คณะ IOT มาเลเซีย รุดเยี่ยม 18 เชลยศึกกัมพูชา-ช่องสายตะกู เจอทั้งบ่อนกาสิโน-ตึกสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ตั้งตระหง่านฝั่งกัมพูชา หัวหน้าคณะชื่นชมกองทัพไทยรักษากติกาหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ด้าน “โรม” บุกภูมะเขือ พร้อมฝากการบ้านรัฐบาลมีอำนาจเต็มแล้วต้องหามาตรการเชิงรุกไม่ใช่แค่เจรจา ส่วน "มทภ.2-ผบ.ทร." ประสานเสียงเตรียมสร้างรั้วแนวชายแดนแน่นอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน-กำลังพล ขณะที่กองทัพภูมิภาคที่ 5 ของกัมพูชาร่อนหนังสือปฏิเสธคำร้องของกองทัพภาคที่ 1 ที่ให้จัดทำแผนอพยพชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ใน “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว-ตาพระยา” จ.สระแก้ว ออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ชี้เกินอำนาจของกลไกชายแดนระดับภูมิภาค-ละเมิดข้อตกลงทวิภาคีสัปดาห์นี้ไทยยังต้องลุ้นจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ทั้ง 3 ด้านได้หรือไม่ รวมถึงการผลักดันคนกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามายึดดินแดนไทยใน 7 จังหวัดที่มีพื้นที่ชายแดนติดกัน เมื่อวันที่ 5 ต.ค. เป็นวันที่สองของภารกิจคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) ที่มีผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ในช่วงเช้า คณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่ควบคุม 18 เชลยศึกกัมพูชา อ.เมืองสุรินทร์ เป็นที่แรก จากนั้นเดินทางต่อไปยังแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทหารในพื้นที่อธิบายสถานการณ์ในพื้นที่ให้คณะฟัง ทั้งรายละเอียดของหลักหมุด เขตแดนที่ 24 (ช่องจันทร์แดง) หลักหมุดเขตแดนที่ 25 (ช่องสายตะกู) หลักหมุดเขตแดนที่ 26 (ช่องจันทบเพชร) และพบตึกบ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ 1 แห่ง ชื่อ “สายตะกูรีสอร์ต” หากมองจากฝั่งไทย รวมถึงยังพบตึกสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์อีกหนึ่งแห่งที่มีเสาสัญญาณพร้อมต่อมา พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย กล่าว โดยมี “ผู้กองอะตอม” ร้อยเอกหญิง ปวิชญา วลีสุขสันต์ ผู้ช่วยโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และทำหน้าที่ล่ามแปลเป็นภาษาไทยว่า เท่าที่สำรวจเบื้องต้นทหารไทย กองทัพบกยังรักษากติกาหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่มีการเพิ่มกำลังพลหรือยุทโธปกรณ์แต่อย่างใด สิ่งที่สำคัญคือการเสริมสร้างและการร่วมมือทางทวิภาคีที่ตกลงกัน ภายใต้การประชุม RBC GBC และ JBC ต้องมีความจริงใจ ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความตึงเครียดของทั้งสองประเทศ หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทั้งนี้หวังว่าการเจรจา JBC จะเกิดขึ้นโดยเร็ว โดยจะนำข้อมูลส่งไปตามลำดับขั้นต่อไปขณะที่ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงแนวทางการสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา หลังลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการทางทหารกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ที่ จ.บุรีรัมย์ ว่าไม่เพียงแค่รั้วลวดหนามอย่างเดียว แต่ต้องมีองค์ประกอบอื่น เพื่อเสริมความมั่นคง เช่น การติดกล้อง CCTV เพื่อสอดส่องในเวลากลางคืน โดยรั้วในพื้นที่สำคัญทางยุทธวิธี ก็วางก่อน ส่วนจะขยายอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต อันดับแรกเราทำในส่วนการป้องกันตัวเองก่อน ทำให้กำลังพลเราปลอดภัย ต้องวาง เพราะเมื่อทหารปลอดภัยคนก็จะปลอดภัยวันเดียวกัน ที่ภูมะเขือ จุดยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ประธาน กมธ. เดินทางมาติดตามปัญหาด้านความมั่นคง โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ภูมะเขือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญมาก มาครั้งนี้ต้องการมาขับเคลื่อนว่าทำอย่างไรให้เกิดการคลี่คลายความขัดแย้งตามแนวชายแดน รวมทั้งการสนับสนุนหน่วยงานความมั่นคง ให้เกิดการยกระดับการป้องกัน อีกด้านคือเรื่องเทคโนโลยี การหามาตรการและยุทธศาสตร์ใหม่ๆ นำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา รัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือน เราอยากเห็นการทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีความมั่นใจ เวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หากเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ประชาชนต้องพร้อมหลบภัยได้ทันที และโจทย์ระยะสั้นของนายอนุทินคือ ทำอย่างไรให้ประชาชนตามแนวชายแดนได้รับการเยียวยาโดยเร็วที่สุดส่วนบรรยากาศที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อช่วงเช้า โดยรวมเป็นไปด้วยความสงบเงียบ ไม่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวบ้านหรือมวลชนฝั่งกัมพูชาออกมารวมตัวบริเวณแนวรั้วชายแดน ส่วนบริเวณจุดสังเกตการณ์บ้านหนองหญ้าแก้ว มีทหารกัมพูชาประจำการอยู่ตามจุดต่างๆของแนวรั้ว ด้วยลักษณะท่าทีที่สบายๆไม่มีการถืออาวุธ แต่ถือกล้องหรือมือถือคอยเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวฝั่งไทยอย่างใกล้ชิดกระทั่งเวลา 12.40 น. พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนกัมพูชา พากันเดินทางเข้ามายังพื้นที่ หมู่บ้านเปรยจัน ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้วของไทย มีลักษณะการรวมกลุ่มพูดคุยและเดินไปมาภายในหมู่บ้าน พร้อมกันนี้ยังพบว่ามีทหารของกัมพูชา ประจำการอยู่ตามจุดเฝ้าระวังแนวชายแดน และบางส่วนยืนคอยสังเกตมายังฝั่งไทย ทั้งนี้ ทหารไทยที่อยู่ประจำจุดตรวจแนวชายแดนได้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเวรยามเฝ้าระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามหรือการกระทำที่อาจสร้างความเข้าใจผิดระหว่างสองประเทศต่อมามีรายงานว่า กองทัพภูมิภาคที่ 5 ของ กัมพูชา ส่งหนังสือปฏิเสธอย่างเป็นทางการต่อคำร้องของ พล.ท.วรยศ เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ของไทย ที่ให้จัดทำแผนอพยพประชาชนชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ ในพื้นที่รอบบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว รวม 3 พื้นที่ และส่งมอบแผนอพยพนี้ให้กับกองทัพภาคที่ 1 ภายในวันที่ 7 ต.ค.2568 จึงยอมประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10-12 ต.ค. ที่ปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา กองทัพภูมิภาค ที่ 5 ของกัมพูชา ระบุว่า การดำเนินการตามคำร้อง ของไทยเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่มีอยู่ และยังเป็นการดำเนินการที่เกินขอบเขตอำนาจของกลไกชายแดนระดับภูมิภาค ประเด็นดังกล่าวอยู่ในอำนาจของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไม่ใช่ของ RBC มีอำนาจเพียงในการจัดการเหตุการณ์เฉพาะหน้าในพื้นที่ บรรเทาความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยสันติวิธี ไม่มีอำนาจในการกำหนดเกี่ยวกับเส้นเขตแดนนอกจากนี้ ในบางพื้นที่มีการยึดครองและแสวง ประโยชน์โดยคนไทยภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ปัญหานี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความยากลำบากในการแก้ไขปัญหาชายแดน จำเป็นต้องเคารพข้อตกลงและหลักการที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน ไว้ในอดีต กัมพูชามุ่งมั่นที่จะเคารพสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายได้ ตกลงกันไว้ กล่าวคือรอผลการประชุม JBC โดยเฉพาะกรณีในพื้นที่บ้านโจคเจย และบ้านไปรจัน (รวมถึง พื้นที่ที่มีการก่อสร้างของไทยและประชาชนชาวไทย ดำเนินการอยู่นอกเขตชายแดนบางพื้นที่) ในเรื่องนี้ กัมพูชายังคงผลักดันให้มีการประชุม JBC เพื่อหาทางออกโดยเร็วอย่างสันติ และเป็นที่ยอมรับร่วมกันของทั้งสองฝ่าย พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเคารพข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในการประชุม GBC และ RBC ที่ผ่านมาอย่างเต็มที่และเน้นย้ำถึงความ จำเป็นในการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อกระบวนการหาทางออกอย่างสันติวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลีกเลี่ยงกิจกรรมใดๆที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย ระหว่างรอการพิจารณาของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศวันเดียวกัน พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษก กองทัพเรือ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผบ.ทร. นำคณะผู้บังคับบัญชาเดินทางลงพื้นที่ชายแดน ได้รับทราบสถานการณ์ชายแดนล่าสุดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมแผนการรองรับ หากมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหาร ในการปฏิบัติการปกป้องอธิปไตยของชาติ รวมทั้ง ติดตามความก้าวหน้าของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี และตราด (กปช.จต.) ในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำอธิปไตย ตลอดแนวจังหวัดจันทบุรีและตราด รวมถึงตรวจสอบการรื้อทำลายสิ่งปลูกสร้างกรณีบ้าน 3 หลัง บริเวณบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองตราด ด้วยตัวเอง และเดินทางไปบริเวณหลักเขตที่ 52-58 ใน อ.สอยดาว และ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เพื่อดูพื้นที่และสั่งการให้เตรียมพื้นที่เพื่อสร้างรั้วถาวรตามแนวชายแดน ตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ ผบ.ทร.เน้นย้ำว่ากองทัพเรือมีความพร้อมเต็มที่ในการรักษาอธิปไตย เพื่อให้ ประชาชนในพื้นที่จันทบุรีและตราดสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุขอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่