ในการประชุมรัฐสภา แถลงนโยบายรัฐบาล “นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล” นอกจากพรรคประชาชน พรรคฝ่ายค้านหลักจะเปิดอภิปรายเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลแล้ว บางช่วงมีการพาดพิงไปถึงเนื้อหาสาระการใช้งบประมาณโครงการคาบเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จนเกิดวิวาทะในที่ประชุมระหว่าง 2 พรรคการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายสอบถามนายกฯและรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับทิศทางนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลที่ผ่านมา สรุปว่ารัฐบาลชุดใหม่เข้ามาแล้วมีแนวทางอย่างไรกับนโยบายนี้ จะเดินหน้าต่อหรือไม่ หรือปรับปรุง เปลี่ยนแปลงโครงการอย่างไรรวมถึงการใช้งบฯซอฟต์พาวเวอร์ 113 โครงการ กระจายตัวอยู่ใน 27 หน่วยงาน สนับสนุนการท่องเที่ยว ในปีงบฯ 2569 เกือบ 4,000 ล้านบาท เพราะที่ผ่านมาสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) ที่ดูแลนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้เสนอกฎหมายรองรับ จึงต้องกระจายของบฯตามหน่วยงานนอกจากนั้น สส.พรรคประชาชน ยังอภิปรายผลกระทบต่อเนื่อง เมื่อมีการเปลี่ยนอำนาจ ทั้งเรื่องการเบิกจ่ายงบฯที่ผ่านมา รวมถึงโครงการต่อเนื่องอย่างโครงการ “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์” หรือ (OFOS) ที่มีแผนกิจกรรมจัดฝึกอบรมเพิ่มทักษะฝีมือให้ประชาชน เพื่อการสนับสนุนรายได้จากรัฐบาลให้ทุกครอบครัวทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา สส. พรรคประชาชน ตั้งแต่ยุคพรรคก้าวไกล เกาะติดนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ตามเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเวทีแถลงนโยบายรัฐบาล เวทีอภิปรายงบประมาณ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐบาลที่ผ่านมา จนเปลี่ยนแปลงมาถึงยุคของรัฐบาลชุดนี้อย่างไรก็ดี ที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องการขุดคุ้ย ตอบโต้ทางการเมือง คือจากนี้ไปนโยบายซอฟต์พาวเวอร์จะเป็นอย่างไร หลังใช้งบฯ 2 ปีกว่าไปหลายพันล้านบาท หรือจะเป็นเช่นหลายๆนโยบายในอดีต เป็นกระแสก็แห่ตามกัน อย่างโครงการประชารัฐยุครัฐบาลหนึ่ง หน่วยงานใดจะของบฯก็ต้องใช้ชื่อทำนองนี้ แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลก็ยกเลิกเช่นเดียวกัน “ซอฟต์พาวเวอร์” เป็นอีกนโยบายบังคับของรัฐบาลเพื่อไทย ถึงวันนี้ก็ยังลูกผีลูกคน แถมมีแนวโน้มปิดฉากให้เป็นอีกบทเรียนของนโยบายชั่วครู่ชั่วคราว ที่สำคัญกว่านั้นความหวังที่จะเห็นการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยกระดับสินค้า บริการ ศิลปะ วัฒนธรรม ให้เป็นจุดแข็งจุดขายของประเทศก็คงต้องรอกันต่อไป.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม