นายกรัฐมนตรียืนยันกัมพูชาต้องปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ย้ำชัดส่วนไหนที่เป็นพื้นที่ราชอาณาจักรไทยก็ต้องออกไป แม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่ดูการเตรียมพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานผลักดันชาวกัมพูชาพ้นแดนไทยในวันครบเส้นตาย ขณะที่บรรยากาศบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังนิ่งเงียบ ชาวกัมพูชารวมถึงเด็กนักเรียนยังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีสัญญาณการเก็บข้าวของเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ ด้านกองทัพภาคที่ 2 ยังพบโดรนกัมพูชาบินล้ำเข้ามาฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง 17 ลำ 6 พื้นที่นับถอยหลังอีกเพียงวันเดียวก็ถึงกำหนดเส้นตายชาวกัมพูชาที่บุกรุกล้ำแดนเข้ามาอยู่อาศัยในเขตแผ่นดินไทยพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ต้องออกไปจากดินแดนไทยที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 7 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค. มีการประชุมหารือกันแล้วก็ดำเนินการตามที่เรามีข้อตกลงกับเขาไว้ ยืนยันว่าเขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) มีสาระสำคัญอยู่ 4 ข้อคือ ถอนอาวุธ ถอนกำลัง ปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และบริหารสถานการณ์ชายแดนให้เรียบร้อย ส่วนไหนที่เป็นพื้นที่ของราชอาณาจักรไทยก็ต้องออกเมื่อถามว่า ขณะนี้มีการจับตามองเรื่องสิทธิมนุษยชน จะคืนความยุติธรรมให้คนไทยอย่างไร จะเป็นความยากลำบากในการตัดสินใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เห็นยากเลย คนไทยจะต้องได้รับความยุติธรรม คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอยู่แล้ว คนที่มารุกล้ำประเทศไทยถ้าเข้ามาโดยการบุกรุกก็ต้องออกไปชัดเจน คนเป็นนายกฯพูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะมอบหมายไปหมดแล้ว ต้องรักษาอธิปไตย รักษาชายแดน รักษาแผ่นดิน เป็นเรื่องของกองทัพให้อำนาจเต็มไปหมดแล้ว การดูแลประชาชนที่ จ.สระแก้ว สิทธิต่างๆ ผวจ.ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ ทุกคนได้รับมอบอำนาจทั้งหมดให้ไปเมื่อถามว่า กรณีมีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจะมีผลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันอยู่ ได้มอบให้หน่วยงานต่างๆรับผิดชอบเต็มที่ เขาต้องดำเนินการตามนั้น ตนให้การสนับสนุนทุกอย่าง เมื่อถามว่า จะมีโอกาสลงพื้นที่ด้วยตัวเองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มี จะเป็นเวลาที่เหมาะสมก็ต้องดูด้วย เมื่อถามว่า ในวันที่ 10 ต.ค. จะไม่สามารถผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เขาก็มีการดำเนินการอยู่ หลักการได้บอกเขาไปแล้วส่วนบรรยากาศที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ผู้สื่อข่าว จ.สระแก้วรายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า ทหารกองกำลังบูรพาได้ออกลาดตระเวนตรวจตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ชาวบ้านฝั่งไทยบางส่วนยังออกไปทำไร่และเลี้ยงสัตว์ตามปกติและเฝ้าติดตามสถานการณ์แนวชายแดน ที่เหลือเวลาอีกไม่นานจะถึงเส้นตายในการผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำดินแดนไทยต้องอพยพออกจากพื้นที่ นอกจากนี้ทหารยังใช้โดรนบินสำรวจตรวจการณ์เหนือหมู่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วตลอดแนวชายแดน ประเมินความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนชาวกัมพูชาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พบว่าสถานการณ์โดยรวมยังปกติ ไม่พบมวลชนชาวกัมพูชาออกมารวมตัวที่แนวรั้วชายแดนเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ และทหารกัมพูชายังคงประจำจุดเดิมมีการผลัดเปลี่ยนเวรยามเฝ้าสังเกตการณ์ฝั่งไทยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงรายงานจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า จากภาพถ่ายทางอากาศที่บันทึกได้ในช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค. พบภายในหมู่บ้านฝั่งกัมพูชา เช่น หมู่บ้านเปรยจัน และโจ๊ะใจ ชาวกัมพูชารวมถึงเด็กนักเรียนยังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีสัญญาณการเก็บข้าวของหรือเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาเปิดเผยด้วยว่า ตลอดหลายวันที่ผ่านมา สถาน การณ์ในพื้นที่มีความสงบต่อเนื่อง แต่ยังมีการเฝ้าตรวจและบินสำรวจด้วยโดรนทุกวัน ป้องกันเหตุไม่คาดคิดในช่วงนับถอยหลังสู่วันครบกำหนดการอพยพของชาวกัมพูชาขณะที่ฝั่งไทย โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว มีการตั้งจุดเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองอย่างเข้มงวด มีการผลัดเปลี่ยนเวรยาม ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวจากฝั่งตรงข้าม สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่าเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังเสริมพร้อมยานพาหนะและเตรียมแผนรองรับ กรณีที่ประชาชนฝั่งกัมพูชาเริ่มเคลื่อนย้ายหรือเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นก่อนถึงวันเส้นตาย โดยยืนยันว่าจะดำเนินการตามแนวทางสันติวิธีและประสานงานผ่านช่องทางความมั่นคงตามกรอบข้อตกลงระหว่างประเทศ ในช่วงที่เหลือก่อนถึงวันครบกำหนดการอพยพของชาวกัมพูชาวันเดียวกัน พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ติดตามสถานการณ์และตรวจเยี่ยมความพร้อมในการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงาน พล.ท.วรยส เข้ารับฟังการบรรยายสรุปแผนการปฏิบัติและแผนเผชิญเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งร่วมชม กำกับดูแลการซักซ้อมเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน ในพื้นที่ภูมิประเทศจำลอง เพื่อให้เกิดความพร้อมสูงสุดในการบังคับใช้กฎหมาย ภารกิจหลักในการลงพื้นที่อีกประการ คือมาให้กำลังใจแก่กำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการดูแลปกป้องอธิปไตยของชาติ ยืนยันว่ากองทัพภาคที่ 1 จะดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ เตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกับดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างดีที่สุดขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า สถานการณ์โดยรวมมีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย 4 ลำ พื้นที่โดนตวล 1 ลำ พื้นที่ซำแต 3 ลำ พื้นที่ภูผี 2 ลำ พื้นที่ฐานปฏิบัติการหนองแค ร้อย.ทพ.2602 จำนวน 1 ลำ บริเวณเหนือเนิน 350 จำนวน 6 ลำ และตรวจพบรถแบ็กโฮ รถบรรทุก 10 ล้อ ทำการปรับปรุงที่มั่นขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นการปรับปรุงบังเกอร์สำหรับหลบภัย ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามและเตรียมความพร้อม ในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ทางด้านบรรยากาศการรับเงินเยียวยาจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาของชาว จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. วันที่สองของการรับเงินเยียวยา ยังเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทยอยเดินทางมาตรวจสอบยอดเงินและเบิกถอนเงินจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขากันทรลักษ์ มีคนเข้าคิวรอเช็กยอดเงินกันจำนวนมาก หลายคนที่มารับเงินเยียวยากล่าวว่า แม้จำนวนเงินที่ได้รับอาจไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดช่วงที่ต้องอพยพ แต่ขอขอบคุณภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือ ช่วยบรรเทาภาระในช่วงที่ผ่านมาพอสมควร นอกจากนี้ตามธนาคารต่างๆมีประชาชนทยอยมาตรวจสอบยอดเงินเยียวยาอย่างต่อเนื่องขณะที่บริเวณหน้า ธ.ก.ส. สาขา อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค. มีประชาชนชาว อ.น้ำยืน เดินทางมาเช็กยอดเงินและถอนเงินเยียวยากันอย่างต่อเนื่อง สำหรับวันที่ 7 ต.ค.เป็นรอบแรกในพื้นที่ อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย อ.น้ำขุ่น ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา นางสมรักษ์ สายแวว หนึ่งในชาว อ.น้ำยืน ที่ต้องอพยพ กล่าวว่า ที่หมู่บ้านไม่มีจรวดบีเอ็มตกในพื้นที่ แต่ต้องอพยพตามคำสั่งของทางราชการ เงินที่ได้จะนำมาใช้จ่ายและเตรียม พร้อมหากได้อพยพอีกครั้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่