ผบช.ภ.7 ลั่นจับให้ได้ ไม่ว่าเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน หลังสืบภาค 7 รวบ “รักษ์ โพพระ” มือปืนยิง “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจคนดังเมืองนครปฐม บาดเจ็บสาหัสหน้าร้านอาหารของภรรยา พร้อมล็อกตัวอดีตตำรวจคนรับงานจากผู้จ้างวาน ระบุราคาค่าเด็ดหัวเหยื่อสูงถึง 1.85 ล้านบาท แฉปมสังหาร “ฆ่าล้างหนี้ ลูกพี่สั่งมา” พบประเด็นมรณะหุ้นส่วนธุรกิจโกงเงินไปกว่า 130 ล้านบาทที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 อ.เมืองนครปฐม เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 14 ต.ค. พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุนระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 น.ส.อโรชา นันทมนตรี ผวจ.นครปฐม พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม พล.ต.ต.หญิงชลีรัชช์ สระดี ผบก.ศพฐ.7 พ.ต.อ.อชิรวัตติ์ ถาวรเจริญวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมชุดสืบสวน ภาค 7 ชุดสืบสวน ภ.จ.นครปฐม และชุดสืบสวน สภ.เมืองนครปฐม แถลงข่าวคดียิงนายระวี อารยวันเวช อายุ 75 ปี หรือเสี่ยเปี๊ยก นักธุรกิจดังเมืองนครปฐม ขณะเดินเข้าร้านอาหารของภรรยา คนร้ายใช้ปืน 11 มม.ยิงเข้าท้อง 1 นัดจนล้มลง ก่อนยิงซ้ำเข้าศีรษะอีก 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค. เวลา 18.30 น. ที่หน้าร้านอาหารครัวดอกไม้ป่า ริมถนนราชมรรคา เขตเทศบาลนครนครปฐมพล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.ภ.7 เผยว่า คดีนี้จับกุมคนร้าย 2 คน คือ มือปืน นายอาภากร หรือรักษ์ เจริญลาภ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 1 ต.โพพระ อ.เมืองเพชรบุรี และผู้ติดต่อมือปืนมายิงเหยื่อคือนายวรวิทย์ หรือบอย เบ็ญพาด อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/1 หมู่ 6 ต.เลาขวัญ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี นายวรวิทย์อดีตเคยรับราชการตำรวจ สังกัด ภ.จ.กาญจนบุรี แต่ไม่พอใจผู้บังคับบัญชาที่สั่งย้ายให้ไปอยู่ สภ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เลยขอลาออกจากราชการ สำหรับนายอาภากร มีประวัติเป็นมือปืนรับจ้าง ก่อเหตุมาหลายราย เมื่อปี 2549 เป็นมือปืนยิงสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเสียชีวิต และถูกจับกุมได้ รับโทษติดคุกในเรือนจำมา 10 กว่าปี ออกจากคุกไม่นาน ได้รู้จักกับนายวรวิทย์ เพราะเพื่อนที่อยู่ จ.เพชรบุรี และเป็นมือปืนในซุ้มเจ้าพ่อคนหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นผู้แนะนำให้รู้จักกันเมื่อ 6-7 ปีก่อนผบช.ภ.กล่าวต่อว่า นายวรวิทย์รับงานมาจากผู้จ้างวาน ให้จัดหามือปืนมายิงเสี่ยเปี๊ยก และได้ติดต่อกับนายอาภากร มือปืนมารับงานนี้ ตามแนวทางสืบสวนหลังจับกุมผู้ต้องหาแล้ว มือปืนรับสารภาพว่า รับงานยิงครั้งนี้ ตกลงค่าหัวกันในราคา 1.85 ล้านบาท ครั้งแรกตอนเจรจารับเงินมา 5 หมื่นบาท จากนั้นนายวรวิทย์นำรายละเอียดรูปพรรณสัณฐานของเสี่ยเปี๊ยกมาให้ดู และพาไปดูว่าอยู่ที่ใด มาร้านอาหารของภรรยาเวลาใด เพราะมาทุกวัน มือปืนมาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวอยู่หลายครั้งจนแน่ใจ ก่อนลงมือทำงาน มือปืนได้มาหานายวรวิทย์ เพื่อรับเงินอีก 5 แสนบาท หากงานสำเร็จจะจ่ายอีก 1.3 ล้านบาท ตามข้อตกลง เมื่อได้เงินแล้วมือปืนนำเงินไปซื้อรถ จยย.ฮอนด้า รีด สีเทาดำ ถอดป้ายทะเบียนออก แล้วไปดักรอยิงเหยื่อ ก่อนหลบหนีไปพล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จ.นครปฐม เผยขั้นตอนในการตามล่าตัวมือปืน ว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งตำรวจสกัดจับและให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี กระทั่งพบกล้องจุดหนึ่งจับภาพคนร้ายในซอยแม่ทองสุข อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 800 เมตร ในซอยเป็นป่ารก มีถังขยะตั้งอยู่ริมทาง มือปืนได้ถอดเปลี่ยนชุด ทิ้งเสื้อ กางเกง หมวก รองเท้า ลงในถังขยะ เปลี่ยนมานุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดขาวลาย เพื่อตบตาตำรวจ แล้วขี่รถมุ่งหน้าออกทางถนนเพชรเกษม ไปตามเส้นทาง จ.ราชบุรี ขณะที่ชุดสืบสวนออกสืบหาที่มาที่ไปของชนวนเหตุพบว่า เสี่ยเปี๊ยกมีธุรกิจหลายอย่างใน จ.นครปฐม ทำเหมืองแร่ ตั้งบริษัทเหมืองแร่ มีรถบรรทุกขนหินหลายสิบคัน มีโรงกลึงใหญ่ และธุรกิจร้านอาหาร ฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีอันดับต้นๆของนครปฐม เป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใครผบก.ภ.จ.นครปฐม กล่าวต่อว่า ตำรวจค้นหาประวัติจากมือปืนที่ถูกจับกุมแล้วเพื่อหารูปพรรณสัณฐาน นำมาเปรียบเทียบกับกล้องวงจรปิด และพบว่ามีรายหนึ่งลักษณะคล้ายเคยยิงคนตาย ติดคุกมานับสิบปี และใช้ปืน 11 มม. ในอดีตมีแต่ซุ้มมือปืนเมืองเพชรที่นำมาใช้ จากนั้นให้ชุดสืบสวน ภ.7 ออกติดตามดูพฤติกรรมของนายอาภากร ผู้ต้องสงสัย จนพบว่านายอาภากรกำลังขี่รถ จยย.ฮอนด้า รีด สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นรถที่ขี่หนีในวันก่อเหตุ มั่นใจว่านายอาภากรเป็นมือปืนแน่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ก่อนเข้าจับกุมและตรวจค้นภายในบ้าน พบปืนออโตเมติก 11 มม.ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก บรรจุกระสุน 6 นัด กระสุนปืน 11 มม.อีก 40 นัด รองเท้าเสื้อผ้าที่สับเปลี่ยนหลังก่อเหตุแล้ว ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน นำตัวมาสอบสวนที่กองสืบฯภาค 7จากการสอบสวนนายอาภากร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนยิงเสี่ยเปี๊ยกจริง ก่อเหตุเพียงคนเดียว หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปรับเงินค่าจ้างที่เหลือ รวมได้เงินมาทั้งสิ้น 1.85 ล้านบาท ส่วนนายวรวิทย์ อดีตตำรวจ เป็นผู้ติดต่อประสานงาน ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จ้างวาน ทราบจากนายวรวิทย์ เพียงสั้นๆว่า ให้ฆ่าล้างหนี้เงิน 130 ล้านบาท แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นหนี้สินเรื่องอะไร ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ขออนุมัติศาลจังหวัดนครปฐม ออกหมายจับนายวรวิทย์ ในข้อหา “เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” จับกุมตัวได้ที่รีสอร์ตละลานตา แคมป์ปิ้งคาเฟ่ ต.ชะอมอ.แก่งคอย จ.สระบุรี นำตัวมาสอบสวนที่กองสืบ ภ.7 นายวรวิทย์ยังไม่ยอมให้การใดๆ ขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น“คดีนี้ ผบช.ภ.7 มีคำสั่งให้สืบสวนติดตามจับกุมผู้จ้างวานรายนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ขณะนี้ส่งตำรวจออกสืบสวนหาที่มาที่ไปของการจ้างฆ่า ที่นายวรวิทย์บอกกับมือปืนว่า “ฆ่าล้างหนี้ ลูกพี่สั่งมา” ตำรวจพอได้เค้าแล้วว่า ใครเป็นคนออกคำสั่งฆ่า เนื่องจากเสี่ยเปี๊ยกมีธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะธุรกิจเหมืองแร่ และรถบรรทุกหิน เท่าที่สอบสวนพบว่าธุรกิจนี้กำลังมีปัญหาเรื่องการยักยอกเงินหุ้นส่วนเป็นร้อยล้านบาท แต่ยังบอกไม่ได้ว่าที่ไหน รอให้ชัดเจนก่อนจะเข้าจับกุมทันที สาเหตุของคดีนี้คือการฆ่าล้างหนี้เท่านั้น ไม่มีอย่างอื่น ส่วนอาการของเสี่ยเปี๊ยก ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง” พล.ต.ต.พิทักษ์กล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่