ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ไม่ว่าเรื่องความมั่นคงหรือการเมือง ล้วนมีประเด็นให้ลุ้นกันตลอด เนื่องจากมีของแปลกใหม่โผล่ขึ้นมาเสมอ นี่คงเป็นธรรมชาติของโลกที่ไม่หยุดนิ่ง จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเพื่อไม่ให้เฉา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเวียนว่ายตายเกิดหมุนเวียนกันไปอย่างนี้ โลกถึงอยู่ได้อย่างคงทน!สถานการณ์ไทย–กัมพูชากำลัง ใกล้ถึงจุดสุดท้ายเข้าทุกขณะ กัมพูชากำลังหาทางลงเพื่อไม่ให้บอบช้ำ โดยมีของแลกเปลี่ยน ขืนเผชิญหน้ากันแบบนี้ยิ่งนาน ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆดูได้จากการที่ไทยเปิดมาตรการเข้มข้นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับนอกจากเงียบสงบปล่อยให้ชาวบ้านดิ้นรนกันเอาเองนี่แหละคือสันดานคนที่มีอำนาจแต่ทำเพื่อตัวเองและวงศ์ตระกูลดูแล้วคงขอให้ “โดนัลด์ ทรัมป์” เข้ามาเป็นตัวกลางหย่าศึก เพราะมีแต่ได้ไม่มีเสีย 4 ข้อที่ไทยยื่นดาบไว้นั้นต้องยอมโดยดุษณีีเพราะไม่ได้เสียอะไรแต่เอาใจ “พี่เบิ้ม” น่าจะได้ประโยชน์กว่า เมื่อ “ทรัมป์” รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในฐานะ “ประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ” สมใจ“กัมพูชา” จะเอาอะไรก็บอกมา!แลกกับการได้เข้ามามีบทบาทอย่างเต็มตัวในภูมิภาคนี้ เพื่อสู้กับ “จีน” ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ทำให้อินโดจีนต้องกลายเป็นสนามประลองอีกครั้ง“ไทย” ก็ต้องเหนื่อยอีกครั้งวนไปในถนนการเมืองภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีที่เร่งมือเพื่อสร้างผลงานหวังผลก้าวไปสู่ 4+4 ให้ได้ว่าไปแล้วการได้ “คนนอก” เข้ามาคุมงานเศรษฐกิจ ทำให้รัฐนาวาวิ่งฉิว เนื่องจากทิศทางในการแก้ไขปัญหาถูกที่ถูกเวลามีแต่ “บวก” กับ “บวก”ยังไงก็ยื้อไปต่อให้ได้ก็แล้วกัน!ทิ้งให้ “เพื่อไทย” คู่แข่ง ต้องดิ้นรนสู้แรงเกิด เพื่อเอาตัวรอดในเกมเลือกตั้งแม้จะเปิดตัว 185 ผู้สมัคร สส.ไปแล้วในวันยกเครื่องพรรค แต่นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวที่ยังไม่สามารถรับประกันอะไรได้จึงต้องดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้เกิดความแน่นอนจึงไม่ต้องแปลกใจที่มีข่าว “วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะมาเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวเท็จแต่เป็นเรื่องจริงเพียงแต่ “หนุ่มท็อป” ไม่เล่นด้วยเท่านั้น“เพื่อไทย” ต้องการผูกเสี่ยวกับพรรคนี้เพื่อหวังได้ สส.ที่แน่นอน ไม่ต่างกับการ “เซ็งลี้” พรรค อย่างสมัย “ไทยรักไทย”แต่สมัยนี้ต้องทำให้ดูเนียนกว่า!คืออ่อยเหยื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วได้พรรคนี้เข้ามาอยู่ในครอบครอง ซึ่งได้ สส.แน่นอนอีกทั้ง “วราวุธ” ก็มีภาพลักษณ์ดีมีความรู้ความสามารถเพียงแต่ขาดโอกาสที่จะยืนเป็นเบอร์ 1 ได้เท่านั้นประเด็นก็คือหนุ่มท็อปนั้น อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน ได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรจาก “พ่อบรรหาร” มาไม่น้อยจึงไม่ยอมตกหลุมพรางง่ายๆเพราะอายุยังน้อยโอกาสข้างหน้ายังมีถ้าชิงสุกก่อนห่ามพลาดท่าเสียทีไป...ก็จบ!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม