ประเดิมวันแรกพ้นเส้นตายการแก้ปัญหา “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” จ.สระแก้ว ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย กองทัพบกพร้อม หลายหน่วยงานรุกคืบเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิด คาดได้พื้นที่ปลอดภัยคืนกว่า 3.8 หมื่น ตร.ม. ท่ามกลางทหารกัมพูชา-พลเรือนนับร้อยชีวิตแห่มาเฝ้าดูประชิดรั้วลวดหนาม ขณะเดียวกัน คณะ IOT ฝ่ายไทยมาดูพื้นที่จริงใน จ.สระแก้ว ทั้ง “ตาพระยา-อรัญประเทศ-โคกสูง” ทภ.1 ย้ำให้เห็นชัดทุกจุด รวมถึงการเคลียร์ระเบิดอยู่ในดินแดน ไทย ด้าน ทภ.2 คืบหน้าการประชุม RBC หลังยื่น 3 ข้อให้กัมพูชากลับไปพิจารณา คาดรู้ผลกลาง ต.ค.นี้ ส่วนกรณีคลิปหลุดทหารกัมพูชาลอบตัดรั้วลวดหนาม ห่างปราสาทตาควาย 3 กม. ทบ.ยันของจริง ชี้หลักฐาน ชัดเจนกัมพูชายังคงละเมิดมาตรการหยุดยิงสวนทางกับปากพูดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียดทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่ง จ.สระแก้ว ที่ครบกำหนดเส้นตายที่ทางการไทยให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ออกไปพ้นพื้นที่ พร้อมเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในวันที่ 10 ต.ค.“สีหศักดิ์” รับคุยสหรัฐฯ ขอเป็นตัวกลางที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.50 น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทำหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กรณีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เขามีความปรารถนาจะเข้ามาช่วยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หากอยากช่วยให้เห็นสันติภาพจริง เรามีแนวทางตามที่นายกฯบอกไว้แล้ว มีการพูดคุยกันแล้ว สื่อสารให้เข้าใจว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรบ้าง และหวังว่าจะมีความคืบหน้านายกฯนำถกสภาความมั่นคงฯจากนั้นเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 13/2568 มีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. และหน่วยงานความมั่นคงเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมราว 1 ชั่วโมงเศษ จากนั้นนายอนุทินกล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง เราพูดถึงเรื่องบ้านเมืองของเรา ขอให้เลขาฯ สมช.เป็นผู้แถลง และส่วนตัวจะลงไปพื้นที่ในเวลาที่เหมาะสม ยืนยันเราพร้อมทุกอย่าง แต่ไม่ขอเปิดเผยแผนที่กองทัพบกเสนอมาเรื่องบ้านหนองจาน เรื่องอะไรที่เป็นความลับสุดยอด เราต้องให้ความสำคัญ แต่ยืนยัน “มีความพร้อมครับ”ย้ำจุดยืน 4 ข้อที่ต้องปฏิบัติด้านนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า การประชุมได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำจุดยืนเดิม 4 ข้อที่นายกฯแถลงไว้คือ กัมพูชาต้องถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ต้องเก็บกู้กับระเบิด ต้องร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม และความร่วมมือในการบริหารชายแดนที่มีปัญหา วันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์ในภาพรวม ส่วนการจัดการพื้นที่บ้านหนองจาน ที่กองทัพเสนอแผนมา วันนี้เป็นเพียงติดตามสถานการณ์ เน้นจุดยืนเดิม 4 ข้อ ให้ทุกหน่วยงานไปปฏิบัติในจุดยืนนี้ ส่วนการขอคืนพื้นที่ ทหารดำเนินอยู่ตามขั้นตอนที่วางไว้ ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด รวมถึงยังไม่มีการคุยถึงข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐฯกัมพูชาระดมทหาร–พลเรือนมาเพียบ สำหรับบรรยากาศที่บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงกลางคืนวันที่ 9 ต.ค.ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 10 ต.ค. กองกำลังบูรพาได้ใช้โดรนบินสำรวจพื้นที่แนวชายแดนทั้งสองจุด เพื่อประเมินสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งสองฝั่ง พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อมีกลุ่มชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งเข้ามารวมตัวอยู่ใกล้แนวรั้วลวดหนาม ส่วนในพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่งถือเป็นแนวพื้นที่อ่อนไหวมากที่สุดจากกรณีพิพาทเขตแดนและมีปัญหาการรุกล้ำพื้นที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พบทหารกัมพูชาเพิ่มกำลังมากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะในบริเวณ “จุดเต็นท์สีฟ้า” ซึ่งตั้งอยู่ประชิดแนวชายแดน บางส่วนติดอาวุธครบมือและมีลักษณะเฝ้าระวังใกล้ชิด จากนั้นในช่วงสายกองกำลังบูรพายังพบความเคลื่อนไหวผิดปกติ เมื่อกล้องโดรนบันทึกภาพกลุ่มชาวกัมพูชาจำนวนมาก ทั้งในเครื่องแบบทหารและประชาชน กลุ่มคนแต่งกายคล้ายพระ ออกมารวมตัวกันอยู่บริเวณแนวรั้วชายแดนฝั่งกัมพูชา ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว โดยทหารมาพร้อมอาวุธ และประชาชนในพื้นที่ชายแดน มีลักษณะเหมือนการจัดแถวและรวมกลุ่มกันเป็นจำนวนมากกัมพูชาอ้างไทยทำผิดข้อตกลงต่อมาเฟซบุ๊กเพจ “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ชี้แจง กรณีกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) โดยกองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) ส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51 ของกัมพูชา เรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ 10 ต.ค.แต่กัมพูชากลับตอบโต้ ทภ.1 ให้ระงับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า “บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว คือเขตอธิปไตยไทย #ส่งใจให้ทหารไทยทวงคืนอธิปไตย” และมีรายละเอียดว่า “กัมพูชาส่งหนังสือตอบกลับให้กองทัพภาคที่ 1 ระงับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เนื่องจากไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์จากข้อตกลงการประชุม GBC ต้องรอการตัดสินใจจากระดับสูง” “ระงับอะไร? นั่นพื้นที่อธิปไตยไทย” กัมพูชาจ้องไลฟ์สดหวังเก็บภาพความรุนแรง หลังฝ่ายไทยทำการปรับพื้นที่แนวลวดหนามหนองหญ้าแก้วกัมพูชาแห่ไลฟ์ไทยเก็บกู้ทุ่นระเบิดสำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว บริเวณรั้วลวดหนาม ที่เริ่มขึ้นในเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าฝ่ายไทยที่มีทั้งกองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยมีการนำรถถากถางหุ้มเกราะ D5 เข้าเคลียร์พื้นที่อยู่นั้น ในฝั่งกัมพูชาพบว่ามีทหารกัมพูชาและสื่อมวลชนแห่เข้ามาสังเกตการณ์ พร้อมถ่ายภาพถ่ายคลิปการดำเนินการของทหารไทย นอกจากนี้ยังพบชาวกัมพูชาและกลุ่มบุคคลแต่งกายคล้ายพระ มารวมตัวกัน แต่ไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายหรือความผิดปกติใดๆรมช.กห.ตามสถานการณ์ใกล้ชิดขณะที่อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องประชุม ร.12 พัน.3 รอ. พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม เดินทางมาติดตามสถานการณ์ที่ จ.สระแก้ว และรับฟังสรุปสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา และการปฏิบัติงานที่สำคัญ รวมถึงแผนปฏิบัติของ กกล.บูรพา พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ พล.ท.อดุลย์และคณะ ได้เดินทางไปมอบของให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน ณ หมวดทางหลวงหนองสังข์ จากนั้นเดินทางไปยังร้อย.ฉก.ตชด.4 ต.โนนหมากมุ่น มอบสิ่งของให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจ ทั้ง ชค.ทพ.13, ชค.ตชด.12, อส., อคฝ. และ จนท.ป่าไม้ทภ.1 นำคณะ IOT ดูหน้างานนอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่จากกองทัพภาคที่ 1 ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) ประจำราชอาณาจักรไทย นำโดยพลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารมาเลเซีย ประจำกรุงเทพฯ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวฯ พร้อมคณะทูตทหารจากอีก 4 ประเทศ เดินทางมาสังเกตการณ์ใน จ.สระแก้วหลายจุด ประกอบด้วย บ้านวังมน อ.อรัญประเทศ ตรวจสอบบริเวณช่องทางที่เคยถูกใช้ในการลักลอบข้ามพรมแดน ต่อด้วยบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง ดูแนวลวดหนามและระบบป้องกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านโจกเจย จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา แล้วไปต่อยังบ้านหนองหญ้าแก้ว ตรวจดูการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามข้อตกลงหยุดยิง โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน รวมถึงบริเวณหลักเขตที่ 36 อ.ตาพระยายันไทยจัดการผู้ล้ำแดนตามหลักสากลผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่คณะ IOT เดินทางถึงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิด พบว่าฝั่งกัมพูชามีการรวมตัวของมวลชนและสื่อมวลชนรวมนับร้อยคนมาอยู่บริเวณตรงข้ามสนามทุ่นระเบิดที่ฝ่ายไทยได้กั้นแนวเขตแดนและวางรั้วลวดหนามรอบหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการสับสนระหว่างปฏิบัติการ พร้อมจัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) 1 กองร้อย เข้าดูแลความเรียบร้อย และชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด 4 ชุด ใช้รถถากถางหุ้มเกราะ D5 เข้าปฏิบัติการตรวจค้นและเก็บกู้วัตถุระเบิดตกค้างในพื้นที่ฝ่ายไทย คาดว่าจะได้พื้นที่ปลอดภัยรวม 38,256 ตารางเมตร ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจงให้คณะ IOT รับทราบถึงขั้นตอนดำเนินการจัดการพื้นที่ที่ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของไทย เป็นไปตามมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้กรอบกฎหมายไทยและหลักสากลตู้คอนเทนเนอร์ถึงบ้านหนองจานส่วนที่บ้านหนองจาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศตลอดช่วงเช้าคักคึกไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่นำสินค้าเครื่องดื่ม อาหาร และของที่ระลึกออกขาย สิ่งที่ทำสะดุดตาและเป็นที่สนใจคือ “โบ” ที่เป็นสัญลักษณ์รูปธงชาติ มีผู้ซื้อมาติดหรือพกพาเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน นอกจากนี้ กลุ่มผู้สูงอายุชาวหนองจาน กล่าวว่า พวกเรามาให้กำลังใจทหารแบบห่างๆ เพราะทุกคนทำงานเหน็ดเหนื่อยเพื่อปกป้องแผ่นดิน พวกเราอยากมามอบกำลังใจอยู่ตรงนี้และขอภาวนาอย่าให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นเลย อยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ขณะที่ขบวนตู้คอนเทนเนอร์ 60 ตู้ของ “กัน จอมพลัง” เคลื่อนมาถึงพื้นที่ในช่วงเช้าเป็นที่เรียบร้อยผ่านวันแรกด้วยความเรียบร้อยต่อมาศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้ออกเอกสารสรุปสถานการณ์ประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ณ เวลา 15.00 น.ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ทั้งในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว แม้จะมีมวลชนทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชามารวมตัวหลักร้อยคน แต่ต่างอยู่ในพื้นที่ของตนเอง โดย กกล.บูรพา กองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) และฝ่ายปกครอง ยังคงตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยของทั้ง 2 พื้นที่ สถานการณ์ภาพรวมยังไม่มีเหตุการณ์ใช้กำลังเข้าระงับเหตุ กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดในห้วงวันเวลาที่ได้เปรียบ ทั้งนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ประจำในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อติดตามการปฏิบัติของหน่วยและการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีกองพลทหารราบที่ 51 กัมพูชา แจ้งให้ฝ่ายไทยระงับการเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ้างละเมิดข้อตกลง GBC นั้น กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการดังกล่าวในพื้นที่อธิปไตยของไทยไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์ตร.ใช้ คฝ.6 กองร้อยร่วมคุมพื้นที่ด้าน พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ที่ครบกำหนดเส้นตายที่ฝ่ายไทยยื่นคำขาดให้ชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่ทับซ้อนบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ในวันที่ 10 ต.ค.เป็นวันแรกว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับตำรวจในพื้นที่ทั้งตำรวจภูธรภาค 2 ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมยุทธการกับกองทัพเพื่อรักษาแผ่นดินไทย รักษาอธิปไตยของชาติ โดยปฏิบัติตามกฎหมาย ยุทธวิธีตามมาตรฐานสากล สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้กำลังตำรวจภูธรภาค 2 เป็นตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) 6 กองร้อย หรือ 1,020 นาย และขอความร่วมมือประชาชนผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ดังกล่าว ร่วมเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ และตรวจสอบข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการ ระมัดระวังการเผยแพร่ ส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือน สร้างความตื่นตระหนกในพื้นที่ โดยสอบถามหรือแจ้งเหตุได้ที่สายด่วน 1599“สุรินทร์-อุบลฯ” ใช้ชีวิตตามปกติส่วนชายแดนไทยกัมพูชาฝั่งอีสานใต้ บริเวณย่านการค้าตลาดชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตลอดวัน พบว่าประชาชนเปิดร้านค้าขายกันตามปกติ แต่ทุกคนก็ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ทั้งนี้ ชาวบ้านจากพื้นที่ ต.กาบเชิง และ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จำนวน 18 คน ที่อพยพไปอยู่ที่วัดศรีรัตนาราม ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ มากว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ชายแดน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้รัฐบาลและกองทัพจัดการเรื่องกัมพูชาให้ออกจากแผ่นดินไทยให้จบ จะยิงก็ยิงให้เต็มที่ไปเลย ให้รู้ว่าไทยพูดจริงทำจริง ไม่ใช่พูดเล่น เป็นประเทศที่เด็ดขาด อย่าให้กัมพูชามาหัวเราะว่าเราไม่เด็ดขาด เช่นเดียวกับที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตลอดวัน บรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความสงบ ชาวบ้านเปิดร้านและออกมาจับจ่ายใช้สอยตามปกติ โรงเรียนและสถานที่ราชการเปิดเรียน ไม่ได้มีอาการหวั่นกลัวแบบสถานการณ์ที่ จ.สระแก้ว แต่อย่างใดทบ.ยันคลิปจริงกัมพูชาลอบตัดรั้ว ส่วนกรณีเฟซบุ๊กเพจ “ส่องเขมร” โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า “เมื่อวันที่ 05/10/68 ทหารกัมพูชาประจำจุดแนวรบพื้นที่ปราสาทตาควาย ลงคลิปตัดลวดหนามหีบเพลงออก แต่แอดไม่แน่ใจว่าเป็นคลิป ภาพใหม่หรือเก่าที่นำมาลง” ต่อมา พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า จากคลิปดังกล่าว กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แล้วพบว่า แนว ลวดหนามป้องกันตนเองของฝ่ายไทยถูกตัดในพื้นที่บริเวณทิศตะวันออกของปราสาทตาควาย ประมาณ 3 กิโลเมตร คาดว่าถูกตัดในช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว สำหรับคลิปวิดีโอที่ปรากฏนี้ ถือเป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดมาตรการหยุดยิง รวมถึงข้อตกลงของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) อย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการที่กัมพูชาพยายามแสดงออกหรือมีแถลงการณ์ต่างๆต่อเวทีโลก ที่ระบุว่ามีความจริงใจและต้องการหาทางออกด้วยสันติวิธี ทั้งที่เป็นฝ่ายเพิ่มความตึงเครียดและสร้างสถานการณ์ต่างๆในบริเวณพื้นที่ชายแดนทภ.2 ยื่น 3 ข้อให้กัมพูชาก่อนจัด RBCขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ที่อำเภอกรุงสำโรง จังหวัดอุดรเมียนจีย์ (ตรงข้ามด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ต.ค. มีการประชุมฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการชายแดนส่วน ภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา นำโดยพลตรี กัมปนาท วาพันสุ ประธานกองเลขานุการ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทยกัมพูชา/เสนาธิการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 2 และพลจัตวา นิด ณารง รองเสนาธิการภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา มีการพูดคุยถึงรายละเอียดที่ฝ่ายไทยยื่นข้อเสนอต่อฝ่ายกัมพูชา คือการถอนกำลังพล อาวุธหนัก และการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่มีปัญหาการเผชิญหน้ากันอยู่อย่างเร่งด่วน ซึ่งท่าทีฝ่ายกัมพูชาตอบรับกลับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้กำหนดให้ฝ่ายกัมพูชาต้องยื่นแผนภายในวันที่ 15, 16 และ 17 ตุลาคม 2568 ที่จะมีการประชุม RBC อีกครั้ง เพื่อลงพื้นที่ตรวจพร้อมกัน ส่วนข้อเสนอจากฝ่ายกัมพูชา มีแค่สอบถามถึงการส่งกลับตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 คน ซึ่งได้รับคำตอบว่าจะส่งตัวกลับเมื่อความขัดแย้งยุติลงอย่างสมบูรณ์เท่านั้นกลาง ต.ค.นี้รู้ผลแผนเก็บกู้ระเบิดพลตรี กัมปนาท กล่าวว่า การประชุม RBC อีกครั้งในวันที่ 15, 16 และ 17 ตุลาคม 2568 นี้จะเป็นครั้งที่ 3 โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้กดดันให้ทางกัมพูชาส่งแผนเพื่อลงตรวจพร้อมกัน โดยประชุมที่ด่านช่องจอมฝั่งไทย ทางเราได้ให้ทางฝั่งกัมพูชาจัดทำแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่เร่งด่วน ได้แก่ พื้นที่ช่องอานม้า ช่องกร่าง ช่องบก และช่องจอม ซึ่งทางกัมพูชารับเอกสารและข้อเสนอเพื่อกลับไปประชุมกัน และจะแจ้งมาให้เราทราบอีกครั้งในกลางเดือนนี้นายกฯย้ำทำทุกอย่างตาม ก.ม.ต่อมาในเวลา 17.20 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ถึงสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว ว่า ได้รับรายงานแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตามกระบวนการที่ฝ่ายกองทัพร่วมมือกับฝ่ายปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยตำรวจ ฝ่ายปกครอง ป่าไม้ ที่จะดำเนินการรักษาดินแดน และรักษาอธิปไตยของเราอย่างเต็มที่ ตอนนี้ทราบว่ามีการเก็บกู้ทุ่นวัตถุระเบิดที่ส่งผลอันตรายต่อคนไทยและชาวกัมพูชา พร้อมขอให้ส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะทุกคนอยู่ในความกดดัน ต้องทำอย่างไรให้ละมุนละม่อมที่สุด และทำอย่างไรไม่ให้เขาสร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปฟ้องประชาคมโลกว่าเราทำรุนแรงเกินกว่าเหตุจีนย้ำเป็นกลางปัญหาไทย–กัมพูชานอกจากนี้ วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถ้อยแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เกี่ยวกับท่าทีของจีนต่อความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และกรณีสื่อตะวันตกรายงานจีนให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธจำนวนมากแก่กัมพูชาว่า จีนในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของทั้งไทยและกัมพูชา ยึดมั่นจุดยืนแห่งความเป็นกลางและส่งเสริมให้ไทยและกัมพูชาเจรจากันด้วยสันติวิธีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่