นายกฯถก คอภ.ตั้งศูนย์แก้น้ำท่วม-เยียวยา ผู้ประสบภัย ชง ครม.เทงบฯกว่า 6 พันล้าน จ่ายครัวเรือนละ 9 พันบาท ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยหลายจังหวัดยังวิกฤติ ที่อุบลราชธานี แม่น้ำมูลเอ่อ ท่วมชุมชนสองฝั่งอำเภอ ชาวบ้านโอดศูนย์พักพิงคนเยอะห้องน้ำไม่พอ ส่วนพิจิตร แม่น้ำน่านเซาะคันดินพังท่วมถนนหน้าโรงพยาบาลตะพานหิน อ่างทอง แม่น้ำเจ้าพระยาเซาะใต้เขื่อนกั้นน้ำท่วมห้องเรียน ครูต้องย้ายเด็กสอบชั้นสอง ด้านสองเขื่อนใหญ่ “ภูมิพล-สิริกิติ์” อั้นไม่ไหว สทนช.จ่อปล่อยน้ำเพิ่ม 40-50 ล้าน ลบ.ม. การันตีปีนี้ไม่หนักเหมือนมหาอุทกภัย 54สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังวิกฤติ ที่ จ.อุบลราชธานี แม่น้ำมูลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำทั้งฝั่ง อ.เมืองอุบลราชธานี และ อ.วารินชำราบ โดยเฉพาะชุมชนท่าบ้งมั่ง ชุมชนหาดสวนสุข ชุมชนท่ากอไผ่ และชุมชนหาดสวนยา อ.วารินชำราบ น้ำท่วมบ้านสูง เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 13 อุบลราชธานี อพยพชาวบ้านไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวข้างสำนักงานที่ดินอำเภอวารินชำราบ แต่ยังมีชาวบ้านอีกกว่า 100 ครอบครัวไม่อยากทิ้งบ้าน เจ้าหน้าที่นำอาหารปรุงสุขและน้ำดื่มใส่เรือท้องแบนไปส่งให้แต่ละหลังคาเรือน ส่วนเขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานีขณะนี้ชุมชนถูกน้ำท่วม 12 ชุมชน ย้ายไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว 314 ครอบครัวนางสุพินยา เกตุสุวรรณ ชาวบ้านหาดสวนสุข อ.วารินชำราบ เปิดเผยว่า ย้ายมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวข้างสำนักงานที่ดินอำเภอวารินชำราบได้ 2 วันแล้ว แต่ความเป็นอยู่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะสิ่งของที่จำเป็นอย่างน้ำดื่มและห้องน้ำมีไม่เพียงพอ เดิมเคยใช้ห้องน้ำในสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานีที่อยู่ใกล้กัน แต่คนเยอะ ส่วนใหญ่ไปใช้แล้วไม่ช่วยกันดูแลความสะอาด ทำให้สำนักงานสหกรณ์ ไม่อยากให้ผู้อพยพไปใช้เหลือรถสุขาเคลื่อนที่แค่คันเดียว ไม่เพียงพอต่อผู้อพยพ สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดตอนนี้คือขอให้เพิ่มรถสุขาจ.บุรีรัมย์ นายเสกสรร จันวงษา นายอำเภอพุทไธสง สั่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหาย 4 ตำบล นาข้าวจมน้ำกว่า 8,400 ไร่ นายเสกสรร เผยว่า พุทไธสงเป็นพื้นที่รับน้ำจาก จ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น มีแม่น้ำ 3 สายไหลมารวมกันทั้งลำน้ำมูล ลำน้ำสะแทด และลำน้ำพังชู ทำให้ประสบปัญหาน้ำท่วมเกือบทุกปี ยิ่งปีนี้น่าเป็นห่วงน้ำเอ่อท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านหลายแห่ง การสัญจรลำบากล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีพายุลูกใหม่อีกระลอก อาจมีพื้นที่ติดริมน้ำใน ต.มะเฟือง เสี่ยงถูกน้ำท่วมอีก 3 หมู่บ้านคือบ้านดอนตูม บ้านส้มกบ และบ้านเพียแก้ว ขณะนี้แจ้งเตือนประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยให้เก็บทรัพย์สินเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้ขึ้นที่สูงไว้แล้วที่ จ.ระยอง เกิดฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมสาย รย.4009 บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลชากบก อ.บ้านค่าย ระยะทางกว่า 2 กม. รถ จยย.และรถเล็กสัญจรลำบาก น้ำไหลข้ามถนนท่วมบ้านร้านค้าและห้องแถวให้เช่า อีกจุดถนนสายชากบก-เชิงเนิน บริเวณสี่แยกชากกอไผ่ น้ำท่วมสูง มีรถบางคันลุยฝ่ากระแสน้ำเกิดเครื่องยนต์ดับกลางทาง นางลำใย ศรีชุมพล อายุ 65 ปี เจ้าของร้านขายกะทิ เผยว่า เกิดมาจนอายุขนาดนี้ไม่เคยเห็นน้ำท่วมถนนตรงหน้าเทศบาลตำบลชากบกเหมือนปีนี้ น้ำป่ามาเร็วมาก ซัดเอาเครื่องคั้นมะพราวและมะพร้าวกว่า 100 ลูกหายไปกับสายน้ำอย่างรวดเร็วจ.พิจิตร ผลกระทบจากแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นไหลเซาะคันดินกั้นน้ำในพื้นที่หมู่ 1 ต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน พังทลาย น้ำทะลักลงทุ่งย้อนกลับเข้าท่วมถนนหน้า รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหิน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร่วมกับทหาร มทบ.36 ตำรวจและชาวบ้านช่วยกันกรอกกระสอบทรายนำไปวางกั้นน้ำพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายลงท่อไม่ให้ไหลเข้าพื้นที่โรงพยาบาล นพ.วิศิษฎ์ อภิสิทธิ์วิทยา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ตอนนี้ระบบรักษายังจัดการได้ มีการวางแผนเรื่องป้องกันน้ำและให้ความสำคัญเรื่องการรักษาคนไข้และเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน ตอนนี้ผู้รับบริการไม่สามารถขับรถเข้ามาในโรงพยาบาลได้ชั่วคราว หากผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้เปลนอนหรือรถเข็นจะมีเจ้าหน้าที่ศูนย์เปลและ รปภ.คอยบริการบริเวณทางเข้าโรงพยาบาลที่ อบต.กง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม มีนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผวจ.สุโขทัย สรุปสถานการณ์น้ำ อ.กงไกรลาศ ที่เป็นพื้นที่ล่างสุดของจังหวัด ขณะนี้น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พบปะผู้ประสบภัย และมอบถุงยังชีพจำนวน 840 ชุดและสุขาลอยน้ำ 10 หลัง ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจแม่น้ำยม พร้อมหารือ ผวจ.สุโขทัย จัดทำแผนป้องกันน้ำโครงการ “กงไกรลาศโมเดล” ตามแนว “บางระกำโมเดล” ของ จ.พิษณุโลกขณะที่ชาวบ้านในหลายตำบลของ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ยังคงเผชิญกับน้ำท่วม ล่าสุดระดับน้ำยังสูงกว่า 1.5 เมตร ถนนถูกตัดขาด ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจร นายวสันต์ กล่ำสี อายุ 58 ปี สมาชิก อบต.ท่านางงาม อ.บางระกำ เผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านกว่า 1,000 ครอบครัว ถูกน้ำท่วมมานานกว่า 2 เดือน เส้นทางเข้าออกถูกตัดขาด 4 หมู่บ้าน ส่วนตำบลใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ปีนี้นาข้าวเสียหายมาก ส่วนใหญ่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวไม่ทัน เพราะน้ำมาเร็วกว่าทุกปี และไม่มีท่าทีว่าจะลดระดับลงง่ายๆด้านสถานการณ์จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงได้รับผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ระบายน้ำท้ายเขื่อนในอัตรา 2,500 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้พื้นที่ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะในชุมชนวัดมะปราง หมู่ 5 ต.โพนางดำออก น้ำท่วมบ้านสูง ถึง 1 เมตร นายภิรมย์ โถสุวรรณ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพนางดำออกนำเจ้าหน้าที่ร่วมกับหน่วยกู้ภัยย้ายผู้สูงอายุไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ส่วนผู้ป่วยติดเตียงนำไปรักษาที่โรงพยาบาลจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายจ.อ่างทอง แม่น้ำเจ้าพระยาไหลลอดใต้เขื่อนกั้นน้ำเข้าท่วม ร.ร.วัดตาลเจ็ดช่อ ต.ตลาดกรวด อ.เมืองอ่างทอง ครูใช้ปั๊มไดโว่สูบน้ำออกจากห้องเรียนที่มีน้ำขังประมาณ 20-30 ซม. และย้ายเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ชั้นล่างขึ้นไปสอบปลายภาคบนชั้นสอง นายสุจินดา โกเมนสวัสดิกุล ครู ร.ร.วัดตาลเจ็ดช่อ เปิดเผยว่า หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น น้ำซึมใต้เขื่อนป้องกันน้ำเข้าท่วมโรงเรียนขยายวงกว้าง โรงเรียนพยายามสูบน้ำออกและย้ายเด็กไปไว้ชั้นสอง ดีที่วันนี้สอบภาคเรียนเป็นวันสุดท้ายแล้ว ไม่เช่นนั้นทั้งครูและนักเรียนคงลำบากกว่านี้ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.25 น. วันเดียวกัน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมร่วมกับกรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำว่าที่ประชุมเห็นว่าต้องปรับการระบายน้ำ 2 เขื่อนหลักคือเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปล่อยน้ำจากทั้ง 2 เขื่อนรวมกันไม่เกิน 30 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมามีปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ ทำให้ต้องปรับการระบายน้ำเพิ่ม อาจปรับการระบายน้ำของ 2 เขื่อนเพิ่มขึ้นประมาณ 40-50 ล้านลูกบาศก์เมตร หากวันที่ 6-8 ต.ค.นี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปอาจปรับระบายน้ำเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ตัวเลขปริมาณน้ำปีนี้เมื่อเทียบกับปี 54 ถือว่าต่ำกว่า อีกทั้งปริมาณช่องว่างของเขื่อนสามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าปี 54 ฉะนั้นไม่ต้องกังวลที่ทำเนียบรัฐบาล เย็นวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 ว่า ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการขึ้นมาใหม่ มีทั้งศูนย์เยียวยาช่วยเหลือ และศูนย์ปฏิบัติการการระบายน้ำ โดยให้ระบายน้ำออกไปอ่าวไทยให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องการเยียวยาใช้หลักเดียวกับปีที่แล้ว ประสบภัยเกิน 7 วัน เยียวยารายครอบครัวครัวเรือนละ 9,000 บาท ใช้ช่องทางจ่ายเหมือนกับปีที่แล้วด้านนายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม คอภ.เพิ่มเติมว่า ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. ถึงวันที่ 6 ต.ค. มีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น 685,554 ครัวเรือน เยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,169.986 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทำหนังสือเวียน และจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในวันที่ 14 ต.ค. นายกฯกำชับเรื่องการเร่งรัดเบิกจ่ายขอให้ทำโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ว่าท่วมปีนี้ได้เงินปีหน้าอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่