อุณหภูมิบนยอดดอยในภาคเหนือลดลงวูบวาบเหลือแค่ 10 กว่าองศา มวลอากาศเย็นเคลื่อนมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและภาคอีสาน สัญญาณปลายฝนต้นหนาว ห้วงเปลี่ยนผ่านฤดู พายุฝนลดลงแต่สถานการณ์อุทกภัยยังอ่วมในหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่โดนฤทธิ์น้ำป่าถล่มหนักหนาสาหัส จังหวัดอุตรดิตถ์ น่าน เพชรบูรณ์ ตามเส้นทางมวลน้ำไหลผ่านเหนือตอนล่างจ่อภาคกลางตอนบน ปริมณฑล กทม.แม่น้ำวัง ยม น่าน ป่าสัก ไหลมารวมที่แม่น้ำเจ้าพระยาแยกลงแม่กลองสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี เข้าสู่กรุงเทพฯ ส่วนด้านอีสาน ลุ่มน้ำมูลยังเอ่อ ท่วมเมืองอุบลราชธานี น้ำท่าเต็มตลิ่งล้นคลอง น้ำทุ่งเอ่อนองท่วมถนนประชาชนในพื้นที่รับน้ำต้องผจญสภาพความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก แม้จะเป็นวิกฤติต่อเนื่องทุกปี แต่มันก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ เยียวยาความเดือดร้อน โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องเสียสละเป็นพื้นที่รับน้ำและก็ตามฟอร์มซ้ำๆ น้ำท่วมกลายเป็นน้ำการเมืองสดๆร้อนๆตามท้องเรื่องที่ฝ่ายค้านเอกเทศอย่างพรรคเพื่อไทยฉวยจังหวะจุดชนวนร้อน โหมกระแสดราม่าถล่ม “นายกฯหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่นำทีม ครม.เกือบยกคณะ ขนหางเครื่องชุดใหญ่ฝ่ากระแสน้ำป่าไปชุมนุมกันที่เชิงเขากระโดง บุรีรัมย์ร่วมมหกรรมสำแดงพลังอำนาจทางการเมืองช็อตอลังการงานสร้างฉลองแฮปปี้เบิร์ธเดย์ วันคล้ายวันเกิดครบรอบปีที่ 67 ของ “บิ๊กบราเธอร์” อย่างนายเนวิน ชิดชอบ ผู้เปี่ยมบารมีก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทยภาพข่าวหักมุม นักการเมือง “ชื่นมื่น” ชาวบ้าน “ขื่นขม”“นายกฯหนู” เลยโดนถล่มแหลกในโลกโซเชียลฯ ยุทธการไอโอเข้าเหลี่ยมทีมเพื่อไทยประจานซ้ำ ผู้นำเซราะกราวเลือกวันแห่งความสุข “ลูกพี่ใหญ่” สำคัญกว่าความทุกข์ของประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมโทรโข่งค่ายภูมิใจไทยต้องแก้ตัวเคลียร์ข่าวกันลิ้นพันนั่นยังพาลลามไปกระแทก “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชน ที่โดนก๊วนเพื่อไทยพยายามย้ำหัวตะปู “ฝ่ายค้ำ” มัดรวมกับทีมอุ้ม “นายกฯหนู” จากอารมณ์ที่ “กัปตันทีมส้ม” ไม่ร่วมด่าประจานผู้นำไม่ไปโชว์ผัดข้าวแจกน้ำท่วมแต่พูดแบบกลางๆ “เป็นวิจารณญาณของนายกฯ”ประโยคพื้นๆต้องให้ความเป็นธรรมกับ “นายกฯอนุทิน” คงไปทุกพื้นที่ไม่ได้ ถูกลูกก๊วน “เถ้าแก่ใหญ่” ขยี้อย่างเอาเป็นเอาตาย จน “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ตัวชนของคณะก้าวหน้าทนไม่ไหวออกมาสวนหมัดกลับงัด “ดิจิทัลฟุตพรินท์” โชว์ข่าวเก่า สวนหน้าหงายเพราะ “กุมารเท้ง” แสดงความเห็นยุค “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ไม่ได้ต่างจาก “นายกฯหนู” บนหลักการผู้นำไปทุกพื้นที่ไม่ได้ แต่สำคัญคือรับฟังปัญหาทั่วถึง สั่งการอย่างเป็นระบบมองแบบเซียนการเมืองโบราณคงประเมินว่า เสียท่า ไร้เดียงสา ไม่น่าพูดให้เสียคะแนน แต่นี่คือสิ่งที่เรียกว่า con sistency ความสม่ำเสมอ และ integrity ความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติในการทำงาน การเมืองแบบตรงไปตรงมานิ่มๆแต่หน้าม้าน ลีลาตัวแม่สไตล์ “ช่อ” เบรกก๊วนปั่น “ฝ่ายค้ำ” หัวทิ่มหัวตำเรื่องของเรื่อง โดยเงื่อนไขสถานการณ์คับขันของทีมเพื่อไทยที่ต้องดิ้นรนหนีภาวะขาลงแนวดิ่งแบบ 90 องศา อาการรวนหนักจากการหลุดขั้วอำนาจรัฐบาล ส่อไหลไปจุดตกต่ำสุดทางการเมืองในรอบกว่า 20 ปีของทีม “นายใหญ่”ต้องเข็น “อิ๊งค์” แห่ยี่ห้อตระกูลชิน ลุยโชว์อีเวนต์ “ยกเครื่อง” กันฉุกละหุกงัดมุกถนัดการตลาดนำการเมือง จัดเวทีโหมโรงเปิดตัวผู้สมัคร สส.ทั่วประเทศตั้งแต่หัววัน เพื่อรีบเช็กรอยรั่ว อุดเลือดไหล และนั่นก็ได้เห็นกันจะจะเลย แบบที่พิธีกรประกาศชื่อแคนดิเดตผู้สมัครผู้แทนฯรายจังหวัดแต่บางเขตหายหัวไป จนพรรคพวกต้องหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กกลายเป็นฉาก “ช็อตฟีล” นายพชรกร อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ตามบิดาคือนายพงศกร อรรณนพพร ไปโผล่ค่ายภูมิใจไทย ให้ “นายกฯอนุทิน” สวมเสื้อแจ็กเกต เปิดตัวเป็นผู้สมัครก๊วนเซราะกราว พร้อมด้วยนายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา ก็สลัดยี่ห้อ “นายใหญ่”ต่อเนื่องกับเซอร์ไพรส์ ขาใหญ่อย่างนายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำทีมอุบลราชธานี ที่อยู่ร่วมเวทีอีเวนต์ของเพื่อไทย แต่วันรุ่งขึ้นมีภาพถูกแอบถ่ายไปโผล่อยู่โรงแรมดังย่านซอยรางน้ำมีคิวนัดพบกับ “ครูใหญ่” ส่อเค้าเสร็จ “นายฮ้อยเขากระโดง”ตามปรากฏการณ์ตรงหน้า “โกงความจริง” หลอกตัวเองไม่ได้ ภาวะเลือดไหลไม่หยุดย้อนแย้งกับเป้าที่ “อิ๊งค์” ประสานเสียง “เดอะซัน” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ปักหมุด 200 เก้าอี้ เลือกตั้งรอบหน้าสวนกระแส โต๊ะพนันตั้งราคา “เถ้าแก่ใหญ่” เป็นพรรคต่ำร้อยและแปรผันตามกัน ตัวเลขของเพื่อไทยน้อยลงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แต้มจะไหลไปโปะตรงกันข้าม ตามสถานะของ “เต็งแชมป์” ที่เซียนบ่อนการเมืองปรับราคาพรรคภูมิใจไทยตามฟอร์มร้อนแรงที่ดีดขึ้นมาพร้อมกับอิทธิพลการเมือง อำนาจรัฐ กลุ่มทุนแห่แทงหุ้นมีอนาคตเชื่อใน “ตั๋วช้าง” ที่ขลังกว่า “มนต์คาถาปะกำช้าง”จากนาทีนับถอยหลัง 120 วัน ตามที่ “นายกฯหนู” ประกาศยุบสภา วันที่ 31 มกราคม 2569 ปักหมุดชัดๆลงวัน ว. เวลา น. พร้อมๆกับจังหวะสำแดงพลังดึงดูดของไดโว่ยี่ห้อเซราะกราว บรรยากาศคึกคักยิ่งกว่า “ตลาดนัดวัวควาย” ถนนทุกสายมุ่งสู่คอกของ “นายฮ้อยเขากระโดง”อารมณ์ “นายกฯอนุทิน” ยิ้มเขินๆแต่ไม่ปฏิเสธฉายา “ภูมิใจดูด”พิสูจน์ด้วยภาพกลุ่มก๊วนบ้านใหญ่ที่เปิดตัวร่วมทีมแห่ค่ายภูมิใจไทย ไม่ใช่แค่งูเห่าที่อพยพหนีกระแสตกต่ำจากค่ายเพื่อไทย แต่ที่มาแบบเหมาค่าย ย้ายโปรฯเลยก็คือพรรครวมไทยสร้างชาติ มรดกชิ้นสุดท้ายของ “ลุงตู่” และค่ายพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ“ค่าย 2 ลุง” ถูกทิ้งขว้างแบบไม่ไยดี แทบกลายเป็นพรรคร้างไม่เว้น “คนดีย์ กปปส.” แก๊ง “ลุงกำนัน” ที่แปลงกายกลับสู่ร่างเดิม แย่งเกาะขบวนรถไฟสายบุรีรัมย์ นักเลือกตั้งอาชีพพันธุ์โบราณ กระแสการเมืองน้ำเน่าเปลี่ยนเส้นทางไหลไปที่ก๊วนเซราะกราว ภูมิใจไทยยึดแท่นเบอร์หนึ่ง ถือธงนำขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยม“อนุทิน” ถือตั๋วช้าง “เนวิน” คุมแถว ยึด “เลนขวา” จราจรหนาแน่น ตามด้วยพรรคเพื่อไทย ก๊วนกล้าธรรม และที่ห่างๆคือประชาธิปัตย์โอกาสสูงที่จะ “มัดข้าวต้ม” เป็นรัฐบาลรอบต่อไปตามโปรฯ 4 บวก 4 ที่น่าจะลงล็อก ตามพิมพ์เขียวที่ “ก๊วนเกรียน 2 น.” ขันอาสาจัดเกมบริหารการเมืองในสนามเลือกตั้งกับ “ฝ่ายคุมเกมอำนาจ” ประเทศไทยแต่นั่นก็ต้อง “ปาดซ้าย” เบียดขบวนกองทัพส้มให้ตกถนนตามเกมต้องเอาชนะ “แชมป์เก่า” อย่างพรรคประชาชน ที่ยึดแท่น “ผู้นำเดี่ยว” ในฟากเสรีนิยม ขี่กระแสความคาดหวังอนาคต กอบโกยคะแนนนิยมจากคนต้องการเลือกคนการเมืองรุ่นใหม่“เจาะยาง” ยังไง ธรรมชาติเด็กล้มแล้วลุกเป็นปกติ ไม่มีเสียทรงแม้แต่คู่แข่งที่เคยอยู่ในเลนซ้ายอย่างพรรคเพื่อไทยที่แสดงออกชัดๆ ในการล็อกเป้าจำเพาะเจาะจงเขย่าค่ายส้ม ด้วยความเชื่อเก่าๆ จะแย่งแต้ม “แดง” แปลงร่างเป็น “ส้ม” กลับคืน เหมือนวันเก่าๆก็ไม่อาจลบตราบาป ข้ามขั้วไปผสมพันธุ์กับทหารเฒ่า 3 ป.ยิ่งเพื่อไทยแห่วาทกรรม “ฝ่ายค้ำ” ยิ่งตอกย้ำภาพหักมุมในเชิงปฏิบัติ แบบที่ค่ายส้มโชว์ให้เห็นฟอร์มฝ่ายค้านในเวทีสภา “รังสิมันต์ โรม–วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ไล่ถล่มขบวนการเงินเทา แก๊งสแกมเมอร์กัมพูชาโยงรัฐมนตรีขาใหญ่ในรัฐบาลที่นัวเนียอาชญากรเงินเทาระดับโลกเทียบความจริงจังในการรับผิดชอบหน้าที่ กับ “สส.ลูกก๊วนเถ้าแก่ใหญ่” โดดร่มประชุมสภา ทิ้งร่างกฎหมายอากาศบริสุทธิ์ของตัวเองแบบไม่ไยดี ไม่สนสิ่งที่หาเสียงแก้หมอกควันพิษในภาคเหนือมันคือสิ่งที่ไม่อาจกลบเกลื่อนด้วยไอโอ หรือตีปี๊บด่าตีกินผ่านสื่อในเครือข่ายขบวนรถแห่เสรีนิยม ค่ายส้มโล่งในเลนซ้าย จะมีจุดสะดุดหัวคะมำ ก็คือคิวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โผล่มาสะบัดธง จ่อชง ป.ป.ช.ชุดใหญ่สั่งฟ้องคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ต่อศาลฎีกาเร่งให้จบก่อนเดือนธันวาคมปลายปีนี้ จังหวะก้ำกึ่งพอดีจัดทัพเลือกตั้งตามเงื่อนไข ถ้าไหลไปถึงจุดศาลสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ก็ได้ลุ้น “ตัวจี๊ดค่ายส้ม” ได้ไปต่อหรือไม่เว้นแต่กระแสมุมกลับ กลายเป็นคะแนนช่วย กระตุ้นพลังหนุนการเมืองใหม่แห่กองทัพส้มฝ่า “นิติสงคราม” หักด่าน “รัฐพันลึก”.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม