ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ ถ้าออกตัวดีย่อมหมายถึงชัยชนะที่อยู่ข้างหน้า ตรงกันข้าม หากไม่เป็นอย่างนั้น ก็ตัวใครตัวมัน มันเป็นอย่างนี้แหละการเมืองไม่ว่าประเทศไหนการเริ่มต้นที่ดีเหมือนมีชัยไปแล้ว ก็อยากบอกไปถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี “ส้มหล่น” เพราะการได้ตำแหน่งในครั้งนี้ก็เพราะเงื่อนไขการเมืองเป็นตัวกำหนด!ไม่ใช่เพราะความเป็นไปที่แท้จริงเมื่อฝ่ายค้าน “ประชาชน” ยกมือสนับสนุนแล้วก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยมันจะยุ่งยากในทางปฏิบัติเนื่องจากต้องทำหน้าที่ 2 อย่างในเวลาเดียวกันแต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น 4 เดือนเท่านั้นเพื่อแลกกับการ “ยุบสภา” และ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ”ถ้าคิดว่าคุ้มมันก็คุ้ม ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ก็คงไม่เลือกทางนี้นั่นแหละที่ทำให้ “เพื่อไทย” แค้นฝังหุ่นเนื่องจากกลายเป็นฝ่ายแค้นก่อนลงสนามเลือกตั้งทั้งๆที่ใช้เล่ห์เพทุบายทุกอย่างแล้วแต่ไม่ได้ผล!ดังนั้นช่วงเวลาก่อนจะครบ 4 เดือน จึงต้องหาวิธีที่จะให้ “ประชาชน” หันมาร่วมมือกันเพื่อล้มรัฐบาล “หนู 1” ให้ได้นั่นคือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ว่าจะเป็นประเด็นเขากระโดง ฮั้ว สว.ที่เป็นแผลติดตัวมาของ “ภูมิใจไทย”แต่คงไม่ใช่เรื่องง่าย!แค่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำจิตวิญญาณของ “ส้ม” บอกว่า ทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลแค่นี้ก็พอเห็นภาพแล้วถือว่าเป็นบรรยากาศคั่นเวลาก่อนจะถึงศึกใหญ่แล้วกัน29–30 ก.ย.2568 ชัดเจนแล้ว รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งก่อนที่จะบริหารประเทศได้“เพื่อไทย” คงได้ทีเซาะเต็มที่!แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเป็นการแถลงนโยบายไม่ใช่การเปิดซักฟอก ซึ่งประชาชนน่าจะสนใจเนื้อหาว่ารัฐบาลจะทำอะไรมากกว่าการเล่นเกมการเมืองว่าไปแล้ว “เพื่อไทย” ไปลุ้น “ทักษิณ ชินวัตร” จะได้ออกจากคุกไปคุมการลอกท่อ ดีกว่ามั้ง เพราะถือว่าได้ออกจาก “คุก” เป็นครั้งแรกอีกทางหนึ่งก็ไปคิดเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคว่าเอาใครบ้าง เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง น่าจะดีกว่าเพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น มีความสำคัญต่อ “เพื่อไทย” มากที่น่าสนใจก็คือจะได้รู้ว่า “ชินวัตร” จะลามือทางการเมืองหรือสู้ต่อ คนที่เป็นแคนดิเดตคือ “คำตอบ” เนื่องจากจะเป็นตัวนำในตลาดการเมืองวันนี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” กำลังขายดี มีนักการเมืองระดับ “บ้านใหญ่” แห่เข้าพรรคภูมิใจไทยแบบหัวบันไดไม่แห้งแต่ “เพื่อไทย” ตรงกันข้ามคือลุ้นว่าจะมีใครออกบ้างเวลาเปลี่ยน สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนไป อันเป็นธรรมชาติที่มิอาจปฏิเสธความจริงข้อนี้ไปได้อันไม่ต่างไปจาก “ประชาธิปัตย์” ที่กำลังหวังลึกๆจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บรรดาลูกพรรคที่ยังอยู่และทิ้งพรรคไปแล้วเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคักมีทั้งพึ่งใบบุญขอแจ้งเกิดและแยกทางไปเกิดที่ใหม่อยู่ที่ว่าใครจะเป็นหัวขบวนนำทัพ...เท่านั้น!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม