วิกฤติการทุจริตคอร์รัปชันเป็นโรคร้ายเรื้อรังที่กัดกินสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง หากไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเด็ดขาด คำกล่าวที่ว่า “วิกฤติคอร์รัปชันหยุดไม่ได้ ประเทศไทยก็พัง” อาจไม่ใช่เพียงคำขู่“การประกาศไม่ยอมทนกับวิกฤติคอร์รัปชันของ 3 สถาบันหลักภาคเอกชนคือ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมฯ และสมาคมธนาคารไทย ตอกย้ำถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ลุกลาม จนการค้าการลงทุนของไทยย่ำแย่ การเมืองขาดเสถียรภาพ หลักนิติธรรมตกต่ำ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนมาต่อเนื่อง”ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) อภิปรายในเวที “เวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3” จัดโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เมื่อไม่นานมานี้บอกอีกว่า ต่อไปนี้คือ 6 พฤติกรรมคดโกง ที่สร้างวิกฤติซ้อนวิกฤติให้สังคมไทยเรื่องแรก “สินบน”...“เงินใต้โต๊ะ” จากเดิมที่เคยแอบจ่าย ลักกินซ่อนโกงไม่ให้คนเห็น แต่ทุกวันนี้มันไม่ต่างจากโจรปล้นกลางวันแสกๆ “ทุกคนรู้กันว่า ถ้าไปติดต่อที่ดิน ขนส่ง ศุลกากร ขอสร้างบ้านสร้างโรงงาน จะต้องจ่ายเท่าไหร่ จ่ายให้ใคร” จนชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจ ทำงานหรือท่องเที่ยวตั้งคำถามว่า...“ประเทศไทยมีหน่วยงานไหนบ้างที่เงินซื้อไม่ได้?”ลองคิดดู ถ้าไม่ใช่ธุรกิจสีเทา ยังจะเหลือนักธุรกิจดีๆสักกี่รายที่อยากมาลงทุนในบ้านเรา! เรื่องที่สอง โครงการก่อสร้างภาครัฐ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องพูดกันแล้วว่ามีคอร์รัปชันไหม เงินทอนเท่าไหร่ ปีหนึ่งเสียหายไปกี่แสนล้านบาท เพราะมันก้าวข้ามไปสู่คำถามน่าสะเทือนใจกว่า “ทำไมการก่อสร้างของภาครัฐต้องล่าช้าเสมอ และเหตุใดจึงมีอุบัติเหตุที่ทำให้คนเจ็บคนตายบ่อยๆ”คำถามนี้หากอธิบายไม่ได้ก็แก้ไขไม่ได้ โกงกินกันอย่างไรให้ประชาชนต้องเสี่ยงภัย บาดเจ็บล้มตายไปเรื่อยๆ จะแก้ไขอย่างไร ใครรับผิดชอบ ทุกวันนี้ที่นิ่งเงียบอยู่ไม่รู้ว่าแกล้งโง่ ไร้ฝีมือ หรือสะเพร่ากันแน่เรื่องที่สาม ระบบวิ่งเต้นเส้นสายในวงราชการเป็นเรื่องรับรู้มานาน จนเมื่อสองปีก่อนมีนายพลตำรวจเอก 2 นายที่ใหญ่เป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พวกเขาใช้เวลาเพียง 7 ปี เลื่อนขึ้น 7 ตำแหน่งจนใครๆก็ส่ายหน้ากับระบบ “ตั๋วช้าง” แล้วสองคนก็สร้างเรื่องน่าละอายมากมายในองค์กรแห่งนี้...มาวันนี้เกิดเรื่องตกต่ำลึกไปกว่านั้นอีก เมื่อผู้กองตำรวจสาวคนหนึ่งเติบโตก้าวกระโดดรวดเร็วและมหัศจรรย์กว่ามาก เธออยากเป็นทหาร ตำรวจ ปลัดอำเภอ อยากไปอยู่รัฐสภาอะไรก็ได้หมด สรุปคือ “ย้ายข้ามห้วยง่าย เลื่อนขั้นก็เร็ว” ดั่งใจ..ทำเกินเลยขนาดนี้ ต้องมีผู้ใหญ่หนุนหลังแน่นอน“อะไรกำลังกัดแทะระบบราชการ ทำลายระบบจนควบคุมคอร์รัปชันไม่ได้”เรื่องที่สี่ “ตาชั่งไม่ตั้งตรง” กฎหมาย หน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกใช้เป็นเครื่องมือปกป้องผลประโยชน์และเล่นงานศัตรูของนาย? มี 3 คดีดังที่ยืนยันเรื่องนี้ คือ คดีฮั้ว สว. คดีที่ดินรถไฟเขากระโดง และกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์..แม้บอกไม่ได้ว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำไปเป็นเพราะเชื่ออย่างนั้นจริง หรือถูกนักการเมืองบังคับมา แต่นี่คือ “คอร์รัปชันโดยใช้ทรัพยากรของรัฐ” อย่างโจ่งแจ้ง ทำแบบนี้คนไม่มีพรรคพวกเส้นสายจะอยู่ได้อย่างไรวันนี้แม้แต่ศาลยังถูกตั้งคำถาม องค์กรอิสระก็แปรปรวนเป๋ไปเป๋มา หลักนิติธรรมของแผ่นดินกำลังเสื่อมถอย? เพราะน้ำมือของพวกเจ้าเล่ห์คิดคดแท้ๆ...กระบวนการยุติธรรมที่ซื้อได้นำไปสู่คอร์รัปชันที่ใหญ่และเลวร้ายกว่าเสมอ?เรื่องที่ห้า ประเทศไทยอะไรก็เป็น “ความลับ” คนไทยถูกทำให้ไม่รู้ ถึงรู้ก็พูดไม่ได้ เรื่องใหญ่ระดับชาติถูก “ปกปิด” กันตามใจชอบ แม้รายงานการสอบสวนที่เสร็จสมบูรณ์ไปนานแล้ว อย่าง...คดีบอส อยู่วิทยา ที่มีอาจารย์วิชา มหาคุณ เป็นประธาน เอกสารอยู่ในมือรัฐบาลและ ป.ป.ช. กรณีนาฬิกาหรูยืมเพื่อน เอกสารอยู่ในมือ ป.ป.ช., เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม เอกสารอยู่ในมือรัฐบาล และ ป.ป.ช. ไม่ยอมเปิดเผย ไม่แคร์สังคมที่รอความจริง เป็นเพราะ “ต้องการเก็บงำความลับเพื่อปกป้องคนชั่วหรือความล้มเหลวของใคร ใช่หรือไม่?”เรื่องที่หก การเลือกตั้งใหญ่ผ่านไปแล้ว 2 ครั้งในปี 2568 คือเลือกตั้ง อบจ. และเทศบาล ล้วนเต็มไปด้วยการซื้อสิทธิขายเสียงที่ทุกคนรู้ กกต.ก็รู้ กลายเป็นว่า..“คนไม่โกง ไม่เกิด” นักการเมืองจึงอยู่ใต้อิทธิพลนายทุน? ไม่ก็เป็นคนของบ้านใหญ่นักการเมือง? หรือผู้ที่มีอิทธิพล?โกงตั้งแต่เริ่ม พอได้ตำแหน่งมีอำนาจก็โกงกินถอนทุนคืน เรื่องนี้ไม่ใช่กล่าวหากันลอยๆ เพราะมีผลสำรวจทางวิชาการจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยยืนยันอยู่คำถามสำคัญตามมาวันนี้และในอนาคต เราจะได้คนแบบไหนมาปกครองประเทศเราหรือ?ทางออกประเทศไทย...การจับมือของผู้นำภาคเอกชนเพื่อลุกสู้กับคอร์รัปชัน รณรงค์นักธุรกิจรุ่นใหม่ปฏิเสธการจ่ายสินบน แต่ต้องเติบโตด้วยฝีมือ ไม่โกงสังคม ไม่โกงสิ่งแวดล้อม จะเป็นพลังสร้างสังคมไทยให้มีอนาคต...สำหรับภาครัฐวิธีหยุดวิกฤติคอร์รัปชันที่ทำได้ทันทีแบบไม่ต้องลงทุนเพิ่มอีกเลยคือ...ทำทุกอย่างให้โปร่งใสเปิดเผยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและตรวจสอบได้ แล้วความเชื่อมั่นจะกลับคืนมา ดร.มานะ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน บอกอีกว่า อีกเรื่องคือการสมัครเป็นสมาชิก OECD ถ้าสำเร็จนั่นหมายถึงประเทศไทยจะเป็นที่ยอมรับในสายตานานาชาติ โอกาสค้าขายจะเพิ่มอีกมาก แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่เขายืนยันให้ไทยต้องแก้ไขก่อนคือ ควบคุมคอร์รัปชันให้ได้ ปรับปรุงกฎระเบียบ กติกาบางอย่างซึ่ง...ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของไทยเราเอง“หวังว่า...จากนี้ไปจะไม่มีรัฐบาลไหน สถาบัน หรือใครก็ตาม ทำให้ประเทศไทยตกต่ำมากกว่านี้ได้อีกแล้ว”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม