พระธาตุโนนตาล โบราณสถาน เก่าแก่ใน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พังถล่มราบทั้งองค์ หลังกรมศิลปากรเตรียมบูรณะเกิดรอยร้าว ทำพิธีบวงสรวงได้เพียง 3 วัน ผู้รับเหมาเผยช่างเชื่อมนำโครงเหล็กยึดรอบ ช่วงเกิดเหตุลูกน้องเจ็บตาขอหยุดทำงานเชื่อเป็นปาฏิหาริย์ที่พระธาตุไม่ให้เกิดการสูญเสีย ชาวบ้านเห็นสภาพความเสียหายถึงกับร่ำไห้ ขณะที่อธิบดีกรมศิลปากรเผยคาดฝนตกต่อเนื่องฐานรากอุ้มน้ำมาก กั้นพื้นที่ตรวจสอบทรัพย์สินและเร่งบูรณะเหตุพระธาตุโนนตาลถล่มลงมาทั้งองค์เปิดเผยเมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 12 ต.ค. พ.ต.ท.หญิงจุฬารัตน์ อาจภิรมย์ สว. (สอบสวน) สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รับแจ้งเหตุองค์พระธาตุโนนตาลถล่ม ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุ หมู่ 9 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถือเป็นพระธาตุเก่าแก่โบราณคู่บ้านคู่เมืองอายุกว่า 123 ปี กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เกิดพังถล่มลงไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รอง ผวจ.นครพนม รักษาราชการแทน ผวจ.นครพนม นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอท่าอุเทน กรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครพนม กำนันและผู้ใหญ่ที่เกิดเหตุพบซากปรักหักพังกองเป็นเนินสูง องค์พระธาตุถล่มลงมากองที่พื้น มีเศษโครงเหล็กยึดกับโครงพระธาตุที่ช่างเตรียมบูรณะถล่มลงมาด้วย เจ้าหน้าที่กั้นพื้นที่รอบองค์พระธาตุโนนตาลเป็นเขตหวงห้าม เนื่องจากภายใต้ซากปรักหักพังมีพระพุทธรูปโบราณ สิ่งของมีค่าที่ผู้เลื่อมใสศรัทธานำมาบรรจุไว้ พร้อมประสานสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานีลงตรวจสอบหาสาเหตุ เบื้องต้นทราบว่าสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี อนุมัติงบประมาณเกือบ 3 ล้านบาทเพื่อบูรณะพระธาตุโนนตาล บริษัทผู้รับจ้างนำช่างเข้าพื้นที่เมื่อวันที่ 4 ต.ค. แต่เริ่มลงมือทำได้เพียง 3 วันพระธาตุถล่มลงมาทั้งองค์ ตรวจสอบไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตำรวจลงบันทึกประจำวันพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของมีค่า และให้กรมศิลปากรเข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์สอบถามนายคมกฤษณ์ สุขมาตย์ อายุ 52 ปี ผู้รับเหมาบูรณะองค์พระธาตุทราบว่า หลังวันออกพรรษาเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ทำพิธีบวงสรวงขอขมาเพื่อเข้าไปบูรณะพระธาตุที่มีรอยปริร้าวรอบองค์ ในขั้นตอนเบื้องต้นนำช่างเชื่อมเหล็กยึดรอบองค์พระธาตุไว้ก่อน เนื่องจากองค์เอนเอียงค่อนไปทางทิศเหนือมาก เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ช่างเชื่อมทำงานกันจนดึก รุ่งเช้าลูกน้องโทรศัพท์มาบอกขอลางาน 1 วันเพราะช่างเจ็บตา วันนี้ไม่มีใครทำงาน หากช่างเข้ามาทำงานจะต้องมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 10 คน เชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่พระธาตุดลใจไม่ให้ใครเข้ามาทำงานเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียนางเที่ยง คำพระ อายุ 73 ปี ชาวบ้านหมู่ 13 ต.โนนตาล มานั่งดูเศษซากปรักหักพังพร้อมกับเพื่อน เปิดเผยว่า รู้สึกเศร้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเกิดมาก็เห็นพระธาตุตั้งตระหง่านแล้ว พ่อแม่ของตนเป็นส่วนหนึ่งในการบูรณะพระธาตุองค์เดิมให้เป็นที่สักการบูชา ใครจะไปอยู่ต่างถิ่นหรือทำงานต่างประเทศต้องมากราบไหว้ขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัย ชาวบ้านที่ทราบข่าวพระธาตุถล่มต่างเดินทางมาดูบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะพระธาตุโนนตาลคือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมาแต่บรรพบุรุษด้านพระครูอุดมกิจพิพัฒน์ รองเจ้าคณะอำเภอท่าอุเทน และรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุ เปิดเผยว่า พระธาตุองค์นี้เปรียบเสมือนหัวใจของชุมชน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นโบราณสถานหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ส่วนสาเหตุการเกิดรอยร้าวมาจากสภาพเก่าแก่ตามกาลเวลา และเป็นโครงสร้างที่เป็นฐานแบบก่ออิฐถือปูนของช่างก่อสร้างในอดีตที่มีโอกาสทรุดตัวจนเกิดรอยร้าว อีกส่วนอาจเกิดจากสถานที่ตั้งติดทางหลวงชนบท นพ.3014 ถือเป็นเส้นเลี่ยงเมืองที่มีรถบรรทุกหนักวิ่งจำนวนมากและเกิดผลกระทบตามมา ยืนยันว่าทุกภาคส่วนจะร่วมกันฟื้นฟูให้กลับมาสง่างามดังเดิม ขณะที่ชาวบ้านที่เดินทางมาดูเหตุการณ์ต่างร่ำไห้ ระบุว่านี่คือการสูญเสียครั้งใหญ่ของชุมชนขณะที่นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรสำรวจพระธาตุโนนตาลตั้งแต่ปีที่ผ่านมาพบว่า มีรอยร้าวหลายจุด ช่างใช้โครงเหล็กรัดองค์พระธาตุและค้ำยันเอาไว้ชั่วคราว หลังจากได้งบประมาณก็เร่งเข้าสู่กระบวนการบูรณะโดยทันที เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งบวงสรวงเพื่อเข้าดำเนินการในพื้นที่ แต่เนื่องจากสภาพฝนที่ตกติดต่อกันมา อาจทำให้องค์พระธาตุอุ้มน้ำไว้มากและมีน้ำซึมเข้าไปที่ฐานราก ทำให้โค่นถล่มลงมาได้นายพนมบุตรกล่าวอีกว่า กรมศิลปากรไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานีส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเร่งเคลียร์พื้นที่กั้นเขตเพื่อสำรวจผลกระทบทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบและค้นหาสิ่งของที่อาจบรรจุอยู่ภายในองค์พระธาตุเพื่อนำมาเก็บรักษาไว้ และจะเร่งดำเนินการบูรณะตามแบบที่มีอยู่เดิมตามมาตรฐานของกรมศิลปากร เน้นย้ำให้ใช้วัสดุเดิมให้มากที่สุด พร้อมกันนี้กำชับให้ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี รายงานผลการดำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่องประวัติพระธาตุโนนตาลถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน ค้นพบซากปรักหักพังของพระธาตุองค์เดิมเมื่อปี พ.ศ.2420 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาปี พ.ศ.2445 พระร่วมกับชาวบ้านช่วยกันบูรณะขึ้นมาใหม่มีขนาดความสูง 36 เมตร รอบฐานกว้างด้านละ 7 เมตร 50 ซม. นับถึงปัจจุบันองค์พระธาตุโนนตาลมีอายุถึง 123 ปี เมื่อปลายปี พ.ศ.2566 พบรอยร้าวปริแยกรอบองค์พระธาตุ นายธนภัทร จิตสุทธิผล ผอ.สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมนำอุปกรณ์เหล็กแบนและลวดสลิงดำเนินการรัดรอบองค์พระธาตุ เพื่อป้องกันรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น และเตรียมบูรณะให้กลับมามีสภาพดังเดิม กระทั่งได้รับงบประมาณบูรณะในเดือน ก.ย.2568 อยู่ระหว่างดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์แต่ได้ล้มก่อน ถือเป็นการโค่นล้มซ้ำรอยองค์พระธาตุพนมเมื่อปี พ.ศ.2518พระธาตุโนนตาลมีสถาปัตยกรรมเป็นเจดีย์ทรงมณฑป ยอดบัวเหลี่ยม คล้ายพระธาตุพนมระยะก่อนที่จะมีการบูรณะในปี พ.ศ.2483 ก่ออิฐถือปูนในผังรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยห้องมณฑปซ้อนกันสองชั้น ในตอนกลางแต่ละด้านและของแต่ละชั้น เป็นซุ้มประตูเลียนแบบพระธาตุพนมบริเวณมณฑปประดับปูนปั้นรูปบุคคลขี่สัตว์พาหนะ เหนือมณฑปเป็นฐานบัวทองไม้ลูกฟักในผังรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดใหญ่ แต่งลายปูนปั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเรียงกัน ตอนกลางแต่ละด้านเจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป ด้านหน้าปิดไว้ด้วยกระจกใส เหนือขึ้นไปเป็นชั้นบัวสี่เหลี่ยม ตกแต่งด้วยปูนปั้นลายดอกลอย สลับกับการประดับกระจกสี่เหลี่ยม ปลียอดเป็นบัวสี่เหลี่ยมประดับยอดฉัตรส่วนสิมตั้งอยู่หน้าองค์พระธาตุโนนตาล ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นพื้นถิ่นอีสาน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนทาสีทอง ประทับนั่งปางมารวิชัยจำนวน 3 องค์ การขุดค้นซากพระธาตุในคราวบูรณะเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วนั้น พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งฝังอยู่ในดินรวมอยู่ด้วย ชาวบ้านพร้อมใจกันสร้างสิมครอบองค์พระแล้วปั้นพระพุทธรูปขึ้นมาใหม่รวม 3 องค์ มีกุศโลบายให้องค์พระหันหน้าไปทางทิศเหนือ หันหลังให้องค์พระธาตุ กล่าวคือถ้าญาติโยมมากราบไหว้พระประธานในโบสถ์จะได้กราบองค์พระธาตุไปในตัวด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่