การประกาศมาตรการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวของเกาหลีใต้ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปที่เดินทางกับบริษัทนำเที่ยวที่มีใบอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.นี้ไปจนถึง 30 มิ.ย.2569 โดยสามารถพำนักได้ไม่เกิน 15 วัน เป็นความเคลื่อนไหวที่ได้รับความสนใจในระดับนานาชาติ มีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ประเมินว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มอีกกว่า 1 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกปีหน้า ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูงที่สุดและมีสัดส่วนการใช้จ่ายกว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจึงมีส่วนช่วยลดการขาดดุลการท่องเที่ยวที่แตะ 2,260 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมานอกจากมิติทางเศรษฐกิจ การผ่อนคลายข้อกำหนดการเข้าเมืองครั้งนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณแสดงถึงความพยายามของรัฐบาลนายอี แจ–มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีนที่ตึงเครียดมานานกว่า 8 ปี นับตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธธาด (THAAD) ตามจุดต่างๆในเกาหลีใต้เมื่อปี 2560 และสอดรับกับกระแสคาดการณ์ว่า นายสี จิ้นผิง ประธานา ธิบดีจีน จะเดินทางเยือนกรุงโซล เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดเอเปก ในปลายเดือน ต.ค.นี้อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก พรรคพลังประชาชน (PPP) ฝ่ายค้านสายอนุรักษนิยมที่ออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง มองว่าเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยสาธารณะ โดยอ้างความกังวลเรื่องการอยู่เกินกำหนดและการแพร่ระบาดของโรค ขณะที่สื่อมวลชนบางส่วนมองว่าการโจมตีดังกล่าวสะท้อนอคติและความพยายามสร้างความเกลียดชังต่อชาวจีนเพื่อหวังผลทางการเมืองระยะสั้น พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายค้านร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อให้มาตรการนี้เกิดผลอย่างแท้จริง ไม่ใช่บ่อนทำลายและสร้างความแตกแยกแต่หากชั่งน้ำหนักดูแล้ว นโยบายยกเว้นวีซ่านี้ไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ การทูต และความมั่นคงกับชาติมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความได้เปรียบและเสน่ห์ของเกาหลีใต้เหนือคู่แข่งในภูมิภาคอย่างญี่ปุ่นและไทย โดยเฉพาะในตลาดการเดินทางระยะสั้น ถือเป็นทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจ และหมากสำคัญในเกมการทูตเกาหลีใต้.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม