ลุ้นระทึกพายุลูกใหม่ “แมตโม” ก่อตัวที่ฟิลิปปินส์ จ่อเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนาม อุตุฯชี้ มีฝนถล่มไทยหนักอีกระลอก 6-8 ต.ค.นี้ ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่อุตรดิตถ์หลายอำเภอคลายวิกฤติ มวลน้ำไหลลงแม่น้ำน่านเอ่อทะลักท่วมต่อ อ.พิชัย รีบอพยพชาวบ้านหนีน้ำวุ่น เชียงใหม่อ่วมหนักที่ฝางทั้งถนนหนทางย่านการค้าจมบาดาล โรงเรียนต้องปิดสอนรีบอพยพเด็กนักเรียนกลับบ้าน แม่ฮ่องสอนดินสไลด์ปิดเส้นทางหลายหมู่บ้านถูกตัดขาด ทหารส่ง ฮ.ขนถุงยังชีพบินส่งให้ผู้ประสบภัย ลุ่มเจ้าพระยายังน่าห่วง น้ำเหนือเพิ่มสูงต่อเนื่อง เขื่อนเจ้าพระยาต้องปรับเพิ่มระบายน้ำขึ้นเป็น 2,400 ลบ.ม.ต่อวินาที แจ้งเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนเฝ้าระวังใกล้ชิดถึงแม้ว่าพายุ “บัวลอย” จะสลายตัวไปแล้ว แต่ทิ้งมวลน้ำมหาศาลจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือและอีสานเกิดน้ำท่วมขังหลายจังหวัดสร้างความเดือดร้อนแสนสาหัส เมื่อวันที่ 2 ต.ค. จ.อุตรดิตถ์ สถานการณ์น้ำท่วมวิกฤติหนักในรอบ 50 ปี น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ อ.น้ำปาด อ.ท่าปลา อ.ทองแสนขัน และ อ.ตรอน มีแนวโน้มดีขึ้น ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเร่งทำความสะอาดบ้านเรือนร้านค้า ขณะที่มวลน้ำไหลลงสู่แม่น้ำน่านเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมต่อในพื้นที่ อ.พิชัย บ้านเรือนและสถานที่ราชการ รวมถึงพื้นที่การเกษตรนาข้าวในหลายตำบล โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจเขตเทศบาลที่มีชุมชนหนาแน่นได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง บางจุดพื้นที่ต่ำระดับท่วมสูง 1.70 เมตร อาทิ ชุมชนในบุ่ง ศาลเจ้าแม่ทับทิมเทศบาลตำบลในเมือง ชาวบ้านติดอยู่ในบ้านเรือนตัวเองกว่า 400 หลัง หน่วยกู้ภัยระดมกำลังลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออพยพออกมาในที่ปลอดภัยแล้วสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.อุตรดิตถ์ สรุปข้อมูลผู้สูญหายและเสียชีวิต อ.ท่าปลา เสียชีวิต ชายอายุ 59 ปี ขี่รถ จยย.ฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวถูกซัดจมน้ำเสียชีวิต อ.น้ำปาด บุคคลสูญหาย 5 ราย เสียชีวิต หญิงอายุ 60 ปี โดนน้ำพัด อ.ทองแสนขัน เสียชีวิต ชาย 1 ราย เป็นผู้พิการทางสมอง อ.พิชัย สูญหาย ชายอายุ 47 ปี ทำงานแพปลานิลกลางแม่น้ำน่าน ถูกกระแสน้ำพัดพยายามเอาแพเข้าฝั่ง เมื่อถึงสะพานข้ามแม่น้ำน่านโยนเชือกไปเกี่ยวเสามีสายไฟพาดลงต่ำ ทำให้ถูกไฟช็อตพลัดตกแพจมหายไปในน้ำวันเดียวกัน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นำกำลังอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ลำเลียงถุงยังชีพ น้ำดื่ม ข้าวปรุงสุก เข้าไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยที่วัดเนินชัย ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 107 ครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมอบเงินให้ครอบครัวละ 2,000 บาท เพื่อบรรเทาทุกข์เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และยังมอบขนมและเงินสดให้เด็กๆในชุมชนอีกคนละ 200 บาท ถือเป็นหน่วยงานแรกที่เข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้นให้ชาวบ้านพากันปรบมือและยิ้มขอบคุณด้วยความดีใจขณะที่ทีมกู้ภัยชุดตอบโต้ภัยพิบัติหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำเรือท้องแบนออกช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บ้านแก้ อ.ตรอน และ ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ช่วยอพยพผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และสัตว์เลี้ยงออกจากบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนส่งต่อให้ทีมแพทย์ การปฏิบัติงานเผชิญอุปสรรคทั้งกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ผู้สูงอายุบางรายต้องปีนหลังคามาลงเรือกู้ภัยทุลักทุเลจ.เชียงใหม่ น้ำท่วมหนักพื้นที่ อ.ฝาง ได้รับผลกระทบทั้งบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ถนนอ้อมเมืองฝางตั้งแต่แยกหนองตุ้มถึงแยกโป่งน้ำร้อน น้ำป่าไหลบ่าข้ามถนนสูงกว่า 50 ซม. ช่วงแยกโป่งน้ำร้อนถึงบ้านหนองผนัง รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ สะพานข้ามลำห้วยแม่ใจมีน้ำไหลแรง รวมถึงย่านเศรษฐกิจการค้าในตัวเมืองฝาง หน้า รพ.ฝาง บ้านต้นหนุน บ้านหนองโฮง บ้านฟอกซ์แลนด์ ระดับน้ำสูงรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่อ่างเก็บน้ำห้วยบอน ต.เวียง น้ำล้นสปิลเวย์เข้าท่วมพื้นที่นาและไหลบ่าเข้าพื้นที่เขตเทศบาลตำบลเวียงฝาง กระแสน้ำไหลเชี่ยวแรงจนทางโรงเรียนเทศบาลต้องประกาศปิดเรียน รีบอพยพเด็กนักเรียนออกมายังจุดที่ปลอดภัยให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้านจ.แม่ฮ่องสอน พ.อ.ต่อพงษ์ ชำนาญอาสา ผบ.ฉก.ทพ.ที่ 36 เผยว่า เกิดน้ำป่าไหลหลากดินโคลนสไลด์ปิดทับถนนเส้นทางสัญจรหลายพื้นที่ใน อ.แม่สะเรียง ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ ฮท.212 ยุทโธปกรณ์กองทัพบก ปฏิบัติภารกิจลำเลียงถุงยังชีพ 30 ชุดพร้อมน้ำดื่ม 100 แพ็กที่ได้รับการสนับสนุนจาก อบต.แม่คง ขนส่งทางอากาศเข้าพื้นที่บ้านห้วยแห้ง ต.แม่คง เนื่องจากเกิดเหตุดินสไลด์ปิดเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางออกมารับความช่วยเหลือได้ การขนส่งทางอากาศเป็นทางเลือกสำคัญเพื่อให้สิ่งของจำเป็นถึงมือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที นายสงกรานต์ สันติกูล นายก อบต.แม่คง นำคณะลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เผยว่า หมู่บ้านห้วยแห้งได้รับความเสียหายหนัก ถนนถูกตัดขาด โรงเรียนบ้านห้วยแห้งถูกพายุซัดพัง เด็กนักเรียนและชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือด่วนจ.เพชรบูรณ์ สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ อ.หล่มสัก เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักลดลงจนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ชาวบ้านเริ่มเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนร้านค้า แต่ในพื้นที่ ต.ตาลเดี่ยว และ ต.ปากดุก ยังมีระดับน้ำสูง 30 ซม.ถึง 1 เมตร และไหลแรง ประชาชนบางส่วนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ นายศรัณยู มีทองคำ ผวจ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจนำสิ่งของไปแจกจ่ายและสั่งการช่วยเหลือประชาชนอพยพกลุ่มเปราะบาง ให้ความช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ ตั้งโรงครัวพระราชทานและโรงครัวในพื้นที่แจกจ่ายอาหาร คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาต่อเนื่องระดับน้ำจะลดลงภายใน 3-4 วัน สรุปความเสียหายจากอุทกภัยใน จ.เพชรบูรณ์ ได้รับผลกระทบ 9 อำเภอ 84 ตำบล 542 หมู่บ้าน 2 เทศบาลเมือง 20 ชุมชน กว่า 20,000 ครัวเรือน 15,096 คน และมีผู้เสียชีวิต 5 รายจ.นครสวรรค์ หลายหมู่บ้านใน ต.เกรียงไกร อ.เมืองนครสวรรค์ พื้นที่ริมแม่น้ำน่านยังเดือดร้อนหนักจากน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหมู่ 6 หมู่ 8 และหมู่ 12 ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของหนีน้ำขึ้นที่สูงและบางส่วนต้องขนออกมาวางกองไว้ข้างถนน หลายคนอพยพมาพักอาศัยอยู่ตามเต็นท์ที่ศาลาริมทาง เผชิญความลำบากทั้งสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ตกกลางคืนก็มียุงชุกชุม เช่นเดียวกับชาวบ้านชุมชนบางปรอง หมู่ 6 ต.นครสวรรค์ออก ได้รับผลกระทบน้ำจากบึงบอระเพ็ดและแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อเข้าท่วมชุมชนเกือบทั้งหมด หลายคนพบเจอสัตว์อันตรายหลายชนิด เช่น จระเข้ตัวเล็ก และงูพิษที่มากับน้ำสถานการณ์เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นายวัชระ ไกรสัย ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 12 เผยว่า หลังเกิดฝนตกหนักและฝนสะสมจากพื้นที่ตอนบนและในพื้นที่ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนยกตัวสูงขึ้นอีก 90 ซม. การระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาวันที่ 2 ต.ค.ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จะทยอยปรับเพิ่มจากอัตรา 2,300 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 2,400 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 16.00 น. และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง จะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นอีก 10-30 ซม. ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำท่าจีน เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำฝน รวมถึงน้ำท่าอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะคันดินป้องกันน้ำอาจจะรับมวลน้ำไม่ไหวขณะที่ ต.หาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท พื้นที่ลุ่มต่ำติดแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มมีบ้านเรือนริมน้ำได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหาดอาษา ร่วมกับผู้นำชุมชน ทหาร อส. และชาวบ้าน เร่งกรอกกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำไม่ให้เอ่อเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ จุดเสี่ยงอยู่ที่หมู่ 3 ระดับน้ำสูงเท่าแนวกระสอบทราย 1.20 เมตร เชื่อว่าจะสามารถต้านทานน้ำไหวหากเขื่อนระบายน้ำไม่เกิน 2,500 ลบ.ม./วินาทีจ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นไปที่ 2,400 ลบ.ม./วินาที ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่รอบเกาะเมืองอยุธยา ย่านเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดมีทั้งสถานที่ราชการ ห้างร้าน ประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก จุดต่ำสุดอยู่บริเวณเจดีย์ศรีสุริโยทัย ถนนอู่ทอง เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้สร้างแนวคันป้องกันน้ำท่วมติดแม่น้ำเจ้าพระยาระยะทางยาวกว่า 900 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร นำแบริเออร์มาตั้งคลุมทับด้วยแผ่นผ้าใบแล้วนำกระสอบทรายกว่า 5,000 ถุง มาวางทับตลอดแนว ถ้าน้ำล้นตลิ่งก็สามารถเสริมกระสอบทรายป้องกันได้อีกจ.ปทุมธานี น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สามโคก บ้านเรือนริมแม่น้ำได้รับผลกระทบต่อเนื่อง นายเอกวิทย์ มีเพียร ผวจ.ปทุมธานี คนใหม่ นำคณะลงพื้นที่ชุมชนวัดเจดีย์ทอง ต.คลองควาย และชุมชนวัดกร่าง ต.บางกระบือ ลงเรือเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัยพร้อมนำถุงยังชีพมอบให้ผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มผู้เปราะบาง สำหรับพื้นที่ชุมชนวัดเจดีย์ทอง ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีบ้านเรือน 60-70 หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมานานกว่า 1 เดือน ส่วนชุมชนวัดกร่างมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบนับร้อยหลัง ส่วนใหญ่ชาวบ้านเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว ได้ร้องขอ ผวจ.ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรือบรรทุก เรือลากจูง ขอให้ลดความเร็ว เนื่องจากแรงคลื่นของเรือสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเรือนริมน้ำกรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายสภาพอากาศ ช่วงวันที่ 2-5 ต.ค. ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ในขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ส่วนช่วงวันที่ 6-8 ต.ค. ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพ มหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยสำหรับพายุโซนร้อน “แมตโม” (MATMO) ที่ก่อตัวขึ้นบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนผ่านเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนช่วงวันที่ 3-4 ต.ค. คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนผ่านตอนใต้ของประเทศจีนและเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 5-6 ต.ค. หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว พายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่