กรมศิลปากรรับผิดชอบดำเนินการด้านรูปแบบพิธีการและจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมทั้งอาคารประกอบ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กรมศิลปากร จึงได้มีการประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักสถาปัตยกรรม สำนักช่างสิบหมู่ และสำนักจดหมายเหตุ รวมถึงสำนักการสังคีต มอบหมายงานในเบื้องต้น ให้สำนักสถาปัตยกรรมศึกษาและดำเนินการร่างแบบพระ เมรุมาศ และอาคารประกอบเบื้องต้น เพื่อเสนอขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระบรมราชวินิจฉัย โดยการออกแบบจะยึดตามโบราณราชประเพณี ให้มีความสวยงามและสง่างาม สมพระเกียรติ เพื่อน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยวัดทั่วโลกสวดมนต์ 30 วันส่วนมหาเถรสมาคม มีมติให้คณะสงฆ์ วัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ จัดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ หรือ พระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมตั้งเครื่องราชสักการะตามบริบทที่วัดสามารถจัดหาได้ ภายในพระอุโบสถ หรือสถานที่บำเพ็ญกุศล ซึ่งสมพระเกียรติภายในวัด พร้อมกับประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์ หรือสวดพระอภิธรรม อุทิศถวายพระราชกุศลตามเวลาที่เหมาะสมของแต่ละวัดและชุมชน ประจำทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ตลอดจนกำหนดให้ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศถวายพระราชกุศลตามกำหนดของสำนักพระราชวัง และให้คณะสงฆ์เจริญจิตตภาวนา เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ภายหลังทำวัตรสวดมนต์เย็น เป็นประจำทุกวัน พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญกุศล ด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ตลอดระยะเวลาตามประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนักห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาชุดดำวันเดียวกัน นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งติดตามสถานการณ์ด้านราคาและต้นทุนสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าชุดดำอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาหรือจำหน่ายสินค้าเอาเปรียบผู้บริโภค พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้จำหน่ายสินค้าดังกล่าวในราคาที่เหมาะสม และต้องแสดงป้ายราคาชัดเจนทุกชิ้น ทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อได้อย่างโปร่งใส ล่าสุดยังไม่พบการปรับราคาเพิ่มในทุกเนื้อผ้า และสินค้ามีเพียงพอต่อการรองรับความต้องการ ทั้งนี้ หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยกรณีไม่ปิดป้ายราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควรหรือเอาเปรียบผู้บริโภค มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีกักตุนสินค้าเพื่อหวังผลกำไร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับศธ.แจงงดจัดงานรื่นเริง 1 ปีส่วนกรณีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ออกหนังสือด่วนที่สุด แจ้งหน่วยงานองค์กรในสังกัด ศธ. และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไว้ทุกข์ และงดจัดงานรื่นเริง สังสรรค์ เป็นเวลา 1 ปี ส่งผลให้เกิดเสียงเรียกร้องจากผู้ปกครองมองว่านานเกินไปนั้น นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า การขอความร่วมมืองดกิจกรรมรื่นเริงในสถานศึกษานั้น ขอชี้แจงความหมายและขอบเขตกิจกรรมที่ขอความร่วมมือให้งดจัดหมายถึงงานสังสรรค์ที่ไม่เป็นทางการ และงานบันเทิงที่มีความครื้นเครง เช่น งานสังสรรค์ศิษย์เก่า งานแสดงความยินดีในวาระต่างๆ งานเลี้ยงรับ-ส่ง หรือการแสดงดนตรี และคอนเสิร์ต เป็นต้น กิจกรรมที่ยังคงดำเนินการได้เป็นกิจกรรมที่อยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนที่จำเป็นต่อการพัฒนาผู้เรียนและบุคลากร โดยขอให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาถึงความเหมาะสมของรูปแบบและบรรยากาศในการจัดกิจกรรม เน้นความเรียบร้อย สงบ และสำรวม เพื่อแสดงความเคารพอย่างสูงสุด กิจกรรมกีฬาสี กิจกรรมเสริมทักษะทางวิชาการของนักเรียน หรือกิจกรรมลูกเสือสามารถทำได้ตามปกติ รวมถึงประเพณีฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีของ 4 โรงเรียน ยังจัดแข่งได้ตามปกติภูฏานจุดตะเกียงพันดวงถวายขณะเดียวกัน บรรดาพระประมุข และผู้นำ ประเทศและองค์กรต่างๆทั่วโลก ได้ร่วมถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง โดย สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก, สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี ซิงเย วังชุก (พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 4 แห่งภูฏาน) สมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก และสมเด็จพระราชชนนี เชอริง ยางดน วังชุก ได้ทรงประกอบพิธีสวดมนต์และจุดตะเกียง (Butter lamps) จำนวน 1,000 ดวง ณ หอหลวง Grand Kuenrey เพื่อระลึกถึง “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ของไทย นอกจากนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูง คณะทูตานุทูต และประชาชนชาวไทย ที่พำนักในประเทศภูฏาน ได้ร่วมถวายความเคารพต่อ “สมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง”“ทรัมป์” เสียใจพระพันปีหลวงสวรรคตด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยจากประเทศมาเลเซียว่า ระหว่างที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักชีพยานการลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกฯไทยและนายกฯกัมพูชา ประธา นาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ ขณะที่นายอันโตนิอู มานูแอล เดอ โอลิไวรา กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ และนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ได้กล่าวแสดงความอาลัยถวายแด่สมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่